เป็นเพราะรูปแบบกิจกรรมการตลาดที่พยายามสร้างความแปลกแตกต่างไป
ที่สามารถสร้างการรับรู้ และเพิ่มดีกรีการแข่งขันให้ระอุขึ้นอีกครั้ง
ซีคเว่ เบรคเก้และวิชัย เบญจรงคกุล Co-CEO ดีแทคกำลังถูกจับตามองมากที่สุดในเวลานี้
นับแต่ตัดสินใจ Re-branding บริการบัตรเติมเงินมาเป็น Happy Dprompt และบริการชำระค่าบริการรายเดือนมาเป็น
My ดีแทคก็มีกิจกรรมการตลาดที่ทำอย่างต่อเนื่องไม่ขาดช่วงและยิ่งเพิ่มดีกรีความเข้มข้นมากขึ้นเป็นลำดับ ด้วยกลยุทธ์การตลาดที่สร้างความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นการจับมือกับเนสท์เล่ขายบัตรเติมเงินผ่านรถขายไอศกรีม
ทำกิจกรรมร่วมกับสายหนังกลางแปลงและสาวมิสทิน
ล่าสุดทั้งสองลงทุนเป็นพรีเซ็นเตอร์ ภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ที่ใช้ชื่อว่า
Net-work สร้างความฮือฮาไปทั่วเมืองทั้งแง่บวกและลบ
เหตุผลก็คือดีแทคไม่มีกำลังเงินมากเท่าเอไอเอส การจะทุ่มโฆษณาหรือลดค่าบริการก็ทำได้ยาก จำเป็นต้องคิดนอกกรอบ เพื่อหารูปแบบการตลาดใหม่ๆ ให้แหวกแนวไปจากที่มีอยู่เดิม
ภาพลักษณ์ของดีแทคในสายตาซีอีโอทั้งสอง จึงต้องการเป็นผู้ให้บริการที่มีเทคโนโลยีชั้นเยี่ยม
หรือเป็นเลิศในเรื่องบริการข้อมูลหรือแม้แต่การเป็นโอเปอเรเตอร์ ที่ให้บริการด้วยราคาถูกที่สุด
"เราจะเป็นที่หนึ่งในสิ่งที่ลูกค้าต้องการที่สุด จากผลสำรวจ เราพบว่า
network ที่ดีและบริการที่ดี เป็นสิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญมากที่สุด มากกว่าราคาด้วยซ้ำไป"
ในภาวะการแข่งขันอันเชี่ยวกราก และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จำเป็นต้องมีกลยุทธ์การตลาดที่เป็นแบบฉบับของตัวเอง
"เรากำลังหนีจากการแข่งขัน ต้องสร้างจุดที่เป็น original ของเรา เป็นสิ่งที่ท้าทาย
อย่างตอนที่เราออก Happy กับ My มีคนถามว่าเราเอาต้นแบบมาจากนอร์เวย์หรือเปล่า
เราบอกเปล่า เราผลิตโดยดีแทคคิดจากในบ้าน"
ทั้งสองไม่เชื่อว่าจะมีแผนการตลาด ที่เป็นสูตรสำเร็จตลอดไป หากไม่โดนลอกเลียนแบบ
ก็ต้องไล่ตามความต้องการของลูกค้า
"เราบอกพนักงานทุกคน ไม่ต้องไปคำนึงว่า ออเร้นจ์ทำอะไร แต่ที่ต้องทำคือ
ทำให้ตัวเองดีขึ้น ต้องกล้าคิดนอกกรอบ"
การจะทำเช่นนี้ต้องมีโครงสร้างองค์กรที่กระชับ ไม่มีขั้นตอนซับซ้อน สนับสนุนต่อความคิดใหม่ๆ
ดังนั้น สิ่งแรกที่ทั้งสองทำหลังจากรับตำแหน่ง คือ การยกเครื่ององค์กรให้แบนราบ
ลดความซ้ำซ้อน ขณะเดียวกันพวกเขาทั้งสองต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เช่น รุกสู่ตลาดต่างจังหวัด ที่เป็นเป้าหมายของดีแทคในเวลานี้
"เราลงไปคลุกกับดิน กินกับทรายแบบถึงลูกถึงคน ไม่ได้ล้วงลูก แต่ทำเพื่อที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกวันนี้เราสองคนผลัดกันไปต่างจังหวัด
และสิ่งที่เราเห็นกับสิ่งที่รับรู้อาจเป็นคนละเรื่องกัน"
การคัดเลือกคน "ผมจะไม่เลือกคนที่ทำสำเร็จ 100% เพราะบางทีคนที่ไม่เคยทำผิดคือ
ไม่ทำอะไรเลย เราพยายามให้โอกาสคน เราเลือกคนที่หากเขาทำได้สำเร็จ 80% พลาด
10-20%"
เช่นเดียวกับแคมเปญในมุมมองของ พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ "ขอรายได้แค่
80% ก็เพียงพอแล้ว"
ทั้งหมดนี้คือกระบวนการความคิดของ Co-CEO ทั้งสองที่ก่อให้เกิดสูตรสำเร็จ
ทางการตลาดที่เป็นแบบฉบับของตัวเอง และยังสะท้อนถึงทิศทางที่จะเกิดขึ้นกับดีแทคในอนาคตอันใกล้ในตลาดโทรศัพท์มือถือนับจากนี้