PICNIพร้อมรุกตลาดตปท.เพิ่มหลังเทกโอเวอร์วีแก๊สที่เวียดนาม


ผู้จัดการรายวัน(5 มกราคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

ธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (ก๊าซ แอลพีจี) เป็นธุรกิจที่มีการเติบโตเพิ่ม สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัท ปิคนิคแก๊ส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (PICNI) เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ดำเนินธุรกิจนี้เพียงรายเดียว ที่มีความโดดเด่นในด้านการเติบโตทางรายได้และกำไรในรอบปี 2546

นายธีรัชชานนท์ ลาภวิสุทธิสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปิคนิคแก๊ส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2547 รวมทั้งแผน การตัดสินใจซื้อบริษัทค้าก๊าซแอลพีจีที่ประเทศเวียดนามในเร็วๆ นี้

ชี้แจงการตัดสินใจเข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนาม ?

มติคณะกรรมการบริษัท ปิคนิค แก๊ส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง ได้มีมติให้บริษัทฯขยายกิจการไปยังเวียดนามเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยบริษัทเตรียมเข้าไปซื้อกิจการบริษัท เอสซีที (เวียดนาม) แก๊ส จำกัด หรือ V-GAS เนื่องจากเล็งเห็นว่าเวียดนาม เป็นประเทศที่มีศักยภาพ และมีโอกาส โตสูงจึงถือว่าเป็นการรุกธุรกิจข้ามประเทศครั้งแรกของปิคนิค

ปัจจุบันระบบการค้าก๊าซของเวียดนามลอยตัวแล้ว และมาตรฐานต่างๆใกล้เคียงกับไทย ประกอบกับอัตราการใช้ก๊าซฯโตขึ้นเรื่อยๆ โดยประเทศเวียดนามมีความสามารถใน การผลิตก๊าซฯอยู่ปีละ 4.8 แสนตัน และมียอดนำเข้าอยู่ทั้งหมด 30% และผู้ค้าใหญ่ในเวียดนามมี 10 ราย เป็นของรัฐบาลอยู่ 3 ราย ซึ่งวีแก๊ส เป็นบริษัทเอกชนของไทยที่เข้าไปลงทุนธุรกิจก๊าซฯในเวียดนาม มีขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 ผู้ค้าก๊าซฯเอกชน ที่เราจะเข้า ไปซื้อทรัพย์สินเป็นบริษัท วีแก๊ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนของไทยที่เข้าไปลงทุน

ทั้งนี้ ปิคนิคจะเข้า ไปซื้อทรัพย์สินของวีแก๊สทั้งหมดโดยรวมทั้งท่าเรือและโรงงานซ่อมสี ซึ่งเป็นจุดเด่นของวีแก๊สที่บริษัทให้ความสนใจ ปัจจุบันวีแก๊สมียอดขายประมาณ 5-7 พันตันต่อเดือน โดยฐานลูกค้าจะเป็นผู้ค้าปลีกและจ็อบเบอร์ ซึ่งการที่วีแก๊สมีถังก๊าซฯ หมุนเวียนอยู่แล้วในตลาด ทำให้การขยายยอดขายก๊าซฯทำได้ไม่ยาก

นอกจากนี้ วีแก๊สยังได้สัมปทานธุรกิจนี้ถึง 30 ปีเริ่มตั้งแต่ปี 2536 และปัจจุบันวีแก๊สอยู่ระหว่างการต่อรองรัฐบาลเวียดนามขอขยายเวลาสัมปทานเพิ่มอีก 30 ปีด้วย ในปี 2545 สถิติการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว ของไทยอยู่ที่ 39 กิโลกรัม/คน/ปี แต่ เวียดนามอยู่ที่ 6 กิโลกรัม/คน/ปี ขณะที่ประชากรเวียดนามมีถึง 80 ล้านคน ทำให้เห็นศักยภาพชัดเจน คาดว่าในปี 2547 ยอดการใช้ก๊าซฯของ เวียดนามอาจขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 12 กิโลกรัมต่อคนต่อปี

สาเหตุที่เขาตัดสินใจขาย และมูลค่าทรัพย์สินที่บริษัทจะซื้อ ?

สาเหตุที่วีแก๊สขายธุรกิจนั้น เนื่องจากต้องการหันไปลงทุนธุรกิจที่มีกำไรสูงกว่าและความเสี่ยงด้านการบริหารต่ำกว่า ซึ่งธุรกิจก๊าซฯยิ่งโตก็ต้องยิ่งขยาย จำเป็นต้องมีเงินทุนมา รองรับ เขามองว่าปิคนิคมีศักยภาพ ในการทำธุรกิจที่เวียดนาม จึงเหมือน กับเครื่องรับและเครื่องส่งตรงกัน โดย วีแก๊สเสนอขายมาที่ 480 ล้านบาท แต่ เรารอบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินและบริษัทประเมินสรุปผลก่อนจะมีการเจรจาต่อรองราคาอีกครั้งหนึ่ง โดยบริษัทฯจะลงนามสัญญาบันทึกช่วยจำ (เอ็มโอยู)ไม่เกิน 15 มกราคม 2547 และคาดว่าดีลดังกล่าวจะแล้วเสร็จไม่เกินกุมภา-พันธ์ 2547

