แพรนด้าฯขายปีนี้2.8พันล.


ผู้จัดการรายวัน(16 มกราคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

แพรนด้าฯตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 2,800 ล้านบาท โตขึ้น 12% และมีกำไรเฉียด 400 ล้านบาท โดยปลายกุมภาพันธ์ นี้เดินโรงงานผลิตเครื่องประดับเงินที่จีนปีแรก 1.2 แสนชิ้น และผลิตเต็มกำลังผลิต 9 แสนชิ้นภายใน 7 ปี และ Break Event ในปีที่ 3 หลังเปิดดำเนินการผลิต ลั่นจ่ายปันผลงวดปี 46 สูงกว่าปีก่อนแน่นอน

นายปรีดา เตียสุวรรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) (PRANDA) เปิดเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2547 ว่า จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น บริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายรายได้จากการขายในปีนี้อยู่ที่ 2,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบจากปี 2546 ที่คาดว่าจะมีรายได้รวม 2,600 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิประมาณ 390 ล้าน บาท คิดเป็น 14% จากยอดขาย

สาเหตุที่มั่นใจยอดขายโต 12% นอกเหนือจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้นแล้ว บริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้าบางประเทศเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูง การหาตลาดใหม่เพิ่มเติม และ นโยบายภาครัฐในการผลักดันให้กรุงเทพฯเป็นเมืองแฟชั่น

โดยปัจจุบัน บริษัทฯมีการส่งออกเครื่องประดับอัญมณีไปต่างประเทศคิดเป็น 88% ที่เหลือจำหน่ายในประเทศ โดยตลาดส่งออกหลัก คือ สหรัฐฯ 40% อียู 35% และเอเชีย 13%

นายปรีดา กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯจะให้ความสำคัญในการผลิตสินค้าแบรนด์เนมของ บริษัทเองมากขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง ไม่ว่า จะเป็น พรีมาโกลด์ พรีมาไดมอนด์ ESSE และ พรีมาอาร์ต เป็นต้น โดยบริษัทฯจะขยายกำลังการผลิตในโรงงานที่มีอยู่ทุกแห่งเพิ่มขึ้น 10% ทั้งไทย เวียดนาม เพื่อรองรับตลาดที่ขยายตัว

ส่วนความคืบหน้า โรงงานผลิตเครื่องประดับเงินที่กวางโจว ประเทศจีน คาดว่าจะเริ่ม ดำเนินการผลิตได้ปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยเริ่มแรกจะผลิตอยู่ 1.2 แสนชิ้นต่อปี และจะผลิตเต็มที่ 9 แสนชิ้นในปีที่ 7 ซึ่งโรงงานดังกล่าว จะ Break Event ในปีที่ 3 หลังเปิดดำเนินการผลิต

การตัดสินใจลงทุนในจีนครั้งนี้ เนื่องจากจีนเป็นตลาดที่ใหญ่ และมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงมากที่สุดในโลก ดังนั้นปีนี้บริษัทฯ จะใส่เงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในการผลิตที่จีนจำนวน 50 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจาก กระแสเงินสดในมือของแพรนด้าฯที่สิ้นปี 2546 มีสูงถึง 300 กว่าล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจที่จะเข้าไปลงทุน ในอินเดีย แต่คงยังไม่ลงทุนในระยะเวลาอันสั้น เนื่องจากบุคลากรบริษัทฯไม่เพียงพอ และต้องการให้โรงงานในจีนดำเนินการไประยะหนึ่งก่อน

นางสุนันทา เตียสุวรรณ์ ประธานบริหารการเงิน บริษัทแพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯไม่เกิน 60% ของกำไรสุทธิ โดยปีนี้น่าจะจ่ายเงิน ปันผลจากงวดปีการดำเนินงาน 2546 ไม่ต่ำกว่างวดปีก่อน ซึ่งได้จ่ายเงินปันผลไป 80 สตางค์ต่อ หุ้น และถือเป็นบริษัทที่จ่ายปันผลเมื่อเทียบกับราคาหุ้นที่ 9.5% ติดอันดับบริษัทที่ให้ผลตอบ แทนการลงทุนดีที่สุดรายหนึ่ง

นายปรีดา กล่าวว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นแทบไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของ บริษัทฯ แม้ว่าราคาทองคำมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น มา แต่ไม่กระทบการส่งออกบริษัทฯ เพราะบริษัท จะตกลงราคากับลูกค้าทันทีที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบที่เป็นทองคำและเงิน รวมทั้งทบทวนราคาสินค้าทุก 3 เดือน และซื้อประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนด้วยที่ผ่านมา ยอดขายของบริษัท พรีมาโกลด์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายเครื่องประดับทองคำ บริสุทธิ์ 99.99% จึงไม่ตกลงจากราคาทองคำที่ปรับขึ้น แต่ยอดขายโตขึ้น 15%ในปีที่แล้ว เพราะ ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ยึดติดเรื่องราคาทอง แต่ซื้อเพราะเป็นทองคำบริสุทธิ์

"ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น มีผลกระทบทำให้ราคาทองคำแพงขึ้น เนื่องจาก ค่าเงินบาทเราผูกเงินสกุลดอลลาร์มากเมื่อเทียบค่าเงินอื่น ขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงด้วย แต่ค่าบาทแข็งกว่าเงินดอลลาร์สหรัฐแค่ 5% ขณะที่เงินสกุลอื่นๆแข็งค่าเมื่อเทียบสกุลดอลลาร์ถึง 15-20% ทำให้สินค้าส่งออกของเราในสายตาลูกค้ากลับถูกลงไป"

สำหรับตัวเลขการส่งออกรวมของกลุ่มสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในปี 2547 ภาครัฐคาดว่าจะขยายตัว 15% เป็นผลจากการขับเคลื่อนโครงการกรุงเทพฯเมืองแฟชั่น รวมทั้งแผนการเจาะตลาดกลุ่มประเทศเป้าหมายด้วยกลยุทธ์ต่างๆตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มวัตถุดิบ ส่งผลให้มีผู้ประกอบการขยาย มากขึ้น

การส่งออกในรายการสินค้าเครื่องประดับแท้ของไทย ตลอดเวลา 11เ ดือนสิ้นสุด พ.ย.2546 มีมูลค่า 1007.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตขึ้น 11.41% โดยแพรนด้าฯเป็นบริษัทที่มีมูลค่าการส่ง ออกเป็นอันดับ 1 ของประเทศ



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.