หุ้นไทยปีนีชน1,200 5กลุ่มยังน่าสนลงทุน


ผู้จัดการรายวัน(5 มกราคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

คาดตลาดหุ้นไทยปี47 ยังสดใสต่อเนื่องจากปี 46 ดัชนีเดินหน้าชน 1,000-1,200 จุด "ทักษิณ" แนะพีอีหุ้นไทย หากยังต่ำกว่า 15 เท่า พร้อมคาดมาร์เกตแคปหุ้นไทยจะโตทันเศรษฐกิจไทยปี 48 ที่จะทำให้หุ้นไทยมีภูมิคุ้มกันการเก็งกำไรจากนักลงทุนต่างชาติ และทำให้หุ้นไทยยังน่าลงทุนต่อเนื่อง ขณะที่หุ้นกลุ่มแบงก์ ก่อสร้าง อสังหาฯ เงินทุน พลังงาน ยังน่าสน ด้าน ก้องเกียรติŽ เตือนหากเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายเกิน 8% จะ กลายเป็นต้นทุนส่วนเกินเศรษฐกิจ-ธุรกิจปี 48

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายก-รัฐมนตรี กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยปีนี้ คาดว่ายังสดใสต่อเนื่อง หลังจากเศรษฐกิจไทยพลิกฟื้นอย่างแข็ง แกร่งปีที่แล้ว ที่เศรษฐกิจ(จีดีพี) ไทย ขยายไม่ต่ำกว่า 6.2% ขณะที่ปี นี้ เขาเชื่อว่าเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจไทยขยาย 8% เป็นไปได้อย่างแน่นอน

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปีนี้คาดยังสดใสต่อเนื่อง ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (Market Capitalization) จะเพิ่มต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ที่ประมาณ 4.7 ล้านล้านบาท ซึ่งเกือบเท่าการขยาย ตัวเศรษฐกิจไทยที่ประมาณ 5.5 ล้านล้านบาทปัจจุบัน ซึ่งเขาคาดว่า มาร์เกตแคปตลาดหุ้นไทยจะโตทันจีดีพีไทยภายในปี 2548 ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมี "ภูมิคุ้มกัน" ต้านแรงเก็งกำไรจากนักลง ทุนต่างชาติได้ และทำให้เป็นตลาด หุ้นที่มีเสน่ห์ น่าลงทุนระยะยาว

โดยเฉพาะปี 2547 รัฐบาลจะผลักดันรัฐวิสาหกิจชั้นดี จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง รวมถึงการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่าเฉพาะตัวนี้ตัวเดียว จะทำให้มาร์เกตแคปตลาดหุ้นไทยเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท

ด้านสัดส่วนราคาหุ้นต่อกำไร (พีอี) ตลาดหุ้นไทย ขณะนี้ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 12 เท่า ยังคงต่ำกว่าหลาย ๆ ตลาดหุ้นในโลกอยู่มาก โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่พัฒนาแล้วในประเทศตะวันตก เขาแนะให้นักลงทุนเน้นลงทุนหุ้นพื้นฐานดี ที่ค่าพีอีไม่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของแต่ละหมวดอุตสาหกรรม โดยย้ำว่า ตลาดหุ้นไทยยังน่าลงทุน ตราบ เท่าที่ค่าพีอียังไม่ถึง 15 เท่า

ทางด้านนายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แอสเซท พลัส กล่าวว่าปี 2547 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะยังคงดีมาก ต่อเนื่องจากปี 2546 สมาชิกหอการค้าไทยทั้งหมด ซึ่งเขาเป็นสมาชิกอยู่ด้วย ก็มีความคิดเห็นทิศทางเดียวกัน คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ ไม่น่าจะโตต่ำกว่า 8% ตามที่รัฐบาลตั้งเป้า ซึ่งจะทำให้นโยบายรัฐบาล และภาคเอกชน จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม เขากลับมองว่า การที่เศรษฐกิจ ไทยจะโตเกิน 8% ปีนี้ จะทำให้ส่วนเกินกลายเป็น ต้นทุนสำหรับปีถัดไป ดังนั้น สิ่งที่เขาต้องการเห็น คือ การเติบโตอย่างยั่งยืนมากกว่า

หุ้นไทยเดินหน้าชน 900 อย่างต่ำปีนี้

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2547 คาดว่าดัชนีราคาหุ้นอีก 12 เดือนข้างหน้า จะเติบโตได้จาก ปี 2546 ประมาณ 30% โดยดัชนีจะขึ้นไม่ต่ำกว่า 900 จุด สัดส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (พีอี) ประมาณ 14-15 เท่า

โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลายปัจจัย คืออัตราเติบโตเศรษฐกิจไทย ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ดีขึ้น ซึ่งเฉพาะ 9 เดือนแรกปี 2546 บจ.เติบโตกำไรแล้วถึง 40% คาดว่าปี 2547 จะเติบโต 20% จากปีที่แล้ว

