7 มีนาคม 2544 ศาลโบว์สตรีท ประเทศอังกฤษ ได้มีคำพิพากษาให้ ส่งตัวปิ่น
จักกะพาก อดีตกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทเงินทุนเอกธนกิจ ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์
ความเสียหายมูลค่า 1,766 ล้านบาท เป็นผู้ร้ายข้ามแดน กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย
คำพิพากษาดังกล่าว ถือเป็นความคืบหน้าในความพยายามนำตัวปิ่น กลับประเทศ ของสำนักงานอัยการสูงสุด
ในระดับหนึ่ง
ปิ่นถูกกล่าวหาจากสำนักงานอัยการสูงสุด ในคดียักยอกทรัพย์ โดย การนำเงินของบริษัทซึ่งเป็นเงินฝากของประชาชนไปปล่อยกู้กับบริษัทในเครือ
การปล่อยกู้ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2539 โดยบริษัทเอกภาค ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเอกธนกิจ
ได้ออกตั๋วเงินจำนวนหนึ่งขายให้กับสถาบันการเงิน 2-3 แห่ง แล้วสถาบันการเงินเหล่านั้น
ได้นำตั๋วเงินมาขายให้กับบริษัทเงินทุน เอกธนกิจอีกทอดหนึ่ง ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยมองว่าเปรียบเสมือนการ
ปล่อยกู้ให้โดยตรง ซึ่งผิดระเบียบ
ภายหลังประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤติการเงินเมื่อปี 2540 บริษัท เงินทุนเอกธนกิจถูกปิดกิจการ
ปิ่นได้เดินทางออกนอกประเทศ และถูกตำรวจประเทศอังกฤษจับตัวได้กลางกรุงลอนดอน
เมื่อ 2 ปีก่อน โดยสำนัก งานอัยการสูงสุด ต้องใช้ระยะเวลาถึง 1 ปี 3 เดือนในการดำเนินคดีให้นำตัวปิ่นกลับมาประเทศไทย
จนกระทั่งศาลชั้นต้นของประเทศอังกฤษมีคำพิพากษาดังกล่าวออกมา
ตามขั้นตอน หลังมีคำ พิพากษาออกมา ศาลให้ส่งตัวผู้ต้องหากลับภายใน 60 วัน
แต่เปิด โอกาสให้มีการยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 15 วัน ซึ่งทนายความของปิ่นได้ยื่นอุทธรณ์ทันที
หลังศาลมีคำพิพากษาออกมาเพียง 1 วัน โดยคาดว่าศาล อุทธรณ์จะนัดวันพิจารณาคดีประมาณเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนที่จะถึงนี้
ก่อนหน้าที่ศาลจะมีคำตัดสินออกมา มีกระแสข่าวในเมืองไทยว่า เขาอาจจะขอกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยด้วยตนเอง
เพราะมั่นใจว่า เขาไม่ผิด "ธุรกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นแบงก์ชาติรู้ดีตลอด"
เป็นคำยืนยัน ที่ปิ่นมักจะบอกกับนักข่าวที่โทรศัพท์ไปสัมภาษณ์เขาที่ประเทศอังกฤษ
แต่กระแสข่าวนี้ก็ยังไม่ได้รับการยืนยัน
ปัจจุบัน ปิ่นอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ส่วนตัวในกรุงลอนดอน ซึ่งก่อนหน้านี้เขาต้องไปรายงานตัวที่ศาลทุกสัปดาห์
แต่หลังจากศาลได้มีคำพิพากษาออกมาให้เขาเป็นผู้ร้ายข้ามแดนและอยู่ระหว่างการอุทธรณ์
เขากลับได้รับการผ่อนปรน ไม่จำเป็นต้องถูกบังคับให้ต้องอาศัยอยู่ในอพาร์ต
เมนต์แห่งนี้เพียงที่เดียวอีกต่อไป คดีนี้คาดหมายกันว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ
1 ปี จึงจะถึงที่สุด