"KTC" เผยไม่กลัวชินคอร์ปเปิดตัว แคปปิตอลโอเค แม้แต่ ซิตี้แบงก์ที่เป็นอันดับ
1 ของโลกยังโค่นมาแล้ว ส่วนปีหน้าคาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่ม ขึ้นอีกเท่าตัวเป็น 600
ล้าน เตรียมเข็นสินเชื่อมอเตอร์ไซค์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มรายได้ ขณะที่บัตรเครดิตก็จะเปิดตัวมินิการ์ดออกมาเรื่อยๆ
ตามกลุ่มของลูกค้า ชี้แนวโน้มการแข่งขันสินเชื่ออุปโภคบริโภคปีหน้าจะมีความรุนแรงมาก
กว่าปีนี้
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
ได้แสดงความเห็นต่อกรณีที่ ทางบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมมือกับธนาคารดีบีเอส
สิงคโปร์ ในการ จัดตั้งบริษัท แคปปิตอล โอเค เพื่อดำเนิน ธุรกิจการให้บริการด้านบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลว่า
คงไม่มีผลกระทบต่อเคทีซี มากนัก อีกทั้งยังเป็นการสร้างสีสันในการ แข่งขันของธุรกิจบัตรเครดิตและทางเลือก
ให้กับผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้นด้วยเพราะที่ผ่าน มาเคทีซีเป็นผู้รุกตลาดแต่เพียงผู้เดียว
ส่วนเป้าฐานลูกค้าที่ทางแคปปิตอล โอเค ตั้งไว้ที่ประมาณ 300,000-400,000 รายภายในสิ้นปี
47 นั้น เขาเชื่อว่าจะไม่มี ผลใดๆ กับทางเคทีซี แม้ว่าฐานลูกค้าของ กลุ่มชินคอร์ปที่เป็นลูกค้าของโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีมากกว่า
12 ล้านราย เพราะการทำตลาดบัตรเครดิตที่ผ่านมาธนาคารอื่น เช่น ธนาคารกรุงเทพที่มีฐานลูกค้าจำนวนมาก
เคทีซียังสามารถขยายฐานลูกค้าได้มากกว่า
"สำหรับแคปิตอลโอเค ของกลุ่มชินคอร์ป ที่จะออกมานั้นไม่น่ากลัว เพราะขนาดซิตี้แบงก์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่
1 ของโลก และจีอีที่เป็น อันดับ 6 ของโลก เคทีซียังโค่นมาแล้ว ทั้งๆ ที่เขามีประสบการณ์และมีทุนมหาศาล
เราทำงานแบบตรงไปตรงมาไม่ตลบหลังใครและไม่แกล้งใคร เป็นการดีที่เขาเข้ามาเล่นในตลาดเดียวกันจะได้มีคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ
เคทีซีไม่เคยทำอะไรแบบล่างๆ ทำแบบคลาสสิกเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตรง" นายนิวัตต์กล่าว
นายนิวัตต์ กล่าวว่า ในปี 2547 เคทีซีจะสามารถมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 100% หรือเพิ่มเป็น
600 ล้านบาท จากในปัจจุบัน เนื่องจากเคทีซีมีการ ขยายธุรกิจของบริษัท โดยที่ในปีหน้านี้จะร่วมกับสถานีบริการน้ำมันบางจาก
และปตท. เพื่อออก บัตรเครดิตสำหรับเติมน้ำมัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถ ออกได้ภายในไตรมาสที่
1 และในไตรมาสที่ 2 จะให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ (Leasing) และสินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้า
(Asset Finance) โดยที่ลักษณะของสินเชื่อดังกล่าวจะเป็นการให้สินเชื่อคล้ายกับสินเชื่อบุคคล
หรือ Personal Loan คือ ไม่ต้องมีบุคคลค้ำประกัน โดยจะใช้ฐานลูกค้าบัตรเครดิตที่มีอยู่แล้วเพื่อขยายฐานการทำธุรกิจ
ทั้งนี้ การให้บริการด้านบัตรเครดิตจะยังคง ร่วมมือกับพันธมิตรในกลุ่มต่างๆ เพื่อเป็นการขยายฐานบัตรเครดิต
ซึ่งมั่นใจได้ว่าภายในสิ้นปีนี้เคทีซีจะสามารถเพิ่มฐานบัตรเครดิตได้ครบ 800,000
บัตรตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ สำหรับใน ปีหน้าคาดว่าจะสามารถเพิ่มฐานบัตรเครดิตอีก
250,000-300,000 บัตร ซึ่งจะทำให้ฐานบัตรเครดิต ของเคทีซีมีจำนวนครบ 1,000,000
บัตร สิ่งที่ทำให้ เคทีซีมั่นใจได้ว่าจะทำให้ฐานบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นดังกล่าวนั้นเพราะเคทีซีเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่ม
