นักลงทุนจองIPOเฮTYCNเทรดวันแรกเหนือจอง2.70บาท


ผู้จัดการรายวัน(12 ธันวาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

TYCN เทรดวันแรก ปิดเหนือจอง 17% โดยเปิดตลาดราคาพุ่ง ถึง 23 บาท ก่อนแผ่วในช่วงบ่ายและปิดที่ 18.20 บาท โบรกเกอร์ให้ราคาเหมาะสมที่ 22 บาท ส่วนผู้บริหารตั้งเป้าปีนี้กำไร 600 ล้านบาท และปี 47 โตอีก 10-15% จากแนวโน้ม การเติบโตธุรกิจอสังหาฯ-ยานยนต์ ที่มีอย่างต่อเนื่อง เผยปีหน้าหากไม่ลงทุนเพิ่ม จ่ายปันผลแน่

วานนี้ (11 ธ.ค.) หุ้น TYCN ของ บริษัท ไทยคูน เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลัก ทรัพย์เป็นวันแรก เปิดตลาดการซื้อขาย ได้อย่างน่าพอใจที่ 23 บาท สูงกว่าราคาจอง 7.50 บาท ก่อนจะปรับลดลงมาหยุดนิ่งที่ 22.50 บาท ในช่วงเช้า

ขณะที่ในช่วงบ่ายราคาหุ้น TYCN ปรับ ลดลงเรื่อยๆ จนนิ่งที่ 20 บาทในเวลาประมาณ 14.00 น. และเวลา 15.40 น. ราคาหุ้นลดต่ำลงมาที่ 18.40 บาท ก่อนปิดตลาดที่ราคา 18.20 บาท เปลี่ยนแปลง 2.70 บาท คิดเป็น 17% มูลค่าการซื้อขาย 4,350.69 ล้านบาท ซึ่งทำให้นักลงทุนที่จองซื้อหุ้นIPO มีกำไร

บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส ทำบทวิเคราะห์ ออกมาว่า TYCN เป็นผู้ผลิตแห่งเดียวในประเทศและไม่กี่รายในโลกที่ผลิตเหล็กลวดครบวงจร TYCN ดำเนินธุรกิจผลิต และจำหน่ายเหล็กลวด เหล็กลวดอบอ่อน และ สกรู โดยมีกำลังการผลิต 360,000 ตัน/ปี 72,000 ตัน/ปี และ 36,000 ตัน/ปี ตามลำดับ มีโรงงานตั้งอยู่ที่ จ.ระยอง บริษัทถือได้ว่าเป็น ผู้ผลิตแห่งเดียวในประเทศไทยและน้อยราย ในโลกที่มีกระบวนการผลิตครบวงจรตั้งแต่กลางนี้ถึงปลายน้ำ คือมีการผลิตตั้งแต่เหล็กลวดจนถึงสกรู

รายได้หลักของบริษัท 70% มาจากเหล็กลวด 21% มาจากสกรู และ 8% มาจากเหล็กลวด อบอ่อนบริษัทมีสัดส่วนการส่งออก 69% โดยตลาดส่งออกหลักของสินค้าเหล็กลวด ได้แก่ไต้หวัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขายผ่านบริษัท TGE ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทด้วย ส่วนตลาดส่งออกหลักของสกรูคือสหรัฐฯ

คาดกำไรสุทธิเติบโต 61.7% และ 26.2% ในปี 2546-2547 จากภาวะความต้องการเหล็กโดยรวมในประเทศที่ยังมีอยู่สูง ประกอบกับราคาเหล็กในตลาดโลกที่ยังอยู่ในภาวะขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราคาดว่ายอดขายที่ยังมีอยู่สูง ประกอบกับราคาเหล็กในตลาดโลกที่ยังอยู่ในภาวะขาขึ้นอย่างต่ำเนื่อง ทำให้เราคาดว่า ยอดขายของ TYCN ในช่วงปี 2546-2547 จะมีอัตรา 20.0% และ 11.9% และคาดว่าบริษัทจะใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย 88.8% ในปี 2546 และเต็ม 100% ในปี 2547 ซึ่งจะทำให้กำไร สุทธิขยายตัวเพิ่มขึ้น 61.7% และ 26.2% ในปี 2546-2547

โครงสร้างทางการเงินแข็งแกร่ง ณ สิ้นไตรมาส 2/46 TYCN มีสัดส่วน Net D/E ที่ต่ำ เพียง 0.5 เท่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปชำระคืนเงินกู้ระยะยาวที่มีอยู่ 1,358.4 ล้านบาท ซึ่งจะยิ่งทำให้สัดส่วน Net D/E ลดลง เหลือเพียง 0.1 เท่าหลัง IPO และจะยิ่งทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายที่มีสัดส่วนต่ำอยู่แล้วคือ 1% ของต้นทุนและค่าใช้จ่ายทั้งหมดลดลงอย่างมาก