โดยแหล่งเงินทุนที่ซื้อกิจการในเวียด-นามมาจากเงินทุนหมุน เวียนประมาณ 100 ล้าน บาท และที่เหลือจะมาจากการออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 3,500 ล้านบาทด้วย

สำหรับผลิต ภัณฑ์ของวีแก๊สจะใกล้เคียงกับเรา โดยจำหน่าย ก๊าซบรรจุถังขนาด 12, 15,45, 48 กิโลกรัม ซึ่งเวียดนามไม่มีถังก๊าซฯขนาด 4 กิโลกรัม ดังนั้นปิคนิคเข้าไปจะเป็นสีสันของตลาดก๊าซฯใน เวียดนาม เพราะเราจะนำถังขนาด 4 กิโลกรัมบุกตลาดที่เวียดนาม เพิ่มตัวเลือกให้กับผู้บริโภค เพราะถังขนาด 4 กิโลกรัมจะง่ายต่อการเคลื่อนย้าย

ปัจจุบัน วีแก๊ส ตั้งอยู่แถบเวียดนามใต้ (ดองไน) โดยส่วนใหญ่จะนำเข้าก๊าซฯจากไทยและอินโดนีเซีย ซึ่งภายหลังจากปิคนิคเข้าไปซื้อกิจการ ก็จะทำหน้าที่ในการป้อนก๊าซฯให้กับวีแก๊สเอง

เราจะมีการลงทุนเพิ่มเติมในต่างประเทศหรือไม่ ?

หลังจากเราลงทุนในเวียดนามครั้งนี้ประสบความสำเร็จ เราก็มีกำลังใจที่จะลงทุนในภูมิภาคนี้ต่อไป รวมถึงการเข้าไปซื้อธุรกิจก๊าซในเวียดนามเพิ่มเติม หากพบว่ามีผู้ประกอบการรายใดจะเลิกธุรกิจ เพราะในส่วนตัวมองตลาดเวียดนามแล้วมีความมั่นใจมาก เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกับตลาดก๊าซฯในไทย ทำให้คาดการณ์ในอนาคตยอดการใช้ ก๊าซฯของเวียดนามจะโตใกล้เคียงของ ไทยหรืออาจแซงหน้า เพราะรัฐบาลเวียดนามต้องการรักษาทรัพยากรป่าไม้ของเขา โดยผลักดันให้ประชากรมา ใช้ก๊าซฯมากขึ้น

แผนการลงทุนในปี 2547 ?

บริษัทจะลงทุนประมาณ 1,200 ล้านบาท โดยบริษัทฯจะสร้างคลังเพิ่ม ที่นครสวรรค์ ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี สมุทรสงคราม รวมทั้งมีแผนขยายก๊าซ ชอปและเพิ่มจำนวนถังก๊าซฯก็ยังคงเดิม

ในปี 2546 บริษัทมีกำลังการ ผลิตก๊าซฯอยู่ที่ 2 หมื่นตันต่อเดือน และปี 2547 จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2.5 หมื่นตันต่อเดือน ขณะที่เวียดนาม จะมีกำลังการผลิตประมาณ 7 พันตันต่อเดือน ทำให้กำลังการผลิตของปิคนิคฯเพิ่มขึ้นทันที 33%

สำหรับแหล่งเงินทุนจะมาจากการออกตราสารหนี้ประเภทหุ้นไม่เกิน 3,500 ล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินดังกล่าวยังนำมาใช้ในการลงทุนในต่างประเทศ ที่จะซื้อทรัพย์สินจากเอสซีที( เวียดนาม) แก๊ส รวมถึงการซื้อเรือขนส่งก๊าซ ปิโตรเลียมเหลว 2-3 ลำ มูลค่าประมาณ 1,400 ล้านบาท

นอกจากนี้ ปิคนิคจะออกการออกตราสารหนี้ประเภท ตั๋วสัญญาใช้เงิน และ/หรือ ตั๋วแลกเงิน ภายในวงเงินรวมไม่เกิน 1,000 ล้านบาท เพื่อ รองรับตั๋วแลกเงินที่จะถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี

ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก เกิดจากปัจจัยอะไร ?

สืบเนื่องจากบริษัทมีการเติบโต ค่อนข้างสูง ทำให้ผลการดำเนินงานใน ช่วง 3 ไตรมาสแรกปี 2546 มีกำไรประมาณ 139 ล้านบาท และคาดว่าไตรมาส 4/2546 กำไรจะดีกว่าไตรมาส 3 ที่มีกำไรสุทธิ 80 ล้านบาท ทำให้นักลงทุนหันมาไล่ซื้อหุ้นPICNI จนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

และขอยืนยันว่าการตัดสินใจลงทุนในเวียดนามนั้น เป็นความลับไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ก่อน แต่อาจจะมีข่าวรั่วออกจากเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ประสานงานให้บริษัทกับเวียดนามก็ได้ ทำให้ช่วงนั้นราคาหุ้นPICNI ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.