บิ๊กบอสแบงก์กรุงเทพ "ชาตรี โสภณพนิช" เผยทางออกการแก้ปัญหาบง.สินเอเชีย และบง.บัวหลวง
ด้วยการเปิดทางให้กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นเป็นคนจัดการ ระบุยังมีเวลาตัดสินใจอีก
6 เดือน พร้อมยืนยันฐานะแบงก์กรุงเทพแข็งแกร่ง สามารถต่อสู้กับแบงก์ต่างชาติได้
ขณะเดียวกันมีแผนเร่งจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นให้ได้เร็วที่สุด
นายชาตรี โสภณพนิช ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวถึง ความคืบหน้าการควบรวมกิจการระหว่าง
บริษัทเงินทุน(บง.) บัวหลวง และบริษัท เงินทุน (บง.) สินเอเชีย ว่า เรื่องดังกล่าว
ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐบาลเป็นหลัก เนื่องจากบง.สินเอเชีย มีกระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนประ-มาณ
1 ใน 3 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล
"ตอนนี้ขอเพียงความชัดเจนจากภาครัฐเท่านั้น ว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร กับบง.สินเอเชีย
จะให้ควบรวมหรือจะให้ เป็นบริษัทจำกัด เพราะรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ยังมีเวลาที่จะต้องพิจารณาอีก
6 เดือน หลังจากนั้นจะใช้เวลาในการดำเนินการอีก 1 ปี ขณะที่บง. บัวหลวงเอง จะควบรวมกับใครก็ไม่รู้
ซึ่งอาจควบกับบง.สินเอเชียก็ได้ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้"
สำหรับแผนการดำเนินงานของธนาคารกรุงเทพนั้น นายชาตรี กล่าวว่า ธนาคารคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ภายในปี
2548 หรืออย่างเร็วที่สุดอาจจะเห็นได้ภายในปี 2547 ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายบริหารที่จะสามารถชำระบัญชี
และดำเนินการด้านภาษีได้รวดเร็วเพียงใด ซึ่งหากธนาคารสามารถเริ่มการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ก็จะต้องมีการจ่ายอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของธนาคารที่ต้องการจ่ายผลตอบแทนคืนให้กับผู้ถือหุ้นในกรณีที่ธนาคารมีผลกำไร
ส่วนการแข่งขันด้านธุรกิจธนาคารในปี 2547 นี้ ธนาคารพาณิชย์ยังมีการแข่งขันอย่างต่อ
เนื่อง เพราะในแต่ละปีจะมีปัจจัยต่างๆ เข้ามากระทบต่อธุรกิจธนาคารแตกต่างกัน จึงทำให้ธนาคารแต่ละแห่งต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการ
แข่งขันตลอดเวลา แต่หากต้องการแข่งขันในระดับนานาชาติ ควรจะต้องมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมากกว่านี้
สำหรับธนาคารกรุงเทพ ถือว่ามีศักยภาพในการแข่งขันอยู่แล้ว
ด้านนายโชค ณ ระนอง ผู้อำนวยการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า
ในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าเพิ่มยอดบัตรเครดิตอีก 150,000 บัตร จากปัจจุบันที่มีอยู่
460,000 บัตร โดยส่วนหนึ่งจะมาจาก บัตรเครดิตท่องเที่ยวธนาคารกรุงเทพ ที่เปิดตัวเมื่อวานนี้(8ม.ค.)
จำนวน 50,000 บัตร ส่วนที่เหลือจะมาจากผลิตภัณฑ์ที่จะออกภายในปีนี้อีก ประมาณ 2-3
ผลิตภัณฑ์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นในกลุ่มชอปปิ้ง
สำหรับการแข่งขันธุรกิจบัตรเครดิตในปัจจุบันยังมีการแข่งขันอย่างรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการรายเดิมและผู้ประกอบการรายใหม่ต่างเข้ามารุกธุรกิจนี้กันมาก
ขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการรายเดิมเองต้องรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้ โดยใช้กลยุทธ์ด้านต่างๆ
ขณะที่ธนาคารกรุงเทพ ได้งัดกลยุทธ์ฟรีค่าธรรมเนียมตลอดชีพ หากผู้ถือบัตรมีการใช้จ่ายผ่านบัตร
5,000 บาทต่อปี
สำหรับการที่ธุรกรรมด้านบัตรเครดิตของธนาคารได้หยุดมานานนั้น นายโชค กล่าวว่า
ขณะนี้ได้มีการพัฒนาระบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับมีระบบเครดิตสกอริ่งที่ช่วยคัดสรรลูกค้า
จึงทำให้มั่นใจได้ว่าบัตรเครดิตของธนาคาร สามารถเติบโตได้อีก และขณะนี้เศรษฐกิจของไทยยังไม่มีสัญญาณที่ชี้ชัดว่าจะเข้าสู่สภาพ
ฟองสบู่ ด้านบัตรเครดิตเหมือนกับที่เกิดขึ้นในประเทศเกาหลี
ด้านยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตนั้น ปัจจุบัน อัตราการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตอยู่ที่ประมาณ
8,300 บาทต่อคนต่อเดือน ซึ่งธนาคารมีเป้าหมาย จะกระตุ้นการใช้จ่ายให้เพิ่มขึ้นเป็น
8,700 บาทต่อคนต่อเดือน ขณะที่ยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล อยู่ที่ประมาณ
2.1% เพิ่ม ขึ้นเล็กน้อยจากปี 2545 ที่อยู่ในระดับ 2%