ราคาเป้าหมายปี 2547 เท่ากับ 22 บาท จากราคา IPO 15.50 บาท TYCN มีค่า PE 10.6 เท่า และ PBV 1.1 เท่าในปี 2547 ซึ่งนับว่าต่ำกว่าผู้ประกอบการในกลุ่มเหล็กด้วยกันที่มี PE และ PBV เฉลี่ยในปี 2547 เท่ากับ 12.0 และ 1.7 เท่าตามลำดับ และได้กำหนด PE เป้าหมายที่ 15 เท่า ซึ่งเมื่อพิจารณาจากอัตราการเติบโตของ กำไรสุทธิของ TYCN ในปี 2547 ที่ 26.2% คิดเป็น PEG 0.6 เท่า ซึ่งนับว่าเป็นอัตราส่วน ที่เหมาะสม ดังนั้นราคาเป้าหมายของ TYCN ในปี 2547 จะเท่ากับ 22 บาท/หุ้น และที่ราคาเป้าหมาย ดังกล่าว คิดเป็น PBV 1.6 เท่า ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของกลุ่ม

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท ไทยคูน เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป เปิดเผยว่าวันนี้บรรยากาศในการซื้อขายหุ้น TYCN เป็นไปอย่างคึกคัก เชื่อว่าเพราะพื้นฐานของบริษัทที่เป็นผู้ผลิตเหล็กลวดและสกรูที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

โดย TYCN มีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และอัตราการเติบโตของสินค้าที่ใช้เหล็กเป็นวัตถุดิบ เช่น ยานยนต์ วัสดุก่อสร้างมีแนวโน้ม ที่ดี จึงเชื่อว่าแนวโน้มรายได้ของบริษัทจะ ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย 9 เดือนแรกบริษัทมีกำไรประมาณ 500 ล้านบาท คาดว่าไตรมาส 4 ผลการดำเนินงานจะออกมาดีกว่าไตรมาส 3 เนื่องจากช่วงไตรมาส 3 บริษัทยังได้รับผลกระทบจากโรคซาร์สทำให้รับออร์เดอร์จากต่างประเทศได้ไม่มาก

และปัจจุบันบริษัทก็สามารถจ่ายเงิน ปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิได้ทันทีหากบริษัทไม่นำเงินไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น เนื่องจากปัจจุบันบริษัทไม่มีหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงิน และขาดทุนสะสม

นายเคนนี่ ฮวง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยคูน เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TYCN กล่าวว่า หุ้น TYCN เข้าซื้อขายวันแรกนั้น ตนรู้สึกยินดีที่ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นมาเหนือราคา จองซื้อที่ราคา 15.50 บาท และเชื่อว่าราคาหุ้นมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก เนื่องจากภาวะอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามมา การขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจยานยนต์

สำหรับการดำเนินงานปีนี้ บริษัทฯคาดว่า จะมียอดขายประมาณ 5.1 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 600 ล้านบาท และปีหน้าคาดว่ารายได้จากการขายและกำไรสุทธิจะโตประมาณ 10-15% เนื่องจากภาวะอุตสาหกรรมเหล็กลวดและสกรูที่โตตามธุรกิจอสังหาฯและธุรกิจยานยนต์ และปีหน้าบริษัทจะหันมาเน้นการจำหน่ายเหล็กลวด เจาะตลาดภายในประเทศ

เนื่องจากมีมาร์จิ้นสูง โดยสัดส่วนการจำหน่ายจะแบ่งเป็นจำหน่ายในประเทศร้อยละ 60 จำหน่ายต่างประเทศร้อยละ 40 โดยนโยบายการ จ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหากในปีหน้าบริษัทไม่นำเงินไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นก็จะมีการอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลได้เลยทันที เนื่องจากตอนนี้บริษัทไม่มีขาดทุนสะสม

สำหรับผลการดำเนินงานของ TYCN มีการ เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดการเติบโตจาก 2,900 ล้านบาท ในปี 2544 เป็น 4,288 ล้านบาท ในปี 2545 และ 2,694 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2546 สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทในปี 2545 มีกำไร 450 ล้านบาท และครึ่งปีแรกของปี 2546 มีกำไร 425 ล้านบาท โดยมาจากรายได้จากการผลิตเหล็กลวดคิดเป็น 65% ของรายได้บริษัท รองลงมาเป็นสกรู 24% และเหล็กลวดอบอ่อน 11%



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.