เกือบ 30 ปีมาแล้วที่โรงแรมโรสกาเด้นตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำนครชัยศรี
บนพื้นที่ 170 ไร่ ในบริเวณสวนสามพราน โดยมีจุดขายที่แตกต่างจากโรงแรมขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ
และบริเวณใกล้เคียงคือ การเน้นที่ศิลปวัฒนธรรมไทย การแสดงในหมู่บ้านไทย และสภาพธรรมชาติภายในสวนสามพราน
ซึ่งมีทะเลสาบขนาดใหญ่ถึง 30 ไร่ สวนดอกไม้ และการตกแต่งบริเวณอย่างสวยงาม
จุดขายที่โรสกาเด้นใช้อย่างต่อเนื่องยังคงได้ผล ขณะที่ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยค่อนข้างย่ำแย่
เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น แต่มีการใช้จ่ายน้อยลง โรงแรมชั้นหนึ่งส่วนใหญ่จะประสบปัญหาอัตราการเข้าพักตกต่ำ
บางแห่งมีอัตราการเข้าพักเพียง 30% กว่าๆ เท่านั้น รายได้ของธุรกิจโรงแรม
ณ วันนี้จึงมาจากห้องสัมมนา การจัดเลี้ยง และแผนกอาหารมากกว่า
อย่างไรก็ตาม สุชาดา ยุวบูรณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท โรงแรมโรสกาเด้น
(2511) จำกัด (สวนสามพราน) เปิดเผยว่า ในส่วนของโรสกาเด้นนั้นอาจเรียกได้ว่ามีกลุ่มเป้าหมายที่ต่างไปจากโรงแรมอื่นๆ
เพราะมีทั้งสวนสามพราน สนามกอล์ฟ และโรงแรมอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน กลุ่มเป้าหมายก็จะเน้นนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อนชมธรรมชาติในจังหวัดใกล้เคียงกับกรุงเทพฯ
เช่น นครปฐม กาญจนบุรี สมุทรสงคราม ราชบุรี เป็นต้น โดยเน้นตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นหลัก
สำหรับนโยบายและทิศทางในปี 2540 สุชาดา กล่าวว่า "เราจะรุกตลาดนักท่องเที่ยวภายในประเทศให้มากขึ้น
โดยแบ่งเป็นตลาดนักท่องเที่ยว ตลาดสัมมนา และตลาดการจัดเลี้ยง"
ปัจจุบันรายได้หลักของโรสกาเด้นยังคงมาจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งบริษัทได้มีการตั้งผู้ขายไว้ในตลาดสำคัญๆ
3 แห่ง คือ อังกฤษ (ตลาดยุโรป) ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ เพื่อเตรียมรับการแข่งขันภายในประเทศ
และในภูมิภาคเอเชียเนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เกิดขึ้นหลายแห่ง
อย่างไรก็ตามจุดขายของโรสกาเด้นยังคงเน้นที่ธรรมชาติและประเพณีวัฒนธรรมไทย
ซึ่งก็ได้ผลเสมอมา การแสดงในหมู่บ้านไทยเกี่ยวกับวัฒนธรรม 4 ภาค การละเล่นไทย
มวยไทย ฟันดาบ และอื่นๆ เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติมากหมู่บ้านไทยนี้จะมีการแสดงวันละ
1-2 รอบ แต่ละรอบจุผู้ชมได้ถึง 1,200 ที่นั่ง
จากแนวคิดที่ว่าความเป็นไทย เอกลักษณ์ไทยไทยชาวต่างชาติค่อนข้างให้ความสนใจ
จึงทำให้สุชาดาคิดโปรแกรมสำหรับนักท่องเที่ยวขึ้นมาใหม่อีก 1 โปรแกรมในปีนี้คือ
"อยู่อย่างไทย" หรือ "Thai Living" เพื่อให้ผู้ที่มาพักผ่อนท่องเที่ยวไสัมผัสกับชีวิตแบบไทยได้อย่างใกล้ชิด
แพ็กเกจทัวร์อยู่อย่างไทยเริ่มต้นด้วยการล่องเรือชมแม่น้ำนครชัยศรี ชมสภาพบ้านเรือนและความเป็นอยู่อย่างเงียบสงบของผู้คน
2 ฟากฝั่ง โดยลงเรือที่ท่าน้ำวัดไร่ขิง ล่องมาจนถึงโรงแรมจะใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ
1 ชั่วโมง
"โปรแกรมอยู่อย่างไทยนี้ จะเป็นรูปแบบของการท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้และการใช้ชีวิตอย่างไทย
นักท่องเที่ยวจะได้เห็นการทำอาหารไทยการแกะสลักผลไม้ การทำบุญตักบาตร รวมทั้งการอยู่ในบ้านไทย"
สุชาดากล่าว
ขณะนี้โรสกาเด้นได้ลงทุนปรับปรุงเรือนไทยโบราณ 7 หลัง ที่อยู่บริเวณรอบๆ
ทะเลสาบภายในสวนสามพราน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโปรแกรมดังกล่าว โดยใช้งบลงทุนประมาณ
30 ล้านบาท
สุชาดา อธิบายว่า "การทำบุญตักบาตร พนักงานของเราทำกันเป็นประจำทุกเช้าอยู่แล้ว
ที่ท่าน้ำจะมีพระพายเรือมารับบาตรทุกวัน วันละ 2-3 ลำ เราก็เพียงแต่เตรียมของสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาร่วมทำบุญตักบาตรเพิ่มขึ้นโดยในช่วงที่รอพระก็จะมีการสาธิตการทำอาหารแบบไทยไทย
เช่น การทำขนมครก มีเรือขายกาแฟ ขายหมูย่าง ขนมไทยไทย ซึ่งเราจะจัดเตรียมไว้ในบริเวณใกล้เคียงกัน"
สุชาดาเชื่อว่า การที่นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่แบบไทยไทยอย่างใกล้ชิดนี้จะทำให้เกิดความประทับใจ
แล้วเก็บความรู้สึกเหล่านั้นกลับไปบอกเล่าต่อๆ กันซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยในระยะยาว
และช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของไทยไปยังนานาประเทศด้วย
เธอคาดว่าโปรแกรมดังกล่าวจะเป็นจุดขายสำคัญของปีนี้ ซึ่งจะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มาก
ประกอบกับการทำตลาดในเชิงรุกในหลายๆ ด้าน สุชาดาจึงตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ว่าจะเติบโตขึ้นจากปีก่อนประมาณ
10% โดยเน้นการขายห้องพักควบคู่กับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และแหล่งประวัติศาสตร์ย่านใกล้เคียงไปด้วย
เช่น พระปฐมเจดีย์ พระราชวังสนามจันทร์ในจ.นครปฐม ตลาดน้ำดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี
อุทยาน ร.2 จ.สมุทรสงครามเป็นต้น
ปัจจุบันโรงแรมโรสกาเด้นมีที่พักบนตึกทั้งอาคารท่าจีน และอาคารเพชรเกษมรวมกัน
193 ห้อง และมีเรือนไทยโบราณอีก 7 หลังโดยมีอัตราการเข้าพักอยู่ประมาณ 50%
และรายได้หลักมาจากแผนกอาหาร
ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมาโรงแรมได้รับรางวัลดีเด่นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวประเภทที่พักนักท่องเที่ยวโรงแรมดีเด่นในภาคกลาง
และรางวัลยอดเยี่ยมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวประเภทแหล่งท่องเที่ยวเพื่อนันทนาการ