นอกจากนี้ จะได้เห็นว่า บจ.จะเติบโตหลายกลุ่มอุตสาหกรรมตามเศรษฐกิจ ยังมีหุ้นอีกหลายกลุ่ม ที่ราคายังไม่ปรับตัวขึ้นมากเมื่อเทียบดัชนีราคาหุ้น เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์

นายก้องเกียรติกล่าวอีกว่า เงินลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ จะเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นไทยปีนี้ขยายต่อไปอีก โดยขณะนี้ ต่างประเทศสนใจตลาดหุ้นไทยมาก จะเห็นได้จาก ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเขาพูดคุยกับนักธุรกิจต่างประเทศต่างสนใจ และจับตามองดูประเทศไทย จริงจังอีกครั้ง หลังวิกฤตเศรษฐกิจไทย-เอเชียปี 2540 ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี โดยเงินลงทุนจาก นักลงทุนกลุ่มนี้ คาดลงทุนระยะยาว 1 ปีขึ้นไป

นายบุญคลี ปลั่งศิริ ประธานกรรมการ กลุ่ม ชิน คอร์ปอเรชั่น คาดว่า การขยายตัวเศรษฐกิจไทยปี 2547 น่าจะเพิ่มอีกประมาณ 1% จากปี 2546 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 6.3-6.5% จึงจะเหมาะสม

"ระดับ 1% น่าจะเหมาะสม เนื่องจากผมต้องการเห็นอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ โดยไม่เกิดฟองสบู่ เช่นเดียว กับตลาดหุ้น หากมีการเก็งกำไรกันมากเกินไปนั้น จะทำให้ราคาสูงเกินกว่าความเป็นจริง" เขากล่าว

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะเติบโต จะไปในทิศทางเดียวกับการลงทุนกลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น หลายๆ อุตสาหกรรม ทั้งการลงทุนธุรกิจ ขนส่ง คือรวมตัวตั้งบริษัท ไทย แอร์ เอเชีย สายการบินต้นทุนต่ำ การลงทุนคอนซูเมอร์ไฟแนนซ์ และธุรกิจบันเทิง

นายอโศก วงศ์ชะอุ่ม รองกรรมการผู้จัด การอาวุโส บลจ. กสิกรไทย คาดภาวะตลาดหุ้นไทย ปี 2547 แนวโน้มสดใสต่อเนื่องจากปี 2546 ตลาด หุ้นยังเป็นช่วงขาขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจไทยแข็ง แกร่ง และขยายตัวต่อเนื่อง ประกอบกับความเชื่อ มั่นนักลงทุน ว่าเศรษฐกิจปีลิงจะโต 8% ตามคาดการณ์รัฐบาล คาดว่าปลายปี 2547 ดัชนีตลาดหุ้นไทยทะลุ 870 จุดแน่นอน ขณะที่ภาพรวมบริษัทจด ทะเบียน (บจ.) ตลาดหลักทรัพย์ย่อมดีตาม ตลาด หุ้นปีนี้คึกคักแน่

ผลตอบแทนการลงทุนปีนี้ น่าจะประมาณ 20% เทียบปี 2546 ที่ประมาณ 50% หุ้นกลุ่มน่าสนใจลงทุนปีนี้ จะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลดีจากการขยายตัวเศรษฐกิจ ได้แก่ หุ้นกลุ่มเกี่ยวกับธุรกิจก่อสร้าง อุปกรณ์ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ พลังงาน ที่ปีนี้จะมีหุ้นรัฐวิสาหกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ไทยต่อเนื่อง น่าจะทำให้ตลาดฯ คึกคักขึ้นต่อเนื่องจาก ปีที่แล้ว และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่มีพื้นฐานดี ยัง เป็นหุ้นน่าจับตามอง เพราะจะมีความกระจ่างเรื่อง การควบรวมธนาคารพาณิชย์ ซึ่งน่าจะทำให้งบดุลธนาคารดีขึ้นจากปีที่แล้ว

โดยส่วนกองทุนรวมภายใต้การบริหารของ บลจ.กสิกรไทยปีนี้ จะลงทุนตราสารหนี้ 85% และ หุ้น 15%

ด้านนายยิ่งยง นิลเสนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัด การ บลจ.กสิกรไทย กล่าวเกี่ยวกับภาวะตลาดตรา สารหนี้ไทยปี 2547 ว่าน่าจะผันผวนบ้าง เนื่องจาก หากมองตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาปีนี้ คาดธนาคารกลางมะกัน (FED) ต้องขึ้นดอกเบี้ยมะกัน (fed fund rate) แน่นอน โดยอาจทยอยขึ้น จะกระทบอัตราดอกเบี้ยตราสาร หนี้ ต้องขึ้นตาม

นอกจากนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง ท้ายสุด จะดึงดอกเบี้ยโลกขึ้นตาม เมื่อต้นทุนการกู้สูงขึ้น การออกหุ้นกู้จะน้อยลง ส่วนหนึ่ง อาจหันกู้ธนาคาร อย่างไรก็ตาม ปีนี้ภาค รัฐอาจออกตราสารหนี้ใหม่บ้าง เพื่อรีไฟแนนซ์ หนี้ เดิม เพื่อให้ต้นทุนดอกเบี้ยลดลง

