SAMARTเน้นรับงานรัฐลั่นชำระหนี้ได้ตามแผนฯ


ผู้จัดการรายวัน(19 มกราคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

"สามารถ คอร์ปอเรชั่น" ฟันมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 2.4 พันล้านบาท เผยปีนี้เริ่มทยอยคืนหนี้เป็นปีแรก 150 ล้านบาท โดยจะนำเงินสดในมือมาชำระหนี้ ยืนยันการดำเนินงานบริษัทฯไร้ความเสี่ยง เพราะ เน้นรับงานหรือประมูลงานของภาครัฐทำให้มีรายได้แน่นอน

นายศิริชัย รัศมีจันทร์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัทสามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) (SAMART) เปิดเผยว่า หลังการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทลดภาระหนี้สินจากเดิมที่มีอยู่ 5,200 ล้านบาท เหลือ 2,800 ล้านบาท โดยบริษัทจะทยอยจ่ายชำระ หนี้ให้กับเจ้าหนี้ เป็นระยะเวลา 5 ปี ซึ่งปีแรกคือ ปี47 จ่ายชำระคืน 150 ล้านบาท ปีที่ 2 จ่าย 240 ล้านบาท ปีที่ 3 จ่าย 350 ล้านบาทและ 2 ปีสุดท้ายจ่ายประมาณ 800 ล้านบาท โดยแหล่งที่มาของเงินทุนจะมาจากผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ

การปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้บริษัทมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ได้ทั้งหมดกว่า 2,400 ล้านบาท และหลังจากที่บริษัทผ่านการปรับโครงสร้างหนี้เสร็จ บริษัทได้นำบริษัทย่อยคือ บริษัทสามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน)(SIM) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และประสบผลสำเร็จอย่างมาก นั่นเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นแล้วว่า บริษัทมีศักยภาพในการดำเนินงานอีกครั้ง

โดยปีนี้ SAMART เน้นการลงทุนไปยังภูมิภาคเอเชียมากขึ้น นอกเหนือจากการลงทุนใน ประเทศ ซึ่งจะเน้นการลงทุนแบบไม่ใช่การลงทุน ตั้งแต่เริ่มโครงการ แต่จะเน้นการเข้าประมูลงานหรือรับงานแบบ turn key เหมือนกับงานวางระบบคอมพิวเตอร์ในสนามบินสุวรรณภูมิที่ SAMART ได้ชนะการประมูลมานั้น มีมูลค่าโครง การประมาณ 2,220 ล้านบาท

ทั้งนี้ งานที่ SAMART จะเข้าประมูลหรือ ลงทุน ต้องหาพาร์ตเนอร์ที่ทำธุรกิจหรือเป็นสาย งานที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน และต้องเป็นงานที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของบริษัทที่ดำเนินการอยู่ และมีรายได้ค่อนข้างแน่นอน นอกจากนี้ ในทุก สายธุรกิจที่บริษัทให้บริการและดำเนินการอยู่ เหมือนการบริการ BUGที่ทำเงินเป็นกอบเป็นกำ ให้กับ SAMART โดยตกที่เดือนละประมาณ 8 ล้านนาที

สำหรับสายงานของ SAMART แบ่งเป็น 4 สายธุรกิจ คือ สายธุรกิจสื่อสารข้อมูลและอุปกรณ์สื่อสารไอที (I-Mobile Multimedia) สายธุรกิจบริการสื่อสารโทรคมนาคมภาคเอกชน (Samart Solutions) สายธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมภาครัฐ (Government Solutions) และ สายธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจระหว่างประเทศ ธุรกิจ การผลิตจานดาวเทียม เสาอากาศทีวี

โดยสายธุรกิจด้านไอ-โมบาย มัลติมีเดีย ทำรายได้ให้กลุ่มสามารถมากกว่า 65% และถือเป็น สายธุรกิจที่มีความสำคัญมากสำหรับบริษัท เพราะอยู่ใกล้กับผู้บริโภคมากที่สุด และบริษัทที่ดูสายงานนี้โดยตรงคือ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด(มหาชน) (SIM ) และปี 47 กลุ่ม SAMART ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 15,500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปี 46 ถึง 50%

นายศิริชัยยอมรับว่า การดำเนินงานของ SAMARTจะไม่มีความเสี่ยง เนื่องจากผู้บริหารมีการติดตามผลงานอย่างต่อเนื่อง ขณะที่งานที่รับมาหรือเข้าประมูลเป็นงานของรัฐซึ่งมีรายได้แน่นอน และงานจะจบลงภายในเวลาที่กำหนด

SIM เร่งเพิ่มสาขาทั่วประเทศ

นายจง ดิลกสมบัติ กรรมการผู้อำนวยการ สายธุรกิจ ไอ-โมบาย มัลติมีเดีย กลุ่มบริษัทสามารถ ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด(มหาชน) (SIM) กล่าว ว่า ปีนี้ SIM จะขยายช่องทางการจำหน่ายออกไปให้ครบ 400 เอาต์เล็ตทั่วประเทศ ซึ่งในจำนวน นี้จะเป็นแฟรนไชส์ 340 แห่ง พร้อมกับขยายแบรนด์ I-mobile ออกไปยังต่างประเทศ โดยขณะนี้ได้เริ่มมีการเจรจากับพาร์ตเนอร์ในต่างประเทศแล้ว คาดว่าจะสรุปผลได้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้

ส่วนด้านคอนเทนต์จะมีความร่วมมือกับเจ้าของคอนเทนต์ ในลักษณะร่วมทุน เพื่อเป็น การเตรียมความพร้อมด้านคอนเทนต์บรอดแบนด์ คาดว่าจะเห็นผลได้ในไตรมาส 2 นี้ ใน ปีที่ผ่านมา SIM มี ยอดขายเครื่องโทรศัพท์ในเครือฯกว่า 1 ล้านเครื่อง และปีนี้คาดว่าจะขาย ได้ประมาณ 1.2 ล้านเครื่อง คาดว่าปี 47 บริษัทฯ จะมีรายได้ 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มจากปี46 ที่มีรายได้รวมประมาณ 8,000 ล้านบาท



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.