เดิมพันของ ดร.วิชิต

โดย ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์
นิตยสารผู้จัดการ( ธันวาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

ในการผลักดันโครงการ Change Program ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ถึงกับต้องเอาอนาคตของตัวเองวางไว้เป็นเดิมพัน ในการโน้มน้าวให้คนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวคิดของเขา

การลงมือแก้ปัญหาหนี้เสียทันทีที่เข้ารับตำแหน่ง ก็เป็นวิธีหนึ่งที่เขาใช้ convince คณะกรรมการให้เห็นคล้อยตาม และเมื่อได้ฉันทานุมัติในการปรับปรุงระบบการทำงานในธนาคาร เป้าหมายต่อไปของเขาก็คือต้องหาพนักงานกลุ่มหนึ่งเข้ามาเป็นทีมงานเฉพาะกิจ เพื่อช่วยทำงานนี้ให้สำเร็จ

บุคลิกของ ดร.วิชิตชอบพูดตรงๆ ไม่มีการอ้อมค้อม บางครั้งถึงกับโผงผาง แต่เขาก็เป็นคนที่มีศิลปะในการชักจูงคน ด้วยการสร้างเป้าหมายที่ท้าทายให้กับคนเหล่านั้น

ดร.วิชิตได้ดึงพนักงานระดับหัวกะทิจากฝ่ายงานต่างๆของธนาคารจำนวน 120 คน เข้ามาเป็นคณะทำงาน Change Program ชุดแรก

"คนเหล่านี้จะต้องหลุดจากงานประจำที่เคยทำ และไม่ใช่หลุดชั่วคราว แต่หลุดไปเลย เพราะหลังจากเขาเข้ามาเป็นคณะทำงาน ธนาคารจะแต่งตั้งคนใหม่ ไปทำงานประจำแทนตำแหน่งเดิมทันที"

การที่จะทำให้คนกลุ่มนี้เชื่อและเดินตาม จึงเป็นเรื่องที่ยาก

"ผมต้องบอกกับพวกเขาด้วยตัวเองว่าคุณไม่ต้องเป็นห่วง เพราะผมไม่ใช่คนที่จะเข้ามาทำอะไรแล้วไม่รับผิดชอบ หากโครงการนี้มีปัญหา คนแรกที่ต้องตายก่อนก็คือผม แต่ว่าสิ่งนี้มันเป็นเรื่องที่ท้าทาย ถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต ที่หากคุณได้เริ่มทำสิ่งใดจากที่ยังมองไม่เห็นอนาคตเลยว่าจะเป็นอย่างไร แล้ววันหนึ่งถ้ามันสำเร็จ มันคือสิ่งที่คุณสามารถภาคภูมิใจไปตลอดได้เลยว่าคุณก็เป็นคนหนึ่ง ที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วยตั้งแต่วันแรก"

ดร.วิชิตมองว่าการสร้างทีมงานนี้ขึ้นมา ไม่แตกต่างจากการเตรียมทหารเพื่อไปออกรบ มีการแยกห้องทำงานออกมาต่างหาก เรียกว่า Change Program Office เพื่อให้คณะทำงานชุดนี้ได้นั่งทำงานโดยเฉพาะ

แต่