Q-CON เปิดโรงงานแห่งที่ 2 กลางปี47 เพิ่มกำลังการผลิตอีก 3 ล้านตารางเมตร หวังทำรายได้ถึง
1,050 ล้านบาท และกำไร 360 ล้านบาท เตรียมสร้างโรงงานในแต่ละภาคหากพบว่าความต้องการมีถึง
70% ของกำลังการผลิต ปีหน้าคาดเพิ่มทุนหรือออก หุ้นกู้ควบวอร์แรนต์ เพื่อหาทุนใช้ขยายงาน
นายพยนต์ ศักดิ์เดชยนต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ คอนสตรัคชั่น โปรดักส์
จำกัด (มหาชน) หรือ Q-CON เปิดเผย แผนงานในปี47 ว่า บริษัทจะขยาย กำลังการผลิตเพิ่มจาก
3 ล้านตารางเมตร เป็น 6 ล้านตารางเมตรต่อปี จากการสร้างโรงงานแห่งที่ 2 ที่จังหวัดพระนคร
ศรีอยุธยา โดยใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 718 ล้านบาท แบ่ง เงินไปใช้ในการก่อสร้างโรงงาน
150 ล้านบาท และเงินลงทุนในเครื่องจักร และอุปกรณ์ 568 ล้านบาท
โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนเมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์จำนวน 80 ล้านหุ้น
โดยขายให้ประชาชนทั่วไปที่ราคาหุ้นละ 8 บาท พาร์ละ 1 บาท ทำ ให้ได้เงินจากการเพิ่มทุนประมาณ
640 ล้านบาท แต่บริษัทต้องนำเงินไปชำระคืนเงินกู้ประมาณกว่า 400 ล้านบาท จึงเหลือเงินจากการระดมทุนเพียง
200 ล้านบาทเท่านั้น
เงินทุนที่ใช้ในการก่อสร้างโรงงานส่วนที่เหลือ บริษัทจึงต้องหันไปกู้เงินเพิ่มอีก
เพราะการก่อหนี้ของบริษัทยังสามารถทำได้อีก จากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน( Debt Equity
Ratio :D/E) ในปัจจุบันของบริษัทมี D/E มากกว่า 1 ต่อ 1 เท่า ซึ่งหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว
D/E จะเหลือ เพียง 0.5-0.6 เท่า
นายพยนต์กล่าวว่า ปีหน้าหุ้น Q-CON จะเข้าทำการซื้อขายใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เป็นหุ้นตัวแรกที่จะเทรดในปี 47 หลังจากที่ขายหุ้น IPO และขายหมดเกลี้ยงแล้วตั้งแต่เมื่อ
16-18 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งมั่นใจว่าราคาหุ้นของบริษัทจะเป็นไปตามภาวะอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างที่จะโตตามธุรกิจอสังหาฯและรับเหมาก่อสร้าง
ปัจจุบันบริษัทไม่มีขาดทุนสะสม ปoหน้าบริษัทสามารถ จ่ายเงินปันผลได้ตามนโยบายในอัตราร้อยละ
50 ของกำไรสุทธิ
สำหรับปี 47 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,050 ล้านบาท และกำไรสุทธิเพิ่มเป็น
360 ล้านบาท ในขณะที่ปีนี้คาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากการขายผลิต-ภัณฑ์ประมาณ 700
ล้านบาท กำไร สุทธิประมาณ 240 ล้านบาท เนื่อง จากในปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะเปิดโรงงานผลิตแห่งที่
2 ซึ่งมีกำลังการผลิตเต็มที่ 3 ล้านตารางเมตร/ปี
โดยจะเริ่มเดินเครื่องต้นปี 47 และผลิตจริงในไตรมาส 3 โดย จะใช้กำลังการผลิต
1.5 ล้านตารางเมตร โดยโรงงานแห่งที่ 2 นี้จะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังประมาณ
350 ล้านบาท ทำให้กำลังการผลิตอิฐมวลเบาของบริษัทเพิ่มจาก 3 ล้านตารางเมตร/ปี เป็น
4.5 ล้านตารางเมตร หากความต้องการเพิ่มสูงขึ้น ที่ดินในอยุธยายังมีเหลือพอที่จะสร้างโรงงานได้อีก
