"เราเป็น NON PROFIT ORGANIZATION เอากำไรไม่ได้ฉะนั้นเราก็ไม่ได้มุ่งกำไร"
ดร.พิบูลย์ ลิมประภัทร กรรมการผู้จัดการ BSDC กล่าวเมื่อถูกถามถึงผลประกอบการ
ภาวะการซื้อขายใน BSDC ไม่คึกคักนัก โดยมีมูลค่าประมาณ 11 ล้านบาทต่อวันในครึ่งปีแรกของ
ปี 2539 ส่วนในครึ่งหลังของปีซึ่งยังไม่มีตัวเลขออกมา ทว่าสภาพทั่วไปของตลาดทุนที่ซบเซากว่าครึ่งปีแรก
ก็พอจะมองได้ว่ามูลค่าการซื้อขายของ BSDC ยังไม่ขาดทุนจากการประกอบการแถมยังพอมีกำไรนิดหน่อยอีกด้วย
"เราเอาเงินกองทุนที่ได้ไปฝากธนาคาร ยังไม่ได้ใช้อะไรนัก ตอนนี้ก็เพิ่มพูนขึ้นมาอีกจากดอกเบี้ย
กองทุนมันโตขึ้นกว่าตอนจัดตั้งแสดงว่าเรามีกำไรพอเลี้ยงตัวได้"
รายได้ของ BSDC มาจากบริษัทสมาชิกซึ่งมีจำนวน 74 แห่ง โดยจะได้รับค่าธรรมเนียมแรกเข้าจากสมาชิกซึ่งระดมเป็นเงินกองทุนหรือทุนจดทะเบียนของ
BSDC จำนวน 518 ล้านบาท หรือแห่งละ 7 ล้านบาท ร่วมกับรายได้ในรูปค่าธรรมเนียมรายเดือน
30,000 บาทต่อราย และค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย 0.005% ของมูลค่าซื้อขาย
นอกจากนี้จะได้รับรายได้จากบริษัทจดทะเบียน โดยคิดค่าธรรมเนียมแรกเข้า
0.03% ของทุนจดทะเบียนหรือไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท และ 0.25% ของทุนที่เรียกชำระเพิ่มเติมรวมกับค่าธรรมเนียมรายปีซึ่งตกปีละ
30,000 บาท
ในด้านค่าใช้จ่ายนั้น ดร.พิบูลย์กล่าวมีเพียงค่าเช่าสำนักงานและเงินเดือนพนักงาน
สำหรับค่าใช้จ่ายในเรื่องระบบคอมพิวเตอร์นั้น แม้ว่ใช้บริการจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็ยังไม่ได้เสียค่าบริการ
โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้บริการฟรีจนถึงสิ้นปี 2539 ที่ผ่านมา
"ตราบใดที่เรายังไม่ได้จ่ายค่าคอมพิวเตอร์ เราก็ยังไม่ขาดทุน"
ฉะนั้นในปี 2540 เมื่อ BSDC ต้องเสียค่าบริการระบบคอมพิวเตอร์ให้แก่ตลาดหลักทรัพย์ฯ
และหากภาวะตลาดทุนยังไม่กระเตื้องขึ้นมากนักย่อมจะทำให้ BSDC หนีไม่พ้นที่จะต้องมีตัวแดงในบัญชี