สวนอุตสาหกรรมโรจนะตั้งเป้าปีหน้าขายที่นิคมฯเพิ่มอีก 30% หลังเศรษฐกิจญี่ปุ่นส่อแววฟื้นตัว
ทำให้มีการย้ายฐานการผลิตเพิ่ม และบริษัทผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์ขยายการลงทุนเพิ่มเติมรับออร์เดอร์สินค้าเพิ่ม
คาดปีนี้มีกำไรอยู่ที่ 400 ล้าน และปีหน้าโตแบบก้าวกระโดน ด้านบล.ฟาร์อีสท์ ชี้เป็นบริษัทที่สามารถสร้างกำไรได้ต่อเนื่อง
ระบุราคาหุ้นที่เหมาะสมอยู่ที่ 15.50 บาท
นายจิระพงษ์ วินิชบุตร กรรม การผู้จัดการ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน)(ROJANA)
เปิด เผยว่า ในปีหน้าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นมีแนวโน้มเด่นชัดว่าจะฟื้นตัวขึ้นหลังจาก
ทรงตัวมาเป็นเวลานาน ทำให้บริษัทญี่ปุ่นจะหันกลับมาขยายการลงทุนเพิ่ม ในประเทศแถบเอเชียเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งไทยเป็นประเทศอันดับต้นรองจากประเทศจีนที่น่าเข้ามาลงทุน ทั้งในแง่การเติบโตทางเศรษฐกิจ
และเสถียรภาพ ทางการเมือง
ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจของสหรัฐฯเริ่มกระเตื้องขึ้น โดยมีการจ้างงานในสหรัฐฯเพิ่มขึ้น
เนื่องจากความต้องการใช้สินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้ถึง 2.2%
ทำให้อัตราคนว่างงานในสหรัฐฯลดลงเล็กน้อย
จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้มียอดการสั่งซื้อเพิ่มมาก
ขึ้น ทำให้โรงงานในไทยมีการส่งออกขยายและมีแนวโน้มที่จะขยายกำลังการ ผลิตเพื่อรองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นด้วย
ดังนั้น ในปีหน้าบริษัทฯคาดว่าจะขายที่ดินในนิคมฯได้เพิ่มขึ้นอีก 30% จากปีนี้ที่คาดว่ามียอดขายที่ดินอยู่ประมาณ
350 ไร่ เนื่องจากไทยยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนอยู่ในสายตานักลงทุนข้ามชาติ
ส่วนโครงการทำนิคมฯในเมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน จะเริ่ม ดำเนินการในเฟสแรก
500 ไร่ช่วงต้นปี 2547 คาดว่าจะปิดเฟสแรกภายใน 2 ปี หรือปี 2548 โดยบริษัทฯจะรับรู้กำไรปีละ
100 ล้านบาท โดยลูกค้าจะมาจากนักลงทุนไทย ญี่ปุ่น และยุโรป
สำหรับผลกำไรในปี 2546 สูงขึ้นกว่าเป้าหมายที่ไว้เดิม 300 ล้านบาท เพิ่มเป็น
400 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายที่ดินได้เพิ่มสูงขึ้น รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าส่วนขยายจากเดิม
122 เมกะวัตต์ เป็น 165 เมกะวัตต์ และในปีถัดไปคาดว่าจะมีกำไรโตแบบก้าวกระโดด
เพราะจะรับรู้กำไรจากธุรกิจคอนโดมิ-เนียมที่สุขุมวิทประมาณ 200 ล้านบาท รวมถึงการรับรู้กำไรจากการเข้าไปถือหุ้นในไทคอน
อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด(มหาชน)(TICON) 40 ล้านบาท
"เป้าหมายเราพยายามหารายได้เพิ่มนอกเหนือจากที่ทำอยู่ เพื่อรองรับตลาดไม่ดี
เราก็อยู่ได้ อาทิ เรามีรายได้ จากค่าไฟฟ้า น้ำ และไทคอน เป็นต้น ล่าสุดเราเริ่มหันไปทำคอนโดมิเนียมแถวสุขุมวิท
