โบรกฯวิเคราะห์ KBANK สิ้นปี46 จะมีกำไรสุทธิประมาณ 15,659 ล้านบาท จากการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียม
ส่วนปี 47 คาดทำกำไรต่อได้อีกประมาณ 16,000 ล้านบาท เพราะสามารถประหยัดต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายได้จากการไถ่ถอน
SLIPs ประมาณ 5,883 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในบทวิเคราะห์ว่า ธนาคารกสิกรไทย
จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK จะไถ่ถอน SLIPs ประมาณ 22,988 ล้านบาท ในวันที่ 12 ม.ค.
2547 อีกทั้งมีผลขาดทุนจาก 2 AMC ของธนาคารในครึ่งหลังปี 2546 ประมาณ 1 พันล้านบาท
ซึ่งในไตรมาส 3/2546 ธนาคารมีผลขาดทุนดังกล่าว 622 ล้านบาท ดังนั้น จึงเหลืออีกประมาณ
378 ล้านบาทที่จะบันทึกในไตรมาส 4/2546
ธนาคารมีนโยบายตั้งสำรองเพิ่มเติมเพื่อความ ระมัดระวังอีกประมาณ 1% ของ General
loan growth ตั้งแต่ไตรมาส 3/2546 เป็นต้นไป นอกเหนือ จาก Normalized provisioning
จำนวน 200 ล้าน บาทในไตรมาส 4/2546 ซึ่งในไตรมาส 3/2546 สำรอง เพิ่มเติมดังกล่าวมีประมาณ
200 ล้านบาท และเราคาดว่าในไตรมาส 4/2546นี้ ธนาคารจะตั้งสำรองเพิ่มเติมดังกล่าวประมาณ
214 ล้านบาท
ธนาคารจะตั้ง Normalized provision สำหรับปี 2547 อีก 800 ล้านบาท และตั้งเป้า
Net loan growth ในปี 2547 ไว้ที่ 4-5% ประกอบด้วย Corporate loan เติบโต ประมาณ
10-12%,สินเชื่อ รายย่อยเติบโต 18-20%, Credit management (NPL+Performing restructured
loans)ลดลง 13-15% และอื่นๆ (Loans to 2 AMCs) ลดลง 17-18% ซึ่งในส่วนของ Credit
management นั้น ธนาคารตั้งเป้าจะลด NPL ลง 1-2% และภายในปี 2548 จะทำให้ NPL เหลือประมาณ
10% และในปี 2550 จะลด NPL ให้เหลือเพียง Single digit
เป้าหมายการลด NPL นี้ เป็นเป้าหมายธนาคาร จะพยายามลด NPL ด้วยตัวเอง โดยไม่นับรวมการโอนออกไปตามนโยบายรัฐ
ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย นั้น ธนาคารจะให้มีสัดส่วนประมาณ 30-35% ของรายได้รวม
ซึ่งรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยนี้จะไม่นับรวมส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย
ทั้งนี้ บบส.จะครบกำหนดที่ต้องชำระบัญชีประมาณเดือน ต.ค. 2547 ซึ่งในการชำระบัญชีนั้น
หากมีกำไร กองทุนฟื้นฟูฯ จะได้รับ 2/3 และ KBANK จะได้ 1/3 แต่หากเป็นผลขาดทุน
KBANK จะเป็นผู้รับไป
คาดว่ากำไรสุทธิปี 2546 ของ KBANK จะอยู่ที่ประมาณ 15,659 ล้านบาท เนื่องจากการเติบโตอย่าง
ต่อเนื่องของรายได้ค่าธรรมเนียมอื่น และ BV สิ้นปี 2546 ประมาณ 21.48 บาท/หุ้น
ส่วนกำไรสุทธิปี 2547 จะอยู่ที่ประมาณ 16,343 ล้านบาท เนื่องจาก Cost saving จากการไถ่ถอน
SLIPs ประมาณ 5,883 ล้านบาท และ BVสิ้นปี 2547 ประมาณ 28.42 บาท/หุ้นราคาที่เหมาะสมในปี
2547 ประมาณ 57-64 บาท ยังคงแนะนำ ซื้อ