มาแรงแซงทางโค้งสำหรับ TISCO ที่ประกาศผลการดำเนินงานออกมาได้น่าประทับใจนักลงทุน
ยิ่งไปกว่านั้น จากนี้ไปจะเห็นความเคลื่อนไหวของพวกเขาอย่างคึกคัก ภายใต้ความเชื่อมั่นต่อการลงทุน
เมื่อเจ้าแห่งวงการไฟแนนซ์อย่าง บง.ทิสโก้ (TISCO) ประกาศผลการดำเนิน งานรอบปีที่แล้วออกมา
ย่อมคาดเดาได้ไม่ยากเย็นว่ารายอื่นๆ ที่กำลังทยอยประกาศตัวเลขนี้ออกมา ต้องไม่สร้างความผิดหวังให้กับตลาดเช่นเดียวกัน
ณ สิ้นปี 2546 พอร์ตสินเชื่อรวมของ TISCO เท่ากับ 48,992 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว
20% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยขนาดของสินเชื่อจำนวน 32,619 ล้านบาท
หรือ 67% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดเป็นสินเชื่อเช่าซื้อ เพิ่มขึ้น 39%
สาเหตุสำคัญ มาจากธุรกิจเช่าซื้อของ TISCO และบริษัทย่อยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) สิ้นปีที่แล้ว จำนวน 3,415 ล้านบาท หรือ
7% ของเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้รวม ลดลงจากปีก่อนหน้าที่มี NPLs 3,846 ล้าน บาท
หรือ 9% ของเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้รวม
นอกจากนี้ ยังมีสัดส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อหนี้ NPLs (Loan Loss Coverage
Ratio) เพิ่มเป็น 135% สูงกว่า สิ้นปี 2545 ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 122%
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2546 พบว่า TISCO มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 1,890 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 64% จากงวดเดียวกันของ ปีก่อนหน้า เนื่องเพราะมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลรับสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น
2,349 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของบริษัท
ด้านส่วนต่างของดอกเบี้ย (Net interest margin : NIM) กลับลดลงเหลือ 4.29% จาก
4.37% ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่ม ขึ้นเป็น 2,513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43%
ทั้งนี้เพราะมีรายได้ค่านายหน้าจากธุรกิจหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 824 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง
133% และมีรายได้จากค่าธรรมเนียม 1,046 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90%
ตัวเลขสวยหรูดังกล่าว เป็นผลจากบรรยากาศธุรกิจสินเชื่อโดยรวมขยายตัวขึ้น อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินเชื่อรายย่อย ทั้งสินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์
และสินเชื่อส่วนบุคคล
หากพิจารณาโครงสร้างสินเชื่อปีที่ผ่านมา ไม่รวมลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์แบ่งเป็นสินเชื่อบริษัท
20% สินเชื่อเช่าซื้อ 80%
ด้านธุรกิจหลักทรัพย์ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีทองของ TISCO สังเกตจากในไตรมาสสุดท้าย
ส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ระดับ 3.30% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ระดับ 3.11%
ประกอบกับมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นถึง 75%
แนวโน้มสดใส
ว่ากันว่าปีนี้ธุรกิจสินเชื่อและหลักทรัพย์ ยังคงอยู่ในเส้นทางการเจริญเติบโตต่อจากปีที่ผ่านมา
โดย TISCO ตั้งเป้าหมายอัตราการ ขยายตัวสินเชื่อไว้ที่ 5-10% สินเชื่อเช่าซื้อ
28% เช่นเดียวกับธุรกิจหลักทรัพย์ที่มุ่งเน้นลูกค้าสถาบันมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้รายได้ค่านายหน้ารวมถึงรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจสูงขึ้น
