กระทิงเดินหน้า670จุดฝรั่งซื้อ5วัน5.5พันล้าน


ผู้จัดการรายวัน(4 ธันวาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

กระทิงเริ่มหวนคืนตลาดหุ้นไทยวานนี้ หลัง "ขุนคลัง-วิจิตร" ประสานเสียง ไม่มีการจับนักปั่นหุ้น เพิ่มแน่ อย่างน้อยที่สุดขณะนี้ แถมแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีหน้าฉลุย ส่งผลดัชนีหุ้นไทยเดินหน้าขึ้นเกือบ 2% ด้วยมูลค่าซื้อขายรวม 3.8 หมื่นล้านบาท ขณะที่ต่างชาติซื้อสุทธิวานนี้เป็นวันที่ 5 รวมเกือบ 5,500 ล้านบาท นักวิเคราะห์คาดดัชนีขึ้นต่อ ทดสอบ 670 จุด ด้านหุ้น บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (KEST) เทรดวันแรกวานนี้ฮอต พุ่งจากราคาจอง 155% แมลงเม่ารุม เพราะเป็นโบรกเกอร์ส่วนแบ่งตลาดในตลาดหุ้นไทยสูงสุด 11%

หลังนักวิเคราะห์ประสานเสียงหุ้นไทยยังคงมีสิทธิ์เดินหน้า แข็งแกร่งปีหน้า ดัชนีมีสิทธิ์ขึ้นทดสอบ 880 จุด ประกอบกับ ขุนคลังŽ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ และประธานตลาดหลักทรัพย์ วิจิตร สุพินิจ ยันไม่มีการจับนักปั่นหุ้นเพิ่มแน่ อย่างน้อยที่สุดขณะนี้ ส่งผลกระทิงกลับมา เพ่นพ่านตลาดหุ้นไทยอีกครั้งวานนี้ (3 ธ.ค.) โดยดัชนีหุ้นไทย เพิ่ม 12.79 จุด เพิ่ม 1.98% ปิด 659.43 จุด มูลค่าซื้อขายรวม 38,114.77 ล้านบาท โดยนักลงทุนเน้นเล่นหุ้นใหญ่ จ่ายปันผลงามเป็นหลัก

ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องวานนี้เป็นวันทำการที่ 5 อีก 749.55 ล้านบาท รวม 5 วัน ซื้อสุทธิ 5,446.33 ล้านบาท หลังจากก่อนหน้านี้ เทขายหุ้นไทยสุทธิตลอด

นางสาวสุภากร สุจิรัตน์-วิมล ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์นครหลวงไทย กล่าวว่า การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรง วานนี้ เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่น มากขึ้นว่าช่วงปีหน้าดัชนีราคา หุ้นไทยจะสามารถปรับตัวยืน สูงขึ้นจากปีนี้ ทำให้นักลงทุน ซื้อหุ้นเก็บไว้ เพราะเกรงจะเสียโอกาสการลงทุน

กลุ่มหุ้นที่ปรับตัวขึ้น ได้แก่ กลุ่มธนาคาร ปิโตรเคมี สื่อสาร และพลังงาน เพราะคาดว่าบริษัท จดทะเบียน (บจ.) กลุ่มเหล่านี้ จะมีความสามารถทำกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นปีหน้า จากปีนี้ และราคา หุ้นกลุ่มต่างๆ ยังต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานที่ควรจะเป็นจึงทำให้นักลงทุนไล่ซื้อ

กระทิงเดินหน้าทดสอบ 670 จุด

แนวโน้มดัชนี คาดว่าระยะสั้น แนวรับ 650 จุด แนวต้าน 665 จุด หลังจากนั้น แนวต้านสำคัญ 680 จุด อย่างไรก็ตาม วันที่ 4 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันทำการสุดท้ายสัปดาห์นี้ อาจมีแรงเทขายเก็งกำไรบ้าง นักลงทุนจึงควรระมัดระวังการลงทุน

ด้านนายธนรัตน์ อิศรกูร นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า การที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องวานนี้ เพราะนักลงทุนลงทุนหุ้นกลุ่มแนวโน้มจ่ายปันผลดี ส่วนใหญ่ขนาดใหญ่ ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ พลังงาน จึงทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นแรง

ปัจจัยที่คาดหวังว่าจะเป็นปัจจัยที่ดีอีก คือคาดการณ์ว่าสถาบันจัดอันดับเครดิตที่เหลือของโลก น่าจะปรับอันดับเครดิตให้เศรษฐกิจไทยเพิ่มอีก รวมทั้งปัจจัยลบระยะนี้ ยังไม่เกิด โดยเฉพาะหลัง ร.อ.สุชาติ-นายวิจิตร ประสานเสียง การสอบปั่นหุ้นทางการ ไทยระดับนโยบาย ถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว จะไม่มี การจับนักปั่นหุ้นเพิ่มแน่ อย่างน้อยที่สุดในขณะนี้ ทำให้นักลงทุนกล้ากลับเข้าลงทุนในตลาดฯ อีกครั้ง

แนวโน้มการเคลื่อนไหวดัชนี แนวรับ 650 จุด แนวต้าน 670 จุด คาดว่าตลาดฯ น่าจะปรับตัวได้ต่อเนื่อง หากไม่มีปัจจัยลบกระทบอีก

หุ้น บล.กิมเอ็งพุ่ง 155%

หุ้น บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในเครือ กลุ่มกิมเอ็งจากสิงคโปร์ เริ่มเทรดในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (3 ธ.ค.) วันแรก ไม่สร้างความ ผิดหวังให้นักลงทุน-นักเก็งกำไร ด้วยมูลค่าซื้อขายรวมสูงสุดวานนี้ 5,383.63 ล้านบาท 14.12% ของมูลค่าซื้อขายรวมทั้งตลาดฯ ขณะที่ราคาพุ่งขึ้นร้อนแรง สูงสุด 36.50 เพิ่มถึง 155.24% จากราคาจอง 14.30 บาท ก่อนปิดวานนี้ 36 บาท

นายมนตรี ศรไพศาล ประธาน กรรมการ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นบริษัทที่ปรับตัวขึ้นสูง เป็นไปตาม ความคาดหวังของนักลงทุน ผลตอบแทนที่สูงได้ เพราะนักลงทุนรายย่อยสนใจมาก บริษัทคิดว่ารายย่อยเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท

เมื่อพิจารณาปัจจัยพื้นฐานบริษัท เมื่อได้รับเงินจากการระดมทุน บริษัทจะนำเงินมา ขยายกิจการ และขยายฐานทุน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ เช่น ขยายสาขา จากปัจจุบัน 32 แห่ง ปีนี้จะขยายเพิ่มอีก 2-3 แห่ง

ปี 2547 บริษัทคาดว่าจะมีลูกค้าที่เทรด หุ้นผ่านบริษัทเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้ามายบัญชีที่มีการซื้อขายสม่ำเสมอ ซึ่งปัจจุบัน 1.7 หมื่นบัญชี คาดว่าจะมีบัญชีซื้อขายสม่ำเสมอเพิ่มเป็น 2.4-2.5 หมื่นบัญชี ส่วนงานวาณิชธนกิจ บริษัทจะนำหุ้นจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย 6-7 บริษัท

ปีหน้า มีลูกค้าเตรียมจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีกหลายบริษัท กลุ่มธุรกิจการตลาด สื่อสาร สิ่งพิมพ์ อสังหาริมทรัพย์ และบริษัทหลักทรัพย์ 2 แห่ง น่าจะทำให้บริษัทมีอัตราเติบโตที่ดีได้

เขากล่าวว่า ธุรกิจบริษัทจะเป็นไปตามทิศทางของภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ปีนี้ เขามองว่าวอลุ่มซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน น่าจะยืน 2 หมื่นล้านบาทได้ ตลาดหุ้นไทยโดยรวมปี 2547 สัดส่วนราคาหุ้นต่อกำไร (พีอี) 10 เท่า ขณะที่อัตราความสามารถ ทำกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) น่าจะมากกว่า 10%

ทำให้คาดว่านักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนระยะยาว จะกลับเข้าลงทุนตลาดหุ้นไทย เพราะมีความน่าสนใจมากขึ้น สังเกตจากการที่เสนอข้อมูล เพื่อจะเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป พบว่านักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนระยะยาว สนใจจะลงทุนหุ้นไทยเพิ่มขึ้น

ขณะที่นายวิจิตร สุพินิจ ประธานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่าภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทยปัจจุบัน มีการลงทุนระดับดีขึ้น แม้มีข่าวลือที่ห่างไกลความเป็นจริงเกิดเป็นระยะๆ สังเกตได้จากการปรับตัวของดัชนีราคาหุ้น ที่ผันผวนน้อยลงแล้วปัจจุบัน

นอกจากนี้ ผู้ลงทุนสถาบัน ทั้งในและต่างชาติ ซื้อหุ้นไทยสุทธิเพิ่มขึ้น ดังนั้น นักลงทุนไทยควรลงทุนเน้นปัจจัยพื้นฐานมากกว่าเก็งกำไร

ส่วนการตรวจสอบปั่นหุ้น นายวิจิตรกล่าวว่า เขาสอบถามกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง แล้วว่า ส่งรายชื่อนักปั่นหุ้น หรือข้อมูล การปั่นหุ้นเพิ่มเติมให้สำนักงาน ก.ล.ต. หรือไม่ ซึ่งได้รับคำตอบว่ายังไม่มีการส่ง รายชื่อเพิ่ม



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.