หนี้เน่าแตะ7.5แสนล้าน


ผู้จัดการรายวัน(29 ธันวาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

แบงก์ชาติเผย หนี้เน่าภาคอุตสาหกรรมนำโด่งถึง 221,965 ล้านบาท ต่อด้วยธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ที่ตามติดๆ ตัวเลข หนี้เน่าทั้งระบบที่ยังสูงถึงกว่า 7.5 แสนล้านบาท หรือกว่า 15% ของ พอร์ตสินเชื่อรวมแบงก์พาณิชย์ ยังลดไม่ได้ดั่งใจ เหตุลดช้ากว่ากำหนด "อุ๋ย" ตั้งเป้าปีหน้าหั่นหนี้เน่าแสนล้านบาท

แหล่งข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) สถาบันการเงินในระบบสิ้นไตรมาส 3 แยกตามประเภทธุรกิจ พบว่า ธุรกิจที่เอ็นพีแอลมากที่สุด คือภาคอุตสาหกรรมการผลิต เอ็นพีแอลถึง 221,965 ล้านบาท หรือ 17.54% ต่อสินเชื่อรวมของภาคอุตสาหกรรม เทียบไตรมาสก่อนหน้านี้ เอ็นพีแอล 226,055 ล้านบาท หรือ 17.89% ต่อสินเชื่อรวม

รองลงมา คือ ธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก เอ็นพีแอล 130,674 ล้านบาท หรือ 19.33% ต่อสินเชื่อรวม เทียบไตรมาส 2 ปีนี้ เอ็นพีแอล 139,936 ล้านบาท หรือ 20.72% ต่อสินเชื่อรวม อันดับ 3 คือ ภาคธุรกิจการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล เอ็นพีแอล 120,939 ล้านบาท หรือ 15.82% ต่อสินเชื่อรวม เมื่อเทียบไตรมาส 2 ที่มีเอ็นพีแอล 123,083 ล้านบาท คิดเป็น 15.93% ต่อสินเชื่อรวม


นอกจากนี้ ประเภทธุรกิจที่เอ็นพีแอลสูง คือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 เอ็นพีแอล 67,758 ล้านบาท หรือ 24.11% ต่อสิน เชื่อรวม เมื่อเทียบไตรมาส 2 เอ็นพีแอล 72,495 ล้านบาท หรือ 25.91% ต่อสินเชื่อรวม นอกจากนี้ เป็นภาคธุรกิจบริการ เอ็นพีแอล 62,262 ล้านบาท หรือ 18.11% ต่อสินเชื่อรวม เทียบไตรมาส 2 เอ็นพีแอล 62,035 ล้านบาท หรือ 18.87% ต่อสินเชื่อรวม

หนี้เน่ารวม 7.5 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ยังมีภาคธุรกิจอื่นๆ อีกที่ต้อง เร่งแก้ไขเอ็นพีแอล ได้แก่ ภาคธุรกิจนำสินค้าเข้า ส่งออก การเกษตร ประมง และป่าไม้ เหมืองแร่ และย่อยหิน ก่อสร้าง การเงินและการธนาคาร สาธารณูปโภค เช่าซื้อ ซึ่งเมื่อรวมเอ็นพีแอลภาค ธุรกิจต่างๆ ทั้งระบบสถาบันการเงิน สิ้นไตรมาส 3 เอ็นพีแอลทั้งสิ้น 750,297 ล้านบาท หรือ 15.13% ต่อสินเชื่อรวม

สาเหตุที่ทำให้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นทั้งระบบ ณ สิ้นไตรมาส 3 เป็นเอ็นพีแอลรายใหม่ 25,896 ล้าน บาท เทียบ ไตรมาส 2 เอ็นพีแอลรายใหม่ 29,072 ล้านบาท เป็นเอ็นพีแอลที่เคยปรับปรุงโครงสร้าง หนี้ 42,710 ล้านบาท เทียบไตรมาส 2 ที่มีเอ็นพีแอล 64,263 ล้านบาท เป็นเอ็นพีแอลอื่นๆ 2,366 ล้านบาท เทียบไตรมาส 2 ที่มี 3,383 ล้านบาท

หากคำนวณเอ็นพีแอลทั้งระบบไตรมาส 3 ทั้งสิ้น 70,972 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบไตรมาส ก่อนหน้านี้เพียง 25,746 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขเอ็นพีแอลทั้งระบบลดลง แต่ ธปท.ยังถือว่าลดค่อนข้างล่าช้า เนื่องจากก่อนหน้านี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ ธปท.ตั้งเป้าว่า ต้องลดเอ็นพีแอลทั้งระบบสถาบันการเงินภายในสิ้นปีนี้ ให้ต่ำกว่า 10% ของสินเชื่อรวม โดยเมื่อวันที่ 26 พ.ย. ธปท. เรียกประชุมผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ เพื่อหาทาง ลดเอ็นพีแอลให้มากที่สุดปี 2547 ซึ่งตั้งเป้าว่า เอ็นพีแอลต้องลดต่ำกว่า 3% ของสินเชื่อรวม เป็นเงิน 100,000 ล้านบาท



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.