When You Say Yes But Mean No


นิตยสารผู้จัดการ( ธันวาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

การนิ่งเงียบไม่ช่วยแกไขความขัดแย้งซ้ำยังทำลายบริษัท

วัฒนธรรมการทำงานของเรามักไม่นิยมความขัดแย้ง ทำให้พนักงานต้องจำใจพยักหน้าทั้งๆ ที่ใจอยากค้าน ปัญหานี้เกิดขึ้นจากการที่ในที่ทำงานมีบรรยากาศที่ทำให้พนักงานรู้สึกว่า เขาคงจะต้องตกงานหากแสดงความเห็นที่ขัดแย้งออกมา หรือไม่ก็อาจทำให้ลูกค้ารายสำคัญต้องหลุดมือไป หากขืนแสดงความขัดแย้งกับลูกค้า แต่ Leslie A. Perlow กลับไม่เห็นเช่นนั้น Perlow ผู้เป็นนักมานุษยวิทยาวัฒนธรรมและรองศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Harvard Business School ชี้ว่า การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่มีพลังในตัวเอง แต่การนิ่งเงียบเก็บความรู้สึกไม่เห็นด้วยไว้ในใจต่างหาก ที่จะทำลายความสัมพันธ์ทางธุรกิจตลอดจนถึงความสัมพันธ์ส่วนตัว

วังวนแห่งความนิ่งเงียบ

Perlow ชี้ว่าเมื่อเรานิ่งเงียบในครั้งแรก เราจะมีแนวโน้มที่จะนิ่งเงียบต่อไปเรื่อยๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า จนถลำลงสู่ "วังวนแห่งความนิ่งเงียบ" โดยหารู้ไม่ว่าเรากำลังทำสิ่งที่เสี่ยงต่อการสูญเสียตัวเอง สูญเสียความสัมพันธ์กับผู้อื่น กระทั่งสูญเสียงานที่เราทำอยู่ การนิ่งเงียบเมื่อรู้สึกไม่เห็นด้วย การเก็บความรู้สึกและการจำใจแสดงความเห็นด้วย ไม่ใช่วิธีแก้ไขความขัดแย้ง แต่กลับทำให้เราเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ ผิดหวัง กังวลหรือแม้แต่โกรธ แล้วเราก็จะโทษคนอื่นว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เราอารมณ์ไม่ดี หรือไม่ก็ไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองกำลังอารมณ์บูด การทำเช่นนี้รังแต่จะเพิ่มความไม่สบายใจให้ตัวเองจนในที่สุดจะกลายเป็นการปกป้องตัวเองมากจนเกินไป ซึ่งกลับจะทำร้ายความสัมพันธ์กับผู้อื่นให้เลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว จนเหลืออยู่แต่ความรู้สึกไม่ไว้วางใจและความกลัว

การนิ่งเงียบไม่กล้าแสดงความแตกต่างออกมาส่งผลเสียต่อองค์กรดังนี้

‘ องค์กรจะไม่ได้รับความคิดใหม่ๆ เพราะไม่มีใครกล้าที่จะคิดต่าง จึงขาดการค้นพบทางเลือกใหม่ๆ
‘ อารมณ์ไม่ดีที่ไม่สามารถระบายออกมาจะเก็บกดอยู่ภายในใจส่งผลเสียต่อการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และต่อการทำงานร่วมกับผู้อื่น ตลอดจนกระทบความสัมพันธ์ส่วนบุคคล
‘ ผู้บริหารจะไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่ให้ภาพอีกด้านหนึ่ง ทำให้การตัดสินใจผิดพลาด
‘ ประสิทธิภาพการผลิตและความคิดสร้างสรรค์ในองค์กรหดหาย

การไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระย่อมกลายเป็นความอัดอั้นตันใจ และทำให้พนักงานหมดความกระตือรือร้นที่จะมีส่วนร่วม เพราะเมื่อคนเรารู้สึกว่าความคิดของตนไม่ได้รับการให้ความสำคัญ ก็จะรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า และจะแยกตัวออกจากงานและองค์กร ทำให้ความรู้สึกพึงพอใจในงานลดต่ำลง บริษัทก็ย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย

สลัดแบบแผนทิ้ง

Perlow เสนอทางแก้สำหรับผู้ที่ตกอยู่ในวังวนแห่งความนิ่งเงียบดังนี้

‘ หยุดโทษคนอื่นและกล้าที่จะรับผลที่เกิดขึ้นในการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง
‘ ถ้าคุณเป็นผู้บริหาร จงให้เกียรติต่อผู้ใต้บังคับบัญชา
‘ ทำต่างไปจากแบบแผนที่เคยปฏิบัติกันมาบ้างเพราะนี่เป็นวิธีที่จะทำให้เกิดการค้นพบทางเลือกใหม่ๆ
‘ สร้างพันธมิตรซึ่งจะทำให้ได้รับประโยชน์จากการได้รับข้อมูลที่ถูกต้องมากขึ้น



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.