ซ. 41 เนื่องจากทำเลดีมาก แต่เมื่อหมดโครงการนี้ ก็ไม่ได้หมาย ความว่าจะทำต่อไป
ขึ้นอยู่ว่าเรามีทำเลที่ดินดีหรือไม่"
บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ เป็นผู้นำในการพัฒนาสวนอุตสาหกรรม ของไทย ปัจจุบันมีสวนอุตสาหกรรมภายใต้การบริหารงานอยู่
2 แห่ง ได้แก่ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (อยุธยา) เนื้อ ที่รวม 4,200 ไร่ และสวนอุตสาหกรรม
โรจนะ (ระยอง) เนื้อที่รวม 2,500 ไร่ นอกจากนี้ในช่วงกลางปี 2546 ยังได้รับสิทธิในการพัฒนาสวนอุตสาหกรรมในเมืองกวางโจว
สาธารณรัฐประชาชนจีน อีกจำนวน 5,000 ไร่ โดยจะเริ่มดำเนินการในเฟสแรก 500 ไร่ในช่วงต้นปี
2547
บริษัทหลักทรัพย์ ฟาร์อีสท์ ออก บทวิเคราะห์ระบุว่า ROJANA แม้จะถูกกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศเช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ
แต่ ROJANA ก็สามารถสร้างกำไรได้อย่าง ต่อเนื่องในทุกส่วนธุรกิจ ได้แก่ พัฒนาสวนอุตสาหกรรมเพื่อขายและการบริหารจัดการในสวนอุตสาหกรรม
เช่น น้ำ ขยะ และไฟฟ้า นอกจากนี้ยังสามารถจ่ายเงินปันผลได้ตั้งแต่ปี 2544 โดยจ่ายหุ้นละ
1 บาท และยังจ่ายเงิน ปันผลในอัตราเดียวกันในปี 2545 ด้วย
ผลการดำเนินงานใน 9 เดือนแรก ปีนี้ มีกำไรสุทธิ 296 ล้านบาท ขยายตัวขึ้น 29.55%
จากรายได้รวม 2,320 ล้านบาท โตขึ้น 8.23% ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายในธุรกิจโรงไฟฟ้าและรายได้ในส่วนบริการและค่าเช่า
อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงในเกือบทุกธุรกิจ ยกเว้นนิคม อุตสาหกรรมที่ปรับเพิ่มขึ้นจาก
39% เป็น 50% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้
อย่างไรก็ตามในช่วง 9 เดือน บริษัทฯมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนมากว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง
123.4 ล้านบาท ซึ่งหากไม่นับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนส่วนเพิ่มดังกล่าว ROJANA จะมีกำไรสุทธิเท่ากับ
172 ล้านบาท
การเพิ่มกำลังการผลิตในโรงไฟฟ้าจาก 122 เมกะวัตต์เป็น 165 เมกะวัตต์ในปี 2546
ทำให้รายได้จากโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นราว 35% และบริษัทกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น
210 เมกะวัตต์ในปี 2548 อีกด้วย คาดว่าจะรับรู้รายจากคอนโดมิเนียม บริเวณสุขุมวิท
ซ.41 ได้บางส่วนในปี 2547 จาก percentage of completion และคาดว่าจะมีกำไรประมาณ
400 ล้านบาทจากโครงการนี้
ปัจจุบัน ROJANA มี unrealized gain จากการลงทุนใน TICON ประมาณ 550 ล้านบาท
นอกจากนี้การ ลงทุนใน TICON ยังเป็นการสนับ สนุนธุรกิจหลักในการขายพื้นที่ในสวนอุตสาหกรรมของ
ROJANA อีกด้วย
ดังนั้น บล. ฟาร์อีสท์ คำนวณมูลค่าเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานของ ROJANA ณ สิ้นปี
2547 อยู่ที่ 15.50 บาทต่อหุ้น