ย่ำค่ำวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2546 บริเวณชายหาดโรงแรมดุสิต ลากูน่า บนเกาะภูเก็ต
ได้มีงานเลี้ยงงานหนึ่ง ซึ่งจัดโดย Blancpain หนึ่งในผู้ผลิตนาฬิกาสัญชาติสวิสที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
เป็นงานฉลองครบรอบ 50 ปี นาฬิกาดำน้ำ Fifty Fathoms ซึ่งผลิตครั้งแรกเมื่อปี
1953 พร้อมกับการเปิดตัวนาฬิกา 50th Anniversary Fifty Fathoms ที่ผลิตขึ้นเพียง
150 เรือนในโลก
เป็นการเปิดตัวครั้งแรกของโลก โดย Blancpain ได้เลือกเปิดตัวในเอเชียก่อนที่ใดๆ
เนื่องจากเอเชียถือเป็นตลาดนาฬิกาใหญ่อันดับสองของโลก รองจากอเมริกา และได้เลือกภูเก็ตเป็นสถานที่จัดงาน
เนื่องจากความชอบที่มีต่อภูเก็ตของ Marc A. Hayek CEO ของ Blancpain โดยได้เชิญตัวแทนจำหน่าย
Blancpain จากเอเชีย และสื่อมวลชนจากทั่วโลก รวมประมาณ 120 คน ร่วมเป็นแขกรับเชิญในงาน
Fifty Fathoms เมื่อ 50 ปีก่อน ถือว่าเป็นนาฬิกาดำน้ำเรือนแรก โดยสามารถกันน้ำได้ที่ความลึก
50 fathoms (1 fathom เท่ากับ 1.829 เมตร) ซึ่งเท่ากับความลึกที่สามารถดำได้ในขณะนั้น
แรกเริ่มนาฬิกาเรือนนี้ถูกใช้ในภารกิจทางทหาร ก่อนที่จะแพร่หลายไปยังหมู่นักวิทยาศาสตร์ใต้ทะเล
ส่วนนาฬิการุ่นฉลองครบรอบ 50th Anniversary Fifty Fathoms ซึ่งยังคงใช้หน้าปัดและตัวเลขแบบเดิม
เพื่อรักษาเอกลักษณ์แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ได้มีการพัฒนา ทำให้สามารถกันน้ำได้ถึง
165 fathoms หรือประมาณ 300 เมตร พร้อมด้วยลูกเล่นที่เพิ่มขึ้น เช่น สามารถเลือกใช้สายสเตนเลส
และสายยาง ซึ่งมาพร้อมอุปกรณ์ช่วยเปลี่ยนสาย
นอกจากนี้ Blancpain ยังได้แนะนำการสนับสนุนโครงการฉลามวาฬ (Whale Shark
Project) โดยได้ร่วมมือกับ Shark Trust และ The PADI Project AWARE (Aquatic
World Awareness, Responsibility and Education) 2 สถาบันอนุรักษ์สัตว์น้ำจากประเทศอังกฤษ
โดยให้นักดำน้ำหรือนักแล่นเรือ ส่งภาพถ่ายของฉลามวาฬไปยังศูนย์ข้อมูลเพื่อเก็บรวบรวมภาพถ่ายเหล่านั้น
ซึ่งลายบนตัวของฉลามวาฬเปรียบได้กับลายนิ้วมือของมนุษย์ ฉลามวาฬ แต่ละตัวมีลายที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
เมื่อศึกษาจากภาพถ่าย จะทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถทำการศึกษาวิถีการอพยพ
และโครงสร้างของประชากรฉลามวาฬได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ Blancpain ยังได้บริจาครายได้ส่วนหนึ่งจากการขายนาฬิกาแต่ละเรือนใน
Fifty Fathoms Collection ให้กับโครงการเพื่อช่วยอนุรักษ์ปลาที่ได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกชนิดนี้
นอกเหนือจากการเข้าร่วมงานฉลองครบรอบ 50 ปี ซึ่งจัดขึ้นในคืนวันเสาร์ แขกที่มาร่วมงานจากต่างประเทศยังมีเวลาและโอกาสได้สัมผัสความงามของภูเก็ต
ก่อนที่จะทยอยเดินทางกลับในวันถัดไป