"เรตติ้ง" อาจเป็นดัชนีสามัญที่ใช้วัดความสำเร็จของหลายบริษัทในธุรกิจสื่อ
แต่ไม่ใช่มาตรวัดความสำเร็จหนึ่งเดียวของสายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา หรือพี่ฉอดแห่งแกรมมี่
บริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการสื่อ
"ความสำเร็จของเราหมายถึง การผลิตรายการให้ได้รับความนิยมเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน"
สายทิพย์ยกตัวอย่างรายการ ที่ออกอากาศทางช่อง 7 มาเกือบ 10 ปี อย่างเกมฮอตเพลงฮิต
และกรีนเวฟ รายการวิทยุที่มีอายุกว่า 10 ปี
บริษัท A-time Media ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ GMM Media กลุ่มวิทยุ คลุกคลีอยู่ในวงการวิทยุมาตั้งแต่ปี
2531 จนถึง ปีนี้ที่ทำรายการวิทยุรูปแบบ format station ถึง 5 คลื่น ซึ่งมีคอนเซ็ปต์และบุคลิกแตกต่างกัน
เพื่อดึงความนิยมจากกลุ่มคนฟังตามคอนเซ็ปต์ของแต่ละคลื่น และง่ายต่อการหาโฆษณา
แม้ GMM Media ยังไม่มีแผนเพิ่มคลื่น แต่ก็มีแผนเปลี่ยนชื่อคลื่น 2 คลื่นในปีหน้า
เพื่อเพิ่มความลงตัวและตอกย้ำคอนเซ็ปต์เดิมให้แข็งแรงขึ้น RVS หรือ Radio
Vote Satellite ถูกเปลี่ยนเป็น EFM หรือ Entertainment FM แต่ยังคงเน้นคอนเซ็ปต์
"คลื่นที่นำความบันเทิงไปใส่ไว้ในมือคุณ" และยังคงถ่ายทอดสัญญาณไปต่างจังหวัด
อีกคลื่นหนึ่งคือ Radio No Problem "คลื่นนี้ไม่มีปัญหา" เปลี่ยนเป็น Peak
FM : Peak U Up "สุดๆ กันไปเลย" และตอกย้ำความเป็นที่สุดด้วยการจัดกิจกรรมปีนยอดเขา
Everest ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก
นอกจากระยะเวลาจะเป็นตัวบ่งชี้ความสำเร็จและความเป็นมืออาชีพของบริษัท
ตามนิยามของสายทิพย์แล้ว บริษัทยังต้องผลิตรายการที่สร้างดีเจให้เป็นที่รู้จัก
ซึ่งกว่า 10 ปีที่ A-time media ได้สร้างดีเจดังๆ มาแล้วหลาย 10 คน จากเกือบ
40 คน
การตอบรับจากผู้ฟังหรือผู้ชมต่อกิจกรรมของบริษัท ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณแห่งความสำเร็จ
ซึ่งปีนี้ บริษัทจัดกิจกรรมนอกรายการ ทั้งกิจกรรมชิงรางวัลและขายบัตรรวม
77 กิจกรรม โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ฟังและสปอนเซอร์
แต่ปัจจัยสำคัญที่บ่งชี้ความสำเร็จของบริษัท คือรายได้และกำไร เกือบ 1
ปีที่ GMM Media ก้าวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ราคาหุ้น ณ วันที่ 12 พฤศจิกายนซึ่งถูกเลือกเป็นวันแถลง
Year Plan ปี 2004 อยู่ที่ 35.25 บาท เพิ่มขึ้น 23% จากวันแรกที่เข้าตลาด
ในส่วนของวิทยุ รายได้ปีนี้คาดว่าอยู่ที่ 1,100 ล้านบาท จากปีที่แล้ว 1,050
ล้านบาท เนื่องจากข้อจำกัดในพื้นที่ขายเพียง 5 คลื่น เวลาโฆษณาเพียง 12 นาทีต่อชั่วโมง
และสปอต โฆษณาที่ยังตรึงราคาเดิม ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก
16% เป็น 17% เนื่องมาจากอัตราการเติบโตของคลื่น น้องใหม่อย่าง Bangkok Radio
ที่สูงกว่า 20%
สำหรับทีวี ซึ่งประกอบด้วย GMM Media, Exact และ Teentalk สิ้นปีนี้น่าจะมีรายได้รวมเกือบ
400 ล้าน มากกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากมีโปรแกรมเพิ่มขึ้นเป็น 23 รายการ หรือ
20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และได้รับความสนใจจากลูกค้านอกเพิ่มขึ้น 30%
ธุรกิจสุดท้ายคือสิ่งพิมพ์ ทำรายได้ประมาณ 5% ของรายได้บริษัท ซึ่งมี Pocketbook
นิตยสารอิมเมจ และล่าสุด Madam Figaro เพิ่งวางแผนเมื่อสิงหาคมที่ผ่านมา
"ถ้ามันมีอะไรซ้ำๆ กัน เราก็จะเป็นคนที่หนี เราจะทำอะไรไปข้างหน้า เพราะเรามีสมองมาก"
สายทิพย์ย้ำ