"บุญทรง เตริยาภิรมย์" โวย!! ธนบุรีฯ เน้นยอดขายจนลืมภาพพจน์


นิตยสารผู้จัดการ( กุมภาพันธ์ 2540)



กลับสู่หน้าหลัก

จากนโยบายขยายดีลเลอร์ให้มากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาของธนบุรีประกอบรถยนต์ ส่งผล ให้ธนบุรีฯมีดีลเลอร์เพิ่มขึ้นกว่า 80 รายทั่วประเทศ

"เบนซ์ช้างเผือก" ก็เป็นหนึ่งของดีลเลอร์เบนซ์ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเปิดดำเนินธุรกิจมาได้ 2 ปีแล้ว และคงไม่แตกต่างกับดีลเลอร์เบนซ์รายอื่นที่มียอดจำหน่ายดีในปีแรก และลดลงในปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ตกต่ำลง แต่ลึกๆ แล้วดีลเลอร์ต่างก็รู้ว่า สาเหตุที่ทำให้ยอดจำหน่ายรถเบนซ์ลดลงไม่ได้มาจากการที่เศรษฐกิจตกต่ำลงเพียงอย่างเดียว หากมาจากการเดินเกมธุรกิจของบริษัทแม่ด้วยที่มุ่งแต่จะขยายช่องทางในการจำหน่ายให้มากขึ้น โดยลืมคำนึงถึงสงครามที่ห้ำหั่นกันเองระหว่างดีลเลอร์

"ผมไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ เพราะไม่สามารถนำมาใช้กับรถเบนซ์ ซ้ำอาจส่งผลกระทบกลับไปที่ธนบุรีฯ ด้วยทำให้ไม่เกิด ROYALTY คือ ดีลเลอร์ต่างคนต่างแข่งขันกันเอง ใครที่อยู่รอดก็อยู่ไป ใครที่ไปไม่รอดก็ไปเอารถยี่ห้ออื่นมาขาย ก็จะกลายเป็นดีลเลอร์มั่ว หน้าบ้านขายธนบุรีฯ หลังบ้านขายรถอื่น ก่อนให้เกิดการดัมป์ราคากันเองระหว่างดีลเลอร์ ภาพพจน์ที่ดีของเบนซ์ก็จะหมดไป ตอนนี้ใครมีเงิน 50,000 บาท ก็เป็นเจ้าของเบนซ์ได้แล้ว สิ่งเหล่านี้เกิดจากการที่ธนบุรีฯ มองแต่ตัวเลขการขายมากเกินไป โดยลืมคำนึกถึงภาพพจน์ ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ผมคิดว่าดีลเลอร์จะหมดความอดทนและหันไปขายรถยี่ห้ออื่นแทนเป็นความในใจของ บุญทรง เตริยาภิรมย์ กรรมการผู้จัดการ "เบนซ์ช้างเผือก" และเป็นผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ในสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ในตำแหน่งรองประธานสภาอุตสาหกรรมฯ โต้โผจัดงาน THE INTERNATIONAL MOTOR SHOW'97 ที่เชียงใหม่ ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 1-9 กุมภาพันธ์นี้ ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี โดยรายได้ที่ได้จากการจัดงานในครั้งนี้หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว ทางสภาอุตสาหกรรมฯ ก็จะมอบเป็นกองทุนการศึกษาในการดำเนินงานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมพระธาตุดอยสุเทพ และมอบให้มูลนิธิเมตตาศึกษาเพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนยากจนด้วย

บุญทรงมองว่า งานแสดงมหกรรมรถยนต์นานาชาติในครั้งนี้จะเป็นการช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ได้ รวมทั้งเบนซ์ช้างเผือกเองก็หวังเช่นนั้น โดยตั้งเป้าว่าจะมียอดสั่งจองรถเบนซ์ในงานนี้ประมาณ 50-60 คัน

"ปี'39 ที่ผ่านมาเบนซ์ช้างเผือกขายได้ประมาณเกือบ 100 คัน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ใช้ได้ ถ้าเทียบกับจำนวนดีลเลอร์เบนซ์ 3 รายของเชียงใหม่ และในปี'40 นี้เราประมาณการว่าจะขายได้ประมาณเดือนละ 10 คัน" บุญทรงชี้แจง นอกจากนี้เขายังกล่าวถึง "ราคา" ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขายว่า