นอกจากนี้ บริษัทยังรับงานอาคารในสนามบินสุวรรณภูมิบางส่วนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท
โดยจะเริ่มส่งสินค้าให้ในช่วงเดือน มีนาคมปี 47 นอกเหนือจากที่บริษัทผลิตให้กับลูกค้าประจำคือ
คือ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน)
และ บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยบ้านเดี่ยว
โดยบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจอิฐมวลเบาอันดับ 1 ประมาณ 71% ส่วนที่เหลือเป็นบริษัท
ซุปเปอร์บล็อก 29% และบริษัทมีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
กลุ่มบริษัทพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรและผู้ประกอบการในต่างจังหวัด รวมทั้งขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ
นายพยนต์ กล่าวต่อว่า บริษัทมีแผนที่จะจัดตั้งคลังสินค้า ประจำแต่ละภาค เพื่อสะดวกในการจัดส่งสินค้าและจะทำให้ราคาขายสินค้าของบริษัทไม่แตกต่างจากราคาสินค้าในเขตกรุงเทพฯ
และปริมณฑล รวมทั้งขยายการส่งออกไปที่เวียดนาม จากปัจจุบันที่ส่งออกเพียง 1 ประเทศ
คือนิวซีแลนด์ และปี 47 บริษัทอาจปรับขึ้นราคาขายผลิตภัณฑ์หากต้นทุนทางการค้า เช่น
ราคาซีเมนต์ หรือราคาค่าขนส่งพุ่งขึ้น
นอกจากนี้ Q-CON ยังจะเล็งที่จะก่อสร้างโรงงานผลิต เพื่อเป็นฐานการผลิตและส่งจำหน่ายในแต่ละภาค
หากพบว่าความต้อง การใช้อิฐมวลเบามีถึง 70% ของกำลังการผลิตของโรงงาน หรือ 2.1
ล้านตารางเมตร คาดว่าโรงงานใน แต่ละภาคจะเกิดขึ้นแน่ โดยเงินลงทุนใกล้เคียงกับโรงงานที่ก่อสร้างแล้ว
อย่างไรก็ตาม Q-CON ได้ทำการขายสินค้าให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันก็ได้ทำการวิจัยด้าน
การตลาดไปในตัวด้วย เพื่อสำรวจ ความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ และขณะนี้ Q-CON
อยู่ ระหว่างการดีลกับลูกค้าที่เวียด-นาม ที่นักลงทุนเวียดนามสนใจที่จะให้เข้าไปตั้งโรงงานผลิตอิฐมวลเบาในเวียดนาม
"ในระยะแรกเราต้องเข้าไปเหมือนทดลองตลาดก่อน แต่เราก็มีลูกค้าเวียดนามอยู่ระดับหนึ่ง
และเรากำลังเจรจาที่จะเข้าไปสร้างโรงงาน ที่นั่น แต่เราต้องสำรวจความต้อง การของลูกค้าก่อนว่าจะมากน้อยเพียงใด
และหากมีการร่วมทุนเกิด ขึ้น เราจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่"
ทั้งนี้ ในปีหน้า หาก Q-CON ต้องการใช้เงินทุน อาจต้อง ทำการเพิ่มทุนหรือออกหุ้นกู้
ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับภาวะตลาดในขณะนั้นว่าจะเลือกทางใด แต่หากออกเป็นหุ้นกู้ควบวอรแรนต์เพื่อดึงดูดใจให้นักลงทุนหันมาสนใจลงทุน
สำหรับผลดำเนินงานของ Q-CON งวด 9 เดือนแรกปีนี้ พบว่ามีรายได้จากการขาย 540
ล้านบาท เพิ่มจากงวดเดียวกันของ ปีก่อน 37% และมีกำไรสุทธิ 181 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
148 ล้านบาท อันเป็นผลจากการปรับโครงสร้างหนี้ในปี45 ส่งผลให้หนี้สินรวมและดอกเบี้ยจ่ายลดลง
และการปรับปรับปรุงการดำเนินงานและพัฒนากระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น