บางจากฯมั่นใจปีนี้ผล การดำเนินงานดีขึ้น หลังลดภาระดอกเบี้ยจ่าย และหันมาใช้น้ำมันดิบในประเทศเพิ่ม
เพื่อลดต้นทุนการผลิต ลั่นปี46 ถือเป็นปีสุดท้ายที่ขาดทุนสะสม เชื่อนัก ลงทุนสนใจจองซื้อดีอาร์หุ้นสามัญ
3 พัน ล้านบาททะลัก เตรียมเพิ่มกำลังการกลั่นถึงวันละ 1.05 แสนบาร์เรลในก.พ.นี้
หลังมาร์จิ้น การกลั่นขยับเพิ่มขึ้นเป็น 4 เหรียญต่อบาร์เรล และสนองความต้อง การใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นตามการเติบโต
ของจีดีพี
นายพิชัย ชุณหวชิร รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด
(มหาชน) (BCP) เปิดเผยว่าในปีนี้บางจากฯจะมีผลการดำเนินงานดีขึ้นมาก หลังจากบริษัทปรับโครงสร้างทางการเงินแล้วเสร็จ
เนื่องจากภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลงกึ่งหนึ่งเหลือเพียง 700 ล้านบาท และขณะนี้ค่าการกลั่นได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมที่เฉลี่ย
1.5 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นเป็น 4 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งธุรกิจการกลั่นแนวโน้มจะมีค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น
คาดว่าในปี 2548 กำลังการกลั่นในประเทศจะใกล้เคียงกับความต้องการใช้น้ำมัน
"ค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น 10 เซ็นต์ต่อบาร์เรล ทำให้บางจากฯมี EBITDA เพิ่มขึ้น
130 ล้านบาท"
นอกจากนี้ บางจากฯมีแผนจะซื้อน้ำมันดิบ ในประเทศเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่ซื้ออยู่ประ-มาณ
7 พันบาร์เรลต่อวัน โดยปีหน้าคาดว่าจะซื้อ เพิ่มขึ้นเป็น 2 หมื่นบาร์เรลต่อวัน
และจะเพิ่มเป็น 4 หมื่นบาร์เรลต่อวันในปี2549 ทำให้ต้นทุนการ ดำเนินงานลดลง เพราะน้ำมันดิบในประเทศจะเสียค่าขนส่ง
และเสียภาษีน้อยกว่าน้ำมันดิบนำเข้า
รวมทั้งการเพิ่มความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดในกิจการ
เช่น ร่วมมือกับปตท.ในการเช่าระบบรับ-จ่ายน้ำมันของคลังน้ำมันที่ศรีราชา หรือร่วมมือกับไทยออยล์
ในการนำเข้าน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง รวมทั้งนำน้ำมันเตาของบางจากไปเข้าสู่กระบวน
การกลั่นต่อเป็นน้ำมันสำเร็จ เช่น เบนซิน และดีเซล เป็นต้น ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าน้ำมัน
นอกจากนี้ จะมีการปรับปรุงสถานีบริการน้ำ มันและร้านค้าสะดวกซื้อ เพื่อสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น
รวมทั้งร่วมมือกับพันธมิตรในการขยายฐานลูกค้าอุตสาหกรรมและตลาดน้ำมันเครื่อง เช่น
การเจาะกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี การร่วมกับพันธมิตร ต่างประเทศในการพัฒนาตลาดน้ำมันเตาสำหรับ
เรือเดินสมุทร การขยายตลาดน้ำมันหล่อลื่นไปยังอินโดจีน และจีนตอนใต้ และยุโรป
ดังนั้น ผลการดำเนินงานในปี 2546 ที่มีผล ขาดทุนสุทธิ จึงน่าจะเป็นปีสุดท้ายที่ขาดทุน
คาดว่าจะกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและค่าเสื่อม (EBITDA) ประมาณ 1.5 พันล้านบาท แต่เมื่อหักรายจ่ายเกี่ยวกับดอกเบี้ยและค่าเสื่อมทำให้ขาดทุนเพราะบริษัทฯมีภาระดอกเบี้ยจ่ายสูงถึงกว่า
1 พันล้านบาท จึงถือเป็นสาเหตุสำคัญที่บริษัทฯต้องมีการปรับโครงสร้างทางการเงิน
ก.พ.กลั่นเพิ่มแตะ 1 แสนบาร์เรล
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด
(มหาชน) กล่าวว่า โรงกลั่นบางจากฯเตรียมเพิ่มกำลังการกลั่นจากเดิม 8.5 หมื่นบาร์เรลต่อวัน
เพิ่มขึ้นเป็น 1.05 แสนบาร์เรลต่อวันในวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ เนื่องจากเดือนนี้ค่าการกลั่นขยับเพิ่มขึ้นจากเดิมที่เฉลี่ยบาร์เรลละ
1.15 เหรียญ เพิ่มขึ้นเป็น 4 เหรียญ ขณะที่โรงกลั่นอื่นที่มีประสิทธิภาพการกลั่นที่ดีกว่า