สิริณัฏฐา เตชศิริวรรณ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานของ
TISCO ปีนี้เพิ่มขึ้น 36% จากปีที่แล้ว และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 24% แต่ประเมินว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะเพิ่มไม่มากนักจากการแข่งขันรุนแรงขึ้น
เธอคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 9% โดยสินเชื่อรวมเพิ่มประมาณ 8,000 ล้านบาท และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิลดลงราว
0.20% ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจะเพิ่มประมาณ 33% และกำไรสุทธิเพิ่มราว 27%
ด้านสุภาวดี สุทธะพินทุ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา คาดว่าปีนี้
TISCO จะมีรายได้รวม 7,111 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,286 ล้านบาท "รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากธุรกิจหลักทรัพย์และจัดการกองทุนที่รับบริหารเพิ่มขึ้น"
เตรียมเป็นแบงก์
ทันทีที่แผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลังผ่านมติคณะรัฐมนตรี
(ครม.) TISCO ตัดสินใจยื่นเรื่องขอเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ และคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน
5 เดือนจะทราบผล
"การขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบนั้น ถือเป็นความต้องการของพวกเราอยู่แล้ว
ดังนั้น มาสเตอร์แพลนที่ออกมาจึงเป็นตัวหนุนทางอ้อมที่ทำให้สามารถดำเนินธุรกิจได้เร็วขึ้น"
ปลิว มังกรกนก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TISCO บอก
โดยการขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบนั้น TISCO ไม่ใช้วิธีการควบรวมกิจการหรือหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุน
แต่จะใช้วิธีรวมกิจการกับ บง.ไทยเพิ่มทรัพย์ (เดิมชื่อบง.ไทยซากุระ) ที่บริษัทซื้อกิจการมา
อย่างไรก็ตาม การรวมกิจการกับ บง. ไทยเพิ่มทรัพย์ คงไม่ช่วยให้สินทรัพย์ของบริษัทเพิ่มขึ้นมากนัก
เนื่องเพราะปัจจุบัน บง.ทิสโก้ มีสินทรัพย์รวมประมาณ 60,000 ล้านบาท ขณะที่อีกฝ่ายมีสินทรัพย์เพียง
100 ล้านบาท
"การเป็นแบงก์เต็มรูปแบบนั้นไม่จำเป็น ต้องมีฐานเงินทุนขนาดใหญ่ แม้การมีขนาดใหญ่ก็ใช่ว่าไม่มีความเสี่ยง
ดูจากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่แห่งอื่นๆ เห็นว่ามีหลายแห่งหันมาเน้นรายได้จากค่าธรรมเนียมมากกว่ารายได้จากด้านอื่น"
ปลิว อธิบาย
นอกจากนี้ เขาเปิดเผยเพิ่มเติมว่า การเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบช่วยให้สามารถทำธุรกิจได้คล่องตัวมากขึ้น
อีกทั้งยังช่วยลดรายจ่ายค่าธรรมเนียมบริการต่างๆ อย่างไรก็ตาม ช่วงแรกจะมุ่งเน้นทำธุรกิจในรูปแบบเดิมอยู่
คือปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ แล้วค่อยขยายการทำธุรกิจออกไป
"หากมีความพร้อมก็จะดำเนินการ แต่หากมองว่ายังไม่พร้อมหรือทำไปก็สู้คนอื่นไม่ได้
ก็จะยังไม่รีบเร่งขยายออกไป"
หากพิจารณาถึงความพร้อมของ TISCO ต่อการดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ อยู่ในระดับน่าสนใจ
เพราะปัจจุบันฐานะเงินกองทุนขั้นที่ 1 และเงินกองทุนรวมอยู่ที่ 8,644 ล้านบาท และ
9,652 ล้านบาท ตามลำดับ
อัตราส่วนเงินกองทุนขั้นที่ 1 และเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 19.2%
และ 2.2% ตามลำดับ โดยมี NPLs ต่อสินเชื่ออยู่ที่ 7% ซึ่งอัตราส่วนทั้งหมดสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.)
"พวกเรามองว่าแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นปัจจัยบวกมากกว่าปัจจัยลบ"
สุภาวดี บอก