TISCOดาวเด่นวงการไฟแนนซ์


ผู้จัดการรายวัน(16 มกราคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

มาแรงแซงทางโค้งสำหรับ TISCO ที่ประกาศผลการดำเนินงานออกมาได้น่าประทับใจนักลงทุน ยิ่งไปกว่านั้น จากนี้ไปจะเห็นความเคลื่อนไหวของพวกเขาอย่างคึกคัก ภายใต้ความเชื่อมั่นต่อการลงทุน

เมื่อเจ้าแห่งวงการไฟแนนซ์อย่าง บง.ทิสโก้ (TISCO) ประกาศผลการดำเนิน งานรอบปีที่แล้วออกมา ย่อมคาดเดาได้ไม่ยากเย็นว่ารายอื่นๆ ที่กำลังทยอยประกาศตัวเลขนี้ออกมา ต้องไม่สร้างความผิดหวังให้กับตลาดเช่นเดียวกัน

ณ สิ้นปี 2546 พอร์ตสินเชื่อรวมของ TISCO เท่ากับ 48,992 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 20% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยขนาดของสินเชื่อจำนวน 32,619 ล้านบาท หรือ 67% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดเป็นสินเชื่อเช่าซื้อ เพิ่มขึ้น 39%

สาเหตุสำคัญ มาจากธุรกิจเช่าซื้อของ TISCO และบริษัทย่อยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) สิ้นปีที่แล้ว จำนวน 3,415 ล้านบาท หรือ 7% ของเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้รวม ลดลงจากปีก่อนหน้าที่มี NPLs 3,846 ล้าน บาท หรือ 9% ของเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้รวม

นอกจากนี้ ยังมีสัดส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อหนี้ NPLs (Loan Loss Coverage Ratio) เพิ่มเป็น 135% สูงกว่า สิ้นปี 2545 ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 122%

สำหรับผลการดำเนินงานปี 2546 พบว่า TISCO มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 1,890 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% จากงวดเดียวกันของ ปีก่อนหน้า เนื่องเพราะมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลรับสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 2,349 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของบริษัท

ด้านส่วนต่างของดอกเบี้ย (Net interest margin : NIM) กลับลดลงเหลือ 4.29% จาก 4.37% ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่ม ขึ้นเป็น 2,513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% ทั้งนี้เพราะมีรายได้ค่านายหน้าจากธุรกิจหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 824 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 133% และมีรายได้จากค่าธรรมเนียม 1,046 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90%

ตัวเลขสวยหรูดังกล่าว เป็นผลจากบรรยากาศธุรกิจสินเชื่อโดยรวมขยายตัวขึ้น อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินเชื่อรายย่อย ทั้งสินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อส่วนบุคคล

หากพิจารณาโครงสร้างสินเชื่อปีที่ผ่านมา ไม่รวมลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์แบ่งเป็นสินเชื่อบริษัท 20% สินเชื่อเช่าซื้อ 80%

ด้านธุรกิจหลักทรัพย์ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีทองของ TISCO สังเกตจากในไตรมาสสุดท้าย ส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ระดับ 3.30% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ระดับ 3.11% ประกอบกับมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นถึง 75%

แนวโน้มสดใส

ว่ากันว่าปีนี้ธุรกิจสินเชื่อและหลักทรัพย์ ยังคงอยู่ในเส้นทางการเจริญเติบโตต่อจากปีที่ผ่านมา โดย TISCO ตั้งเป้าหมายอัตราการ ขยายตัวสินเชื่อไว้ที่ 5-10% สินเชื่อเช่าซื้อ 28% เช่นเดียวกับธุรกิจหลักทรัพย์ที่มุ่งเน้นลูกค้าสถาบันมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้รายได้ค่านายหน้ารวมถึงรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจสูงขึ้น

