ในที่สุดโครงประตูน้ำคอมเพล็กซ์ของบริษัทรัตนะการเคหะ จำกัด (มหาชน) ก็มีอัศวินม้าขาวเข้ามาช่วยไว้ได้อีกครั้งหลังจากที่มีข่าวร้ายสุดๆ
ส่งท้ายปีเก่า เพราะถูกบริษัทโซซิเอเต้ อองซิลิเยร์ คองเตอร์ ปรีส์ (ประเทศไทย)
จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการประตูน้ำคอมเพล็กซ์ ฟ้องล้มละลาย
จากปัญหาที่บริษัทรัตนการเคหะไม่ยอมจ่ายเงินค่าก่อสร้างกว่า 200 ล้านบาท
คราวนี้ไม่ใช่ราศรี บัวเลิศ ผู้ที่ได้ชื่อว่าจอมเทกโอเวอร์แห่งยุคอีกแล้ว
แต่เป็นบริษัทซีวิลเอนจิเนียริ่ง และบริษัทพรหมมหาราชที่ดิน เจ้าของโครงการโบ๊เบ๊ทาวเวอร์ที่เข้ามาช่วยชีวิตอาร์.อาร์.เอาไว้
ทั้งซีวิลเอนจิเนียริ่ง โบ๊เบ๊ทาวเวอร์และดร.ไวน์ ชัยพยุงพันธ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทรัตนการเคหะ
ได้จับเข่าคุยกันและตกลงเข้าร่วมหัวจมท้ายด้วยกันแล้วอย่างเงียบ เมื่อปลายปีที่ผ่านมาหลังจากมีข่าวถูกฟ้องล้มละลายไม่กี่วันโดยซีวิลฯ
ได้ขนกำลังคนไปลุยงานก่อสร้างโครงการประตูน้ำฯ ต่อจากบริษัท โซซิ เอเต้ฯ
เรียบร้อยแล้ว และตั้งชื่อบริษัทที่จะเข้าไปบริหารงานโครงการนี้ว่า "พรหมมหาราชแผ่นดินทอง"
ซีวิลเอนจิเนียริ่ง เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงมากทางด้านการก่อสร้างทาง
ซึ่งในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ได้สนใจในการทำธุรกิจพัฒนาที่ดินมากขึ้น เช่นเมื่อประมาณ
2 ปีที่ผ่านมา เข้าไปร่วมทุนกับบริษัทส.เทียนทองทำโครงการศูนย์การค้าอรัญประเทศ
ในนามของบริษัทโกลเด้นท์เกท รวมทั้งเป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานการพัฒนาที่ดิน
2 แห่ง พื้นที่กว่า 70 ไร่ของการรถไฟอรัญประเทศและสถานีรถไฟสุพรรณบุรี
ส่วนบริษัทพรหมมหาราชเป็นเจ้าของโครงการโบ๊เบ๊ทาวเวอร์ที่มีโครงการพัฒนาที่ดินหลายโครงการ
เช่น โครงการโบ๊เบ๊ทาวเวอร์ 2 โครงการพัฒนาศูนย์ประชุมแห่งชาติบนพื้นที่
600 ไร่บนถนนบางนาตราด ก.ม.ที่ 38 แต่ขณะนี้ทางบริษัทได้ชะลอโครงการนี้ไว้ก่อน
งานนี้ว่ากันว่า ที่ซีวิลฯ ยอมเข้ามาจับมือกับโครงการนี้ เพราะผู้ใหญ่คนหนึ่งของทางบริษัทเป็นผู้ประสานงานโครงการประตูน้ำคอมเพล็กซ์กับทางกรมศาสนาจนรู้ข้อมูลเบื้องลึกมาตลอด
และเมื่อมองเห็นถึงความเป็นไปได้ของโครงการ จึงได้เข้าไปชวนทางกลุ่มโบ๊เบ๊ทาวเวอร์เข้าร่วมด้วย
แผนการแก้ปัญหาในระยะสั้นเพื่อให้โครงการประตูน้ำฯ เดินหน้าต่อไปได้ก็คือ
