TPIPL เตรียมกำหนดเวลาการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีกครั้งภายในสัปดาห์นี้ หลังตลาดเลิกผันผวนและนักลงทุนคลายความวิตกกังวลจากการปั่นหุ้น
และมาตรการควบคุม Net Settlement ด้านประชัย ลั่นขายหุ้นเพิ่มทุน 300 ล้านหุ้นทันภายในสิ้นปีนี้
ระบุปีนี้ฟันกำไรไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท หลังขายหุ้นเพิ่มทุนเสร็จ จะเร่งรีไฟแนนซ์หนี้ที่เหลือ
รวมทั้งกู้เงินมาขยายโรงปูนแห่งที่ 4 ให้แล้วเสร็จทันปี 49 "กิตติรัตน์"
เชียร์สุดตัว ชี้เป็นบริษัทที่มีมาตรฐานสูง สร้างความมั่นใจให้กับผู้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนได้
วานนี้ (1ธ.ค.) ผู้บริหารบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL) ได้เชิญนายกิตติรัตน์
ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสื่อมวลชนเยี่ยมชมโรงงาน
ปูนซีเมนต์ทีพีไอ ที่จังหวัดสระบุรี
นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด
(มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทจะร่วมหารือกับบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการ
การจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุน TPIPL จำนวน 300 ล้านหุ้นในวันที่
1 ธันวาคมนี้ เพื่อกำหนดวันจองซื้อหุ้นใหม่อีกครั้ง คาดว่าบริษัทจะขายหุ้นเพิ่มทุนได้ทันภายในธันวาคม
2546
สำหรับเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนดังกล่าว จะนำมาซื้อคืนหนี้ที่มีส่วนลดจำนวน 180
ล้านดอลลาร์สหรัฐ และหากมีเงินเพิ่มทุนเหลือก็จะนำมาชำระคืนหนี้เงินต้นเพิ่มเติม
สุดท้ายภาระหนี้สินทั้งหมดเหลือไม่เกิน 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หลังจากนั้น ธนาคารกรุงไทยจะปล่อยเงินกู้ยืมจำนวน 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำมารีไฟแนนซ์หนี้ส่วนที่เหลือ
ทำให้บริษัทฯสามารถยื่นขอออกจากการฟื้นฟูกิจการได้ภายในปี 2547
เมื่อบริษัทฯดำเนินการรีไฟแนนซ์หนี้แล้ว ฐานะบริษัทจะเปลี่ยนจากจังบอนด์ เกรด
เป็น อินเวสเมนต์ เกรด ทำให้บริษัทฯสามารถจัดหาเงินกู้วงเงิน 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐมาดำเนินการติดตั้งเครื่องจักรโรงงานปูนซีเมนต์แห่งที่
4 ซึ่งจะใช้เงินลงทุนเพิ่มอีก 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการติดตั้งและซื้อเครื่องจักร
คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2549 ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการใช้ปูนที่เพิ่มสูงขึ้น
ปัจจุบัน โรงปูนซีเมนต์แห่งที่ 4 ได้มีการลงทุน ในโครงสร้างพื้นฐานไปแล้ว 3,000
ล้านบาท รอเพียง แต่เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตจากประเทศเยอรมนี ซึ่งจะใช้เวลาเพียง
8-12 เดือนในการติดตั้ง ก็จะทำ ให้ TPIPL มีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นอีก
3.1 ล้านตัน/ปี ส่งผลให้กลายเป็นผู้ผลิตปูนรายใหญ่ อันดับ 2 มีกำลังการผลิตรวม
12 ล้านตัน/ปี
บริษัทฯพยายามที่จะออกจากการเป็นบริษัทฟื้นฟูกิจการให้เร็วที่สุด เพื่อให้ประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่าย
ทั้งเจ้าหนี้ พนักงาน ผู้บริโภค และผู้ถือหุ้น ขณะที่ภาครัฐคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ
อยู่ที่ระดับ 8% ในปีหน้า ทำให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น
16% หรือ 2 เท่าของ จีดีพี คิดเป็นจำนวนรวม 32-33 ล้านตันต่อปี จากปัจจุบันความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศ
28 ล้านบาท ขณะที่การส่งออกปูนซีเมนต์ในปีนี้ 12 ล้านตัน เชื่อว่าไม่เกิน 3 ปีจะเกิดภาวะขาดแคลน
ปูนซีเมนต์ หากไม่มีผู้ประกอบการรายใดขยายกำลังการผลิตเพิ่ม
ขณะนี้ TPIPL ครองส่วนแบ่งตลาดปูนซีเมนต์ อยู่ 19% ขณะที่ปูนซิเมนต์ไทยมีส่วนแบ่งสูงสุด
42% ปูนซีเมนต์นครหลวง 25% และปูนซีเมนต์เอเซีย 9% หากโรงงานแห่งที่ 4 แล้วเสร็จ
TPIPL จะมีส่วนแบ่ง การตลาดเป็นอันดับ 2 รองจากปูนซิเมนต์ไทย
