ข่าวไอทีวีจับมือไตรภพ ลิมปพัทธ์และกันตนากรุ๊ป 2 ยักษ์ใหญ่ทางด้านเกมโชว์และละคร
เป็น Strategic Partner ที่เพิ่มศักยภาพให้กับสถานี นอกเหนือจากจุดแข็งด้านรายการข่าว
นับว่าเป็นการขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาดที่สำคัญในวงการโทรทัศน์เมืองไทยเลยทีเดียว
หลายคนไม่คาดคิดว่า ไตรภพ ลิมปพัทธ์ เจ้าของบริษัทบอร์น ออพเปอเรชั่น
ที่ทำรายการป้อนให้กับช่อง 3 มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2527 นั้นจะจับมือลาประวิทย์
มาลีนนท์ บุคคลที่เขาเรียกว่า "นาย" ด้วยความเคารพมาตลอดระยะเวลาเกือบ 20
ปี ด้วยไมตรีจิตชนิดไม่มีอะไรขุ่นขึ้งกันเลยแม้แต่น้อย ตามถ้อยคำที่เขาเพียรให้สัมภาษณ์กับทุกสื่อ
เพราะการ "จาก" กันครั้งนี้หมายถึงว่า ทุกรายการของไตรภพต้องหลุดจากผังรายการของช่อง
3 ตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ.2547 เป็นต้นไป และจากคำพูดที่ว่า "ไปเพื่ออนาคตที่ดีกว่า"
ของไตรภพเอง
ต้องยอมรับว่าปีนี้หลายรายการของบอร์นฯ ค่อนข้างแผ่วลงซึ่งอาจจะส่งผลให้บทบาทของเขาที่มีต่อ
"นาย" น้อยลงบ้าง ความน้อยอกน้อยใจเล็กๆ ที่เกิดขึ้นอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เขา
ก้าวไปเกี่ยวก้อยกับไอทีวีอีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็เคยสนใจเข้าไปถือหุ้นก่อนที่จะถอยออกมาด้วยเหตุผลที่ว่า
"มันวุ่นวายนัก และไม่ลงตัว"
อนาคตที่ดีของไตรภพคือ เข้าไปเป็นผู้บริหารและเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับไอทีวี
ซึ่งแน่นอน เขาจะกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในสังคมไทยมากยิ่งขึ้นไปกว่าการเป็นเพียงเจ้าของรายการทางทีวีช่อง
3 หรืออาจจะหมายรวมไปถึงการก้าวไปสู่เส้นทางการเมืองภายใต้ร่มเงาของพรรคไทยรักไทยในอนาคต
เพราะแม้ในเวลานี้เขาจะยืนยันว่าไม่เล่นการเมือง แต่เขาเคยทิ้งท้ายไว้กับ
"ผู้จัดการ" ว่า "เป็นเรื่องของอนาคตและหากถึงเวลาที่ชาติต้องการ"
ส่วนสายสัมพันธ์ของกันตนากรุ๊ปกับช่อง 7 สี อาจจะไม่ได้รับผลกระทบนัก เพราะรายการยอดนิยมที่กันตนาผลิตป้อนให้กับช่อง
7 สีถึง 40 เปอร์เซ็นต์นั้นยังคงดำเนินต่อไปเช่นเดิม เพียงแต่รายการที่ป้อนให้กับช่อง
9 ช่อง 5 ต้องโยกมาลงที่ไอทีวี
แต่ผู้แฮปปี้ที่สุดสำหรับดีลใหญ่ครั้งนี้คือ "ชินคอร์ป" เพราะสามารถเอาธุรกิจบันเทิงมาต่อยอดกับธุรกิจที่มีอยู่ในด้านคอนเทนต์สำหรับบริษัทในเครือ
เช่น การผลิตรายการให้สถานี, เนื้อหาสำหรับบริการมือถือของเอไอเอส หรือแม้แต่เนื้อหาสำหรับ
บรอดแบนด์ของไอพีสตาร์
บุญคลี ปลั่งศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ยืนยันว่าเป็นการพัฒนาทรัพย์สินที่มีอยู่เดิมให้เพิ่มขึ้นเป็น 400 ล้านล้านบาท
เพิ่มกลุ่ม user ให้ได้ถึง 20 ล้านคน จากธุรกิจของเครือทั้งหมด ซึ่งมันหมายถึงว่าเป็นการครอบคลุมเกือบ
1 ใน 3 ของคนทั้งประเทศเป็นเป้าหมายพื้นฐานก่อนหวังกำไร
ภาพเบื้องหน้าที่เห็นเป็นการจับมือแบบพันธมิตรร่วมทุน (Strategic Partner)
ของ 3 บริษัท กับ 1 คนของมหาชน เพื่อความแข็งแกร่งของสถานีข่าวและสาระบันเทิงครบวงจร
ภาพเบื้องหลังจึงเป็น big move และงานหนักในปีหน้าของใครหลายๆ คน ในวงการทีวีเมืองไทย