ได้มากขึ้น โดยเฉพาะการออกบัตรเคทีซี มินิการ์ด ที่จะเจาะไปแต่ละความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น
"เราต้องทำการตลาดแบบมองไปข้างหน้า และมองที่ความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก
เพราะหากมองแต่สิ่งที่ผ่านมาจะไม่สามารถก้าวหน้าไปได้ และจะต้องมองแต่ตนเองว่าจะรุกธุรกิจได้อย่างไร
เคทีซีไม่เคยเปรียบเทียบกับคู่แข่งขัน และไม่ทำอะไรระดับล่างแต่จะทำในลักษณะคลาสสิก
เช่น บัตรมินิการ์ดที่ออกมาไม่เพียงแต่จะเน้นไปยังกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความเท่เท่านั้น
แต่เป็นการออกผลิตภัณฑ์ ใหม่ที่สามารถเจาะถึงความต้องการของลูกค้าเป็นกลุ่มเฉพาะเจาะจงได้มากขึ้น"
นายนิวัตต์กล่าว
สำหรับการแข่งขันด้านสินเชื่อและบัตรเครดิตในปีหน้านั้น คาดว่าจะมีความรุนแรงเพิ่ม
มากขึ้นกว่าในปีที่ผ่านมา เพราะด้านผู้ประกอบการหลายแห่งได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
เพิ่ม ขึ้นอีก เช่น อิออน เตรียมที่จะออกบัตรร่วมกับวีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล และเซเทเล็มเตรียมที่จะออกผลิตภัณฑ์ด้านสินเชื่อส่วนบุคคล
นอกจาก นี้แล้วยังมีบริษัทใหม่เข้ามาในตลาดสินเชื่อคือ บริษัท แคปปิตอลโอเค จำกัด
ซึ่งจะให้บริการด้าน บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อสำหรับเช่าซื้อสินค้า
นายนิวัตต์กล่าวต่อว่า ขณะนี้เคทีซีอยู่ในระหว่างการพัฒนาระบบเครดิตสกอร์ริ่ง(Credit
Scoring) ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งได้จ้างบริษัทต่างชาติเป็นผู้วางระบบ
โดยใช้งบลง ทุนประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งระบบใหม่นี้จะทำให้ ข้อมูลที่ประมวลผลได้นั้นมีความถูกต้อง
และมีประสิทธิภาพที่สามารถเชื่อถือได้ถึง 99% ใน ส่วนของการทำไอดี ชิป เพื่อการให้บริการด้านจ่ายชำระค่าสินค้าและบริการ
(Payment) นั้น ขณะนี้ได้มอบหมายให้บริษัท ฟิลลิปส์ ศึกษา ถึงระบบ แต่อย่างไรก็ตาม
เคทีซีเองไม่ได้เน้นในเรื่องดังกล่าวมากนัก เพราะจะต้องทำ เครื่องรับตัวไอดี ชิปซึ่งมีต้นทุนที่สูงมาก
และสำหรับในปี 2546 จนถึงปี 2547 เคทีซีได้ใช้ งบลงทุนในส่วนของ database ไปประมาณ
180 ล้านบาท
นอกจากนี้ นายนิวัตต์ยังกล่าวถึงแผนโรดโชว์ในต่างประเทศว่า ในปีหน้าจะเดินทางไปโรดโชว์ในต่างประเทศจำนวน
4 ครั้ง คือเดือนมกราคมจะไปที่ปารีส ลอนดอน และบอสตัน เดือนกุมภาพันธ์ที่โตเกียว
เมษายนจะกลับไปที่บอสตัน และพฤษภาคมจะกลับไปที่ปารีส และลอนดอนอีกครั้ง สำหรับตลาดที่เป็นที่น่าสนใจมากที่สุดคือตลาดญี่ปุ่น
เนื่องจากนักลงทุน ญี่ปุ่นให้ความสนใจมาก โดยเฉพาะนักลงทุนประเภทสถาบันขนาดใหญ่ที่สนใจ
มากกว่า 85% และนักลงทุนเหล่านี้จะเป็นประเภทลงทุนในระยะยาว 3 ปีขึ้นไป
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น ได้จับมือกับธนาคารดีบีเอสจากสิงคโปร์
ตั้งบริษัทแคปปิตอล โอเค เพื่อให้บริการสินเชื่อบริโภค โดยจะเริ่มดำเนินการเดือนมีนาคม
2547 ตั้งเป้าว่าจะมีฐานลูกค้าภายในสิ้นปี 2547 ประมาณ 300,000-400,000 ราย คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดร้อยละ
6 และเป็น 1ใน 5 ของบริษัทผู้ให้บริการสินเชื่อบริโภค
ทั้งนี้เป้าหมายของบริษัทคือการแข่งขันกับบริษัทผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร
(Non-Bank) และจะเพิ่มส่วนตลาดให้เป็น 1 ใน3ในระยะอันใกล้ ทั้งนี้ คาดว่าจะคุ้มทุนภายใน
2-3 ปี เพราะเชื่อว่าสินเชื่อบริโภคในประเทศไทยยังสามารถขยายตัวได้อีกเพราะปัจจุบันมีสัดส่วนแค่ร้อยละ
11 ของสินเชื่อรวมซึ่งต่ำกว่าหลายประเทศ คาดว่ามูลค่าตลาดรวมจะเพิ่มจาก 30,000
ล้านบาทในปัจจุบันเป็น 50,000 ล้านบาทในปีหน้า