เพิ่มพอร์ตลงทุนหุ้นปีนี้

ขณะที่ผลตอบแทนการถือตราสารหนี้ อาจไม่แตกต่างจากธนาคาร ลูกค้ากองทุนรวมเอง อาจ เปลี่ยนไปฝากธนาคารได้ ปัจจุบัน สภาพคล่องยังล้นในกองทุนรวม คาดว่าปีนี้ จะเพิ่มน้ำหนักการลง ทุนหุ้นสามัญเป็น 20% ของพอร์ตกองทุนทั้งหมด จากเดิม 10-15%

นอกจากนี้ ยังได้กล่าวเตือนนักลงทุนว่าควร จะจัด port การลงทุนให้เหมาะสม โดยพิจารณาหลายๆปัจจัยประกอบ เช่น ความเสี่ยงในการลงทุน อายุ ลักษณะนิสัย และความมั่งคั่งของแต่ละบุคคล

ด้านนายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการจัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะโตได้อีก 20% ปีนี้ บนพื้นฐานว่า เศรษฐกิจไทยจะขยาย ตัวดี ไม่มีปัจจัยลบนอกประเทศ และอัตราเติบโตกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยต่อเนื่อง

การขยายตัวเศรษฐกิจไทย มาจากการขยาย ตัวการใช้จ่ายการบริโภคในประเทศเป็นหลัก ซึ่งกระตุ้นการผลิตภาคธุรกิจต่างๆ อีกประการ การใช้จ่ายการลงทุนภาครัฐ คาดว่าจะวางงบพิเศษถึง 1.3 แสนล้านบาท นอกเหนือจากงบใช้จ่าย 21% ของ งบประมาณแผ่นดินรวม

คาดดอกเบี้ยโงหัวไตรมาส 3

คาดปีนี้ ดอกเบี้ยจะขยับขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป เชื่อว่าการลงทุนหุ้นปีนี้ ยังให้ผลตอบ แทนน่าพอใจ ตลาดหุ้นยังไปได้อีก 1-2 ปีข้างหน้า สำหรับบริษัท เขากล่าวว่ากองทุนรวมภายใต้การจัด การของบริษัท ลงทุนหุ้นสามัญถึง 90% ของพอร์ต กองทุนรวมทั้งหมดของ บลจ.เอ็มเอฟซี

สำหรับหุ้นกลุ่มที่น่าลงทุน จะอยู่หมวดวัสดุก่อสร้าง พวกรับเหมาก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ ก็น่าจะโตได้อีก แม้ถูกลดแรงจูงใจการซื้อ ด้วยการเพิ่มภาษีการโอนก็ตาม สำหรับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ยังน่าสนใจ เพราะคาดว่าอัตราเติบโตสินเชื่อ จะขยายอีก 2 เท่า นั่นคือโตมากกว่า 40% จากปี 2546 สะท้อนรายได้ธนาคารน่าจะเพิ่มขึ้นด้วย

นางสาวศุภมาศ พยัคฆพันธ์ นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่าบรรยากาศตลาด หุ้น ยังอยู่ช่วงตลาดกระทิง ปีนี้ ยังแรงไม่เลิก ทั้งนี้ นักลงทุนควรระมัดระวังการลงทุนให้มาก โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย ที่มีความเสี่ยงสูง ควรวาง แผนการลงทุนให้ดี

หุ้นเดินหน้าชน 1,200 จุดปีนี้

ต้นปีนี้ ดัชนีตลาดฯ คาดจะเพิ่มอีกเล็กน้อย ก่อนขายทำกำไรช่วงกลาง ม.ค. เมื่อภาพรวมทั้งปี คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะทะลุ 1,000-1,200 จุด เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นภาวะตลาดฯ และเศรษฐ-กิจไทย ยังขาขึ้นต่อเนื่อง หุ้นที่น่าสนใจ แนะนำหุ้น พื้นฐานดี อย่างกลุ่มธนาคาร กลุ่มเกี่ยวกับการก่อ สร้างก็ยังไปได้สวย

ด้านนายธวัธชัย รุ่งเรือง นักวิเคราะห์ บล. แอสเซท พลัส กล่าวว่าโดยทั่วไป ตลาดฯ ค่อนข้างผันผวน ปีนี้ คาดว่าดัชนีจะชะลอตัว มีแรงเทขาย 1-2 สัปดาห์แรก ก่อนจะกลับมาเก็งกำไรช่วงไตรมาส 4 หุ้นน่าจับตามอง คือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เงินทุนหลักทรัพย์ ธุรกิจเกี่ยวกับรับเหมา ก่อสร้าง ปิโตรเคมีภัณฑ์ และพลังงาน ซึ่งอยู่ในภาค เศรษฐกิจที่แนวโน้มจะเติบโตต่อเนื่อง เป็นต้น



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.