บล.ไทยพาณิชย์ลุยงานวิเคราะห์ปี 47 เต็มอัตราศึก มุ่งสนับ สนุนธุรกิจค้าหลักทรัพย์และวาณิชธนกิจ
หวังดันรายได้ทะลุ 1,000 ล้านบาท พร้อม นำรัฐวิสาหกิจ ทั้ง กฟผ.-ทศท บริษัทเอกชนขนาดใหญ่
เช่น เบียร์ช้าง จดทะเบียน ด้วยมาร์เกตแคปรวมกว่า 5 แสนล้านบาท ขณะที่ บลจ.ไทยพาณิชย์เตรียมตั้งกอง
ทุนหมื่นล้านบาท ลุยซื้อหุ้นรัฐวิสาหกิจพื้นฐานดี
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าววานนี้ (25 ธ.ค.)
ว่าบริษัทมีแผนจะเสนอขายกองทุนให้ประชาชนทั่วไปมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อนำเงินลงทุนหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี
เน้น หุ้นรัฐวิสาหกิจมากที่สุด
โดย ม.ค. 2547 จะยื่นข้อมูลให้สำนักงาน ก.ล.ต.พิจารณา ซึ่งคาดว่าจะได้รับอนุมัติไม่เกิน
ก.พ. 2547 สามารถเสนอขายกองทุนได้ภายในไตรมาสแรก โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนหุ้นระยะยาว
โดยเฉพาะหุ้นรัฐวิสาหกิจใหม่ๆ ที่จะเสนอขายจำนวนมากปีหน้า
สำหรับผลตอบแทนน่าจะสูง เพราะเป็นหุ้น พื้นฐานดี รวมทั้งปีหน้า คาดภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯน่าจะคึกคักต่อเนื่องจากปีนี้
จึง คาดว่านักลงทุนน่าจะสนใจการลงทุนมากขึ้น ดังนั้น การตั้งกองทุนดังกล่าว จะทำให้นักลงทุน
รายย่อยมีโอกาสจะลงทุนหุ้นรัฐวิสาหกิจได้ โดย เฉพาะลูกค้าธนาคารพาณิชย์ ที่ยังมีความรู้การลงทุนตลาดหุ้นไม่เพียงพอต่อการลงทุนเอง
"แนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยน่าจะคึกคักมากขึ้น โดยดัชนีปีหน้า น่าจะปรับตัวขึ้นได้สูงถึง
800 จุด ด้วยปัจจัยสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อน คือเรื่องการปรับโครงสร้างธุรกิจในกรณี
การควบรวมกิจการ ซึ่งคาดว่าจะเป็นแรงผลักดัน ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า และขนาดของตลาดหุ้นไทยจะมีขนาดใหญ่ขึ้น
มูลค่าเพิ่มขึ้นตาม" นายอดิศรกล่าว
กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ และจะควบรวมกันมากขึ้นอนาคต ได้แก่ กลุ่มสถาบันการเงิน
โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มบันเทิง
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะตั้งกองทุนรวมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปี 2547 มูลค่ารวม
2.5 พันล้านบาท และกองทุนคุ้มครองเงินต้นอีก 1 กอง ประมาณ 5 พันล้านบาท
บล.ไทยพาณิชย์ไอพีโอ 2 แสนล้านปีหน้า
ด้านนายกิตติกร ด่านพูนกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวาณิชธนกิจ บล. ไทยพาณิชย์ กล่าวว่าปีหน้า
บริษัทรับทำหน้าที่ปรึกษาการเงิน และการเป็นแกนนำจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น
10 บริษัท มูลค่าระดมทุนประมาณ 2 แสนล้านบาท ซึ่งรวมการกระจายหุ้นรัฐวิสาหกิจ 3
แห่ง ได้แก่ บริษัท เบียร์ไทย (1991) จำกัด เจ้าของเบียร์ช้าง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
และบริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น
โดยบริษัท เบียร์ไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาตกลงกับผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นใหญ่
คือเจ้า สัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ถึงสัดส่วนที่จะเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป คาดว่ามูลค่าระดมทุนจะไม่ต่ำกว่า
2.5-3 หมื่นล้านบาท โดยตั้งบริษัทดังกล่าวเป็นโฮลดิ้ง และถือหุ้นบริษัทในเครือ