จะมีค่าการกลั่นสูงถึง 7 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งการเพิ่มกำลังการผลิตครั้งนี้จะทำให้ธุรกิจการกลั่นบางจากฯดีขึ้นด้วย
ตอบสนองความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นตามอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
ดังนั้น ในปีนี้คาดว่าธุรกิจการกลั่นจะมีEBITDAสูงกว่าที่คาดไว้ 900 ล้านบาท
เป็น 1.2 พันล้านบาท มาจากค่าการกลั่นที่เพิ่มสูงขึ้น การใช้น้ำมันดิบในประเทศเพิ่มขึ้นทำให้ลดต้นทุนได้
300 ล้านบาท และการร่วมมือกับไทยออยล์ในการ แครกน้ำมันเตาอีก 200 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจด้านการตลาดบางจากฯจะมีEBITDAประมาณ
500-600 ล้านบาท
จากนโยบายที่บริษัทจะหันมาใช้น้ำมันดิบในประเทศเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ใช้อยู่เพียง
10% เป็น 30-40% ของยอดการใช้น้ำมันดิบ ทำให้บริษัทต้องลงทุนติดตั้งหน่วยกำจัดปรอทประ-มาณ
120 ล้านบาทในปี 2547 เนื่องจากน้ำมันดิบ ในประเทศมีปรอทเป็นส่วนประกอบค่อนข้างสูง
รวมทั้งจะลงทุนอีก 1.2 พันล้านบาทเพื่อขยายกำลังการผลิต(Debottle neck)ให้ได้น้ำมันที่มีคุณภาพจำนวน
1.2 แสนบาร์เรลต่อวันในช่วงปี 2549-2550 เพื่อให้น้ำมันสำเร็จรูปที่ผลิตออกมาได้เป็นไปตามสเปกของการจำหน่ายภายในประเทศในปัจจุบัน
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทิร์น อะราวด์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบางจากฯ
กล่าวว่า การเปิดจองซื้อ หุ้นดีอาร์บางจากน่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนจนไม่พอที่จะขาย
เนื่องจากกระทรวงการคลังเข้ามาค้ำประกันที่ราคา 13 บาท ส่วนดีอาร์ หุ้นกู้แปลงสภาพด้อยสิทธิ
4,000 ล้านบาทนั้น ขณะนี้รอการสรุปราคาจากนักลงทุนสถาบัน โดย ในเบื้องต้นได้กำหนดราคาแปลงสภาพที่
14.3 บาท
เดิมบางจากฯมีภาระเงินกู้กระจุกตัวในระยะสั้นรวม 1.95 หมื่นล้านบาท บริษัทฯจึงปรับ
โครงสร้างการเงินใหม่ โดยจะกู้เงินหมุนเวียนจาก สถาบันการเงิน 4 พันล้านบาท และกู้เงินระยะยาว
8.5 พันล้านบาท มีอายุ 10 ปี ซึ่งวงเงินหนี้ 3 พันล้านบาทจะชำระในปีที่ 10 ระหว่างนั้นจะมีการชำระหนี้เฉลี่ยปีละ
500 ล้านบาท
รวมทั้งบริษัทฯจะออกดีอาร์หุ้นสามัญ 3 พันล้านบาท และดีอาร์หุ้นกู้แปลงสภาพด้อยสิทธิ
มูลค่า 4 พันล้านบาท รวมทั้งหมด 7 พันล้านบาท โดยดีอาร์หุ้นสามัญบางจากจะเสนอขายให้ประชาชน
นักลงทุนสถาบัน และผู้ถือหุ้นเดิมมีสิทธิเป็นเจ้าของในราคาหุ้นละ 13 บาท กำหนดวันจองซื้อระหว่างวันที่
26-28 มกราคม คาดว่าจะเทรดซื้อขายได้ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2547 ส่วน ดีอาร์หุ้นกู้แปลงสภาพ
จะเสนอขายกับนักลงทุน สถาบันในวันที่ 28 มกราคม โดยมีอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 3 คาดว่าจะเทรดซื้อขายใน
Thai BDC วันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งหุ้นดีอาร์ทั้ง 2ประเภท ทางกระทรวงการคลังจะค้ำประกันเงินต้น
ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นบางจากเดิม สามารถแลกหุ้น สามัญดีอาร์ได้ในอัตราส่วน 10 หุ้นสามัญเดิมต่อ
9 หุ้นดีอาร์ และมีสิทธิจองซื้อหุ้นดีอาร์เพิ่มทุนเพิ่มเติมอีก 4 หุ้นดีอาร์ใหม่
โดยจะเปิดให้แลกเป็นหุ้นสามัญดีอาร์ระหว่างวันที่ 20-22 มกราคมนี้ ซึ่งนักลงทุนใดที่ต้องการใช้สิทธิแปลงหุ้นสามัญเดิมเป็นหุ้นดีอาร์และรับสิทธิซื้อหุ้นดีอาร์บางจาก
เพิ่มเติม ก็ควรซื้อหุ้นที่กระดานก่อนวันที่ 14 มกราคมนี้ มิฉะนั้นจะแลกเป็นหุ้นดีอาร์ไม่ทันตามกำหนด
โดยหุ้นBCPที่ไม่ได้แปลงเป็นหุ้น ดีอาร์นั้น จะยังคงซื้อขายหุ้นในกระดานปกติเหมือนเดิม
แต่ไม่ได้รับการคุ้มครองเงินต้นจากกระทรวงการคลังเท่านั้น