"ปัจจุบันผู้ที่ต้องการซื้อรถเบนซ์มีโอกาสที่จะได้รับข้อมูลข่าวสารที่ค่อนข้างรวดเร็ว สามารถรู้ว่าดีลเลอร์ในกรุงเทพฯ มีแคมเปญลดแลกแจกแถมอะไรบ้าง ซึ่งก็จะมีลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่ไปซื้อรถที่กรุงเทพฯ และกลับมารับบริการที่เรา ซึ่งเราก็ต้องรับเพราะเราเป็นตัวแทนเบนซ์หรือที่ร้ายกว่านั้นคือ หันไปซื้อยี่ห้ออื่นที่แคมเปญดอกเบี้ย 0% เสียเลย รถจะขายได้ไม่ได้ก็อยู่ที่ดอกเบี้ย ที่ไหนให้ดอกเบี้ยเลยก็ยิ่งดี"

อย่างไรก็ดี เบนซ์ช้างเผือกก็ได้เตรียมรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้ด้วยการติดต่อกับบริษัทแม่ให้สนับสนุนในเรื่องของระบบคอมพิวเตอร์ ON LINE ที่จะมาติดตั้งให้บริษัท เพื่อให้บริษัทสามารถติดต่อกับบริษัทแม่ได้สะดวกและรวดเร็วในเรื่องของการให้สินเชื่อรถยนต์แก่ลูกค้า ซึ่งจุดนี้ถือเป็นจุดแข็งของเบนซ์ช้างเผือกที่ดีลเลอร์อีก 2 รายในเชียงใหม่ยังไม่มี

"เบนซ์ช้างเผือก" ได้เริ่มดำเนินการมาได้ 2 ปีแล้วด้วยเงินลงทุน 15 ล้านบาท จากกลุ่มหุ้นส่วนที่คลุกคลีอยู่ในธุรกิจรถยนต์ ซึ่ง 60% ใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯ และที่เหลือเป็นคนเชียงใหม่ "บุญทรง" ก็เป็นหนึ่งในนั้น และเป็นหุ้นส่วนใหญ่ที่เป็นคนเชียงใหม่ เขาจึงรับหน้าที่เป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัท และจากการที่เขาเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้บริหารของสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งต้องรู้จักกับ ดร.โชคชัย อักษรนันท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยอย่างแน่นอน สายสัมพันธ์นี้เองทำให้ความคิดที่จะเป็นตัวแทนจำหน่ายรถเบนซ์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

"เราเข้ามาจับธุรกิจนี้ตามขั้นตอนของธนบุรีฯ ในช่วงที่เราเสนอตัวเข้าไปก็ประจวบเหมาะกับที่ทางธนบุรีฯ ต้องการเปิดดีลเลอร์อีกแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ ซึ่งขณะนั้นมีอยู่แห่งเดียวและกำลังจะหยุดดำเนินกิจการเราก็เสนอตัวเข้าไปพอดีประกอบกับได้รับการสนับสนุนจาก ดร.โชคชัย ซึ่งท่านเป็นเพื่อนกับคุณพากเพียร วิริยะพันธุ์ เจ้าของธนบุรีฯ ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น"

ก่อนที่บุญทรงจะเข้ามาจับธุรกิจรถยนต์นั้น เขาทำธุรกิจโรงเลื่อยอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเป็นธุรกิจแรกของครอบครัวที่ดำเนินกิจการมากกว่า 30 ปี และหลังจากที่เขากลับจากอเมริกาด้วยดีกรีปริญญาตรี FINANCE จาก UNIVERSITY OF KENTUCKY ได้ 2 ปีคือในปี 2527 เขาก็เข้าเป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมในนามของโรงเลื่อยจักรไทยพนา จากนั้นในปี 2537 เขาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นรองประธานสภาอุตสาหกรรมฯ ในสมัยของประธานฯ สาโรช รัตนาวดี โดยเขามีหน้าที่ดูแลงานด้านกิจกรรมพิเศษ ได้แก่ กิจกรรมการจัดงานแสดงสินค้า กิจกรรมการหารายได้พิเศษให้กับสภาฯ และงานทางด้านต่างประเทศ ซึ่งได้แก่เรื่องของการติดต่อต้อนรับนักธุรกิจจากต่างประเทศ

สำหรับงาน THE INTERNATIONAL MOTOR SHOW'97 ครั้งแรกที่จัดขึ้นที่เชียงใหม่นี้เขาก็รับหน้าที่เป็นประธานในการจัดงาน และในฐานะพ่องานใหญ่ก็ได้ตั้งความหวังจากงานนี้ว่า

"งานนี้เราทำการประชาสัมพันธ์มาก และมีการคาดการณ์ว่าจะมีคนมาร่วมงานประมาณ 50,000 คน กับปริมาณคนขนาดนี้ ถ้ามีสัก 500-1,000 คน คือ 1%-2% ที่สนใจซื้อรถ ผมคิดว่าน่าจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จแล้ว"



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.