40 แห่ง ซึ่งมีทั้งส่วนโรงงานผลิต และบริษัทจัดจำหน่าย
ทศทเข้าตลท.ไตรมาส 2 ปีหน้า
ส่วนบริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น ขณะนี้รอสรุปผลความชัดเจนสัญญาสัมปทาน ซึ่งต้องสรุป
ให้ได้ภายในไตรมาสแรก ก่อนจะเสนอขายหุ้นช่วงไตรมาส 2/47 หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
คงต้องเลื่อนเวลากระจายหุ้น ซึ่งต้องให้ชัดเจน ก่อนจะเสนอขายหุ้น ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน
ต้องพิจารณาคุณภาพที่จะเสนอขายให้นักลงทุน เพราะหุ้นมีขนาดใหญ่ มูลค่าระดมทุนก็สูง
ม.ล.ชโยทิต กฤดากร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ เปิดเผยแผนดำเนินธุรกิจปี
2547 ว่ายังคงมุ่งเน้นพัฒนาบทวิเคราะห์ให้หลากหลาย และรักษาตำแหน่งครองใจนักลงทุน
ทั้งสถาบันไทย และต่างประเทศ ต่อไป พร้อมสร้างรายได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท
ปี 2547 บริษัทยังคงให้ความสำคัญบทบาท ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ โดยจะปรับและเสริมทีม
ให้มีนักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรรม เพื่อเป็นศูนย์ข้อมูลหลักที่สามารถตอบสนองความต้องการของทั้งฝ่ายวาณิชธนกิจ
และฝ่ายค้าหลักทรัพย์
ขณะเดียวกัน จะเพิ่มบทวิเคราะห์ โดยเน้น กลุ่มเป้าหมายไปฐานผู้ลงทุนในหลักทรัพย์ระยะ
ยาว โดยจะได้รับการสนับสนุนจากธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารแม่ กระตุ้นกลุ่มผู้ฝากเงินให้สน
ใจลงทุนตลาดทุนมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่ง การออมเงิน
การดำเนินธุรกิจของบริษัท ได้เปรียบจากการที่บริษัทพร้อมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นทีมงานที่เชี่ยวชาญธุรกิจตลาดทุน
ความร่วมมือ และการ สนับสนุนเต็มที่จากธนาคารไทยพาณิชย์ แผนธุรกิจทุกด้าน
โดยเฉพาะบริษัทให้ความสำคัญงานวิเคราะห์ และพัฒนาทีมให้แข็งแกร่งตลอดมา ปัจจุบัน
ทีมนักวิเคราะห์คุณภาพอายุประสบการณ์เฉลี่ย 8 ปีขึ้นไป 8 คน แบ่งเป็นนักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม
ครอบคลุม 107 หุ้น หรือ ประมาณ 70% ของตลาดฯ เป็นที่ยอมรับของนัก ลงทุนทั้งสถาบันไทยและต่างประเทศ
ม.ล.ชโยทิต กล่าว
ธุรกิจด้านวาณิชธนกิจ ก็พร้อมจะรุกเต็มรูปแบบ โดยปี 2547 บริษัทเป็นที่ปรึกษาการเงิน
และเป็นผู้นำธุรกิจนำบริษัทจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ฯ ทั้งภาครัฐและเอกชน มูลค่าตลาดรวมประมาณ
500,000 ล้านบาท อาทิ บริษัท เบียร์ ช้าง การไฟฟ้าฝ่ายผลิต บริษัท ทศท เป็นต้น
ด้านนายกฤษณ์ เกษมศานติ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.ไทยพาณิชย์
กล่าวว่าผลจากการเปิดสาขา SCBS Trade Zone ตั้งแต่ต้นปีนี้ 8 สาขา
ทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มกว่า 100 ล้านบาท
โดยขยับอันดับบริษัทหลักทรัพย์ที่มูลค่าซื้อขายมากที่สุด จากอันดับ 19 เป็น 9
ภายใน 1 ปี มีแผนจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจาก 3% เป็น 4% ซึ่งธุรกิจนี้ถือเป็นรายได้หลักบริษัท
ม.ล.ชโยทิตกล่าวถึงผลดำเนินงานปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมกว่า 700 ล้านบาท
ประมาณ 80% จากธุรกิจค้าหลักทรัพย์ ตั้งเป้าจะเพิ่มรายได้รวมปี 2547 มากกว่า 1,000
ล้านบาท เพราะเชื่อว่าภาวะตลาดหุ้นไทยโดยรวม อยู่ในช่วงขาขึ้น นักลงทุนยังสนใจลงทุน
เนื่องจาก ระดับราคาหุ้นไทยปัจจุบันไม่สูง หากเทียบตลาด หุ้นเพื่อนบ้านภูมิภาคนี้