สิริณัฏฐา เตชศิริวรรณ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานของ TISCO ปีนี้เพิ่มขึ้น 36% จากปีที่แล้ว และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 24% แต่ประเมินว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะเพิ่มไม่มากนักจากการแข่งขันรุนแรงขึ้น

เธอคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 9% โดยสินเชื่อรวมเพิ่มประมาณ 8,000 ล้านบาท และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิลดลงราว 0.20% ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจะเพิ่มประมาณ 33% และกำไรสุทธิเพิ่มราว 27%

ด้านสุภาวดี สุทธะพินทุ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา คาดว่าปีนี้ TISCO จะมีรายได้รวม 7,111 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,286 ล้านบาท "รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากธุรกิจหลักทรัพย์และจัดการกองทุนที่รับบริหารเพิ่มขึ้น"

เตรียมเป็นแบงก์

ทันทีที่แผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลังผ่านมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) TISCO ตัดสินใจยื่นเรื่องขอเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ และคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 5 เดือนจะทราบผล

"การขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบนั้น ถือเป็นความต้องการของพวกเราอยู่แล้ว ดังนั้น มาสเตอร์แพลนที่ออกมาจึงเป็นตัวหนุนทางอ้อมที่ทำให้สามารถดำเนินธุรกิจได้เร็วขึ้น" ปลิว มังกรกนก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TISCO บอก

โดยการขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบนั้น TISCO ไม่ใช้วิธีการควบรวมกิจการหรือหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุน แต่จะใช้วิธีรวมกิจการกับ บง.ไทยเพิ่มทรัพย์ (เดิมชื่อบง.ไทยซากุระ) ที่บริษัทซื้อกิจการมา

อย่างไรก็ตาม การรวมกิจการกับ บง. ไทยเพิ่มทรัพย์ คงไม่ช่วยให้สินทรัพย์ของบริษัทเพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องเพราะปัจจุบัน บง.ทิสโก้ มีสินทรัพย์รวมประมาณ 60,000 ล้านบาท ขณะที่อีกฝ่ายมีสินทรัพย์เพียง 100 ล้านบาท

"การเป็นแบงก์เต็มรูปแบบนั้นไม่จำเป็น ต้องมีฐานเงินทุนขนาดใหญ่ แม้การมีขนาดใหญ่ก็ใช่ว่าไม่มีความเสี่ยง ดูจากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่แห่งอื่นๆ เห็นว่ามีหลายแห่งหันมาเน้นรายได้จากค่าธรรมเนียมมากกว่ารายได้จากด้านอื่น" ปลิว อธิบาย

นอกจากนี้ เขาเปิดเผยเพิ่มเติมว่า การเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบช่วยให้สามารถทำธุรกิจได้คล่องตัวมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดรายจ่ายค่าธรรมเนียมบริการต่างๆ อย่างไรก็ตาม ช่วงแรกจะมุ่งเน้นทำธุรกิจในรูปแบบเดิมอยู่ คือปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ แล้วค่อยขยายการทำธุรกิจออกไป

"หากมีความพร้อมก็จะดำเนินการ แต่หากมองว่ายังไม่พร้อมหรือทำไปก็สู้คนอื่นไม่ได้ ก็จะยังไม่รีบเร่งขยายออกไป"

หากพิจารณาถึงความพร้อมของ TISCO ต่อการดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ อยู่ในระดับน่าสนใจ เพราะปัจจุบันฐานะเงินกองทุนขั้นที่ 1 และเงินกองทุนรวมอยู่ที่ 8,644 ล้านบาท และ 9,652 ล้านบาท ตามลำดับ

อัตราส่วนเงินกองทุนขั้นที่ 1 และเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 19.2% และ 2.2% ตามลำดับ โดยมี NPLs ต่อสินเชื่ออยู่ที่ 7% ซึ่งอัตราส่วนทั้งหมดสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

"พวกเรามองว่าแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นปัจจัยบวกมากกว่าปัจจัยลบ" สุภาวดี บอก



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.