ซีวิลฯ คงต้องรับภาระหนักเรื่องงานก่อสร้างตัวโครงการต่อไปในส่วนที่เป็นโพเดียม
11 ชั้น ซึ่งกำลังก่อสร้างชั้น 4 ขึ้นชั้น 5 และคาดว่ากลางปีนี้จะแล้วเสร็จให้ลูกค้าที่ซื้อไปเข้ามาตกแต่งได้
ส่วนทางกลุ่มโบ๊เบ๊ก็คงต้องช่วยใช้หนี้ให้กับลูกหนี้บางรายที่ขยันเร่งรัดไปก่อนเช่นกัน
ส่วนทางราศรีนั้นแหล่งข่าวในโครงการประตูน้ำฯ เปิดเผยว่าทางบริษัทรัตนการเคหะได้เสนอโครงการเข้าไปจริงเพราะเห็นว่าเป็นช่วงที่ราศรีกำลังขยายงานทางด้านอสังหาริมทรัพย์
และปรากฏว่าราศรีเองก็สนใจแต่ยังไม่ทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ก็ปรากฏกลุ่มพันธมิตร
3 กลุ่มนี้ขึ้นมาก่อน
ข่าวนี้อาจจะทำให้กลุ่มลูกค้าที่ซื้อพื้นที่โครงการนี้สบายใจขึ้นมากเช่นเดียวกับผู้ที่ยังมีหุ้นอาร์.อาร์.อยู่ในมือ
หลังจากใจหายใจคว่ำกับข่าลือทางด้านลบของโครงการนี้มาตลอด ซึ่งฝ่ายขายจากประตูน้ำคอมเพล็กซ์ก็เล่าว่า
ข่าวต่างๆ มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้ารายใหม่ๆ มากเหมือนกัน แต่ลูกค้าบางส่วนที่ไว้ใจในตัวของดร.ไวท์
หรือ ปอประตูน้ำ ก็ยังส่งเงินงวดมาตามปกติและในเร็วๆ นี้ เพื่อเป็นการปิดงานขายก็จะมีช่วงโปรโมชั่นพิเศษ
ให้สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าเก่าที่แนะนำลูกค้าใหม่อีกด้วย
ประตูน้ำคอมเพล็กซ์ตั้งอยู่ในพื้นที่ 14 ไร่ พื้นที่ขายประมาณ 150,000
ตารางเมตร เป็นส่วนพื้นที่ขายพลาซ่า 88,000 ตารางเมตร ส่วนที่เหลือเป็นพื้นที่ขายของโรงแรม
อาคารสำนักงาน และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์อีก 3 อาคารๆ ละประมาณ 58,000 ตารางเมตร
ขณะนี้ กลุ่มเซ็นทรัลและโรบินสันได้ตกลงที่จะเข้ามาซื้อพื้นที่ประมาณ 3,000
ตารางเมตร ทำให้การขายพื้นที่ย่อยของโครงการนี้เหลือไม่มากนักวิเคราะห์กันว่าจุดหนึ่งที่โครงการนี้ยังขายได้ท่ามกลางมรสุมร้ายๆ
ก็คงเป็นเพราะคนประตูน้ำซึ่งส่วนใหญ่ที่เป็นคนจีนเป็นคนติดถิ่น ไม่ยอมย้ายพื้นที่ค้าขายไปอยู่ที่ไหน
และความที่เป็นโครงการที่เป็นพื้นที่เช่ามีกรรมสิทธิ์ในการเช่า 30 ปีทำให้เงื่อนไขของราคาขายพื้นที่จะค่อนข้างถูกกว่าโครงการอื่นๆ
ใกล้เคียง
อย่างไรก็ตามสำหรับในระยะแรกนี้บริษัทพรหมมหาราชแผ่นดินทองนั้นจะรับผิดชอบเฉพาะในส่วนของพลาซ่า
11 ชั้นเท่านั้น ยังมีในส่วนของโรงแรมเซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้โครงการนี้สมบูรณ์ขึ้น
แต่ยังหาผู้ร่วมทุนไม่ได้ ดร.ไวท์ก็ยังต้องเร่ขายโครงการต่ออยู่ดี