ปีนี้ฟันกำไร 5 พันล้าน
นายประชัย กล่าวถึงผลการดำเนินงาน TPIPL ในปี 2546 ว่า บริษัทฯจะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย
ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) ประมาณ 6,000 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิประมาณ 4,000-
5,000 ล้านบาท ซึ่งตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา TPIPL มีกำไรสุทธิแล้ว 3,800 ล้านบาท
ดังนั้น ราคาหุ้นTPIPL ที่ซื้อขายปัจจุบันอยู่ที่ 40 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราP/Eที่
5 เท่า ถือ ว่าเหมาะสม ขณะที่มูลค่าตามบัญชี (Book Value) 44 บาทต่อหุ้น
"การซื้อขายหุ้นที่มี P/E Ratio แค่ 5 เท่า ก็ไม่น่าจะถือเป็นการปั่นหุ้น
ความจริง ก.ล.ต.ควรจัดการกับพวกที่ทุบหุ้นมากกว่านักลงทุนที่ซื้อหุ้น" นายประชัยกล่าว
นักลงทุนคลายวิตกปั่นหุ้น
ด้านนายวันชัย มโนสุทธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน
TPIPL กล่าวว่า ทิสโก้จะกำหนดระยะเวลาการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุน TPIPL ใหม่ได้ภายในสัปดาห์นี้
เนื่องภาวะตลาดทุนเริ่มกลับสู่สภาพปกติและนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปั่นหุ้นและมาตรการควบคุม
Net Settlement
ผนวกกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้น
8% ในปี 47 และปีถัดไปจะเติบโตเพิ่มอีก 10% บ่งชี้ว่าตลาด หุ้นไทยเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน
โดยมองว่าดัชนีน่าจะปรับตัวขึ้นสู่ตัวเลข 4 หลักภายใน 2 ปีนี้
TPIPL ได้เลื่อนเวลาการจองซื้อหุ้นสามัญ เพิ่มทุนเมื่อสัปดาห์ก่อน เนื่องจากตลาดหุ้นอยู่ในภาวะผันผวน
และนักลงทุนยังมีความวิตกกังวลในหลายๆ เรื่อง ทั้งมาตรการของภาครัฐที่จะประกาศรายชื่อนักปั่นหุ้น
บริษัทที่ถูกปั่นหุ้นและการ ตรวจสอบโบรกเกอร์ที่ร่วมปั่นหุ้น รวมทั้งการ ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารใน
TPIPL ของนางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์
ส่วนผลการดำเนินงาน TPIPL พบว่าปีนี้มี EBITDA ประมาณ 6,000 ล้านบาท ขณะที่บริษัทฯมีภาระดอกเบี้ยจ่ายปีละ
1,800 ล้านบาท และหนี้เงินต้น 2,000 ล้านบาท ดังนั้น TPIPL ยังมีกำไรเหลือจากการชำระหนี้อีก
2,200 ล้านบาทอย่างแน่นอน และเมื่อบริษัทขายหุ้นเพิ่มทุนเสร็จ ก็จะนำเงินมา ซื้อหนี้คืนจำนวน
220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งได้รับการลดหนี้และดอกเบี้ยจ่าย ทำให้บริษัทลดภาระดอกเบี้ยจ่ายไปได้มาก
กิตติรัตน์เชียร์หุ้น TPIPL
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์จะให้การสนับสนุนแผนการ ระดมทุน TPIPL จากการรับฟังข้อมูลพบว่า
TPIPL มีมาตรฐานต่างๆ สูงกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งบริษัทฯได้กระทำในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวต่างจากบริษัทอื่นๆ
ที่ชะลอการดูแลมาตรการการผลิตของตัวเองเพื่อลดต้นทุน
จึงเป็นสิ่งยืนยันให้ตลาดหลักทรัพย์รู้สึกมั่นใจแทนนักลงทุน รวมทั้งผู้ที่สนใจจองซื้อหุ้น
เพิ่มทุนของ TPIPL ว่าเป็นบริษัทฯที่มีความมุ่งมั่นที่จะดูแลการผลิตและการดำเนินงานต่างๆ
เพื่อสร้างความรุ่งเรืองกลับมายังผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหนี้และ ผู้ถือหุ้น
อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์จะทำหน้าที่ดูแลบริษัทจดทะเบียนในทุกๆ ด้านและจะพยายามไปพบอย่างต่อเนื่อง
เพราะตลาดหลักทรัพย์ถือเป็นตลาดรอง ซึ่งจะต้องดูแลการระดมทุนและดูแลสภาพคล่องของบริษัทจดทะเบียน
"ความจริงผมเยี่ยมชมโรงงานเป็นปกติอยู่แล้ว และตั้งเป้าหมายว่าจะเยี่ยมชมให้ครบทุกบริษัทจดทะเบียน
โดยการเดินทางมาเยี่ยมชมโรงงาน TPIPL ถือเป็นแห่งที่ 5 ซึ่งช่วงนี้ธุรกิจปูนซีเมนต์อยู่ในช่วงขาขึ้น
การขายหุ้นในช่วงนี้จะเป็นผลดี"
วานนี้ ราคาหุ้นTPIPL ปรับตัวลดลง โดยปิดตลาดที่ 39.50 บาท ลดลง 2.75 บาท เปลี่ยนแปลง
6.51% มูลค่าการซื้อขาย 47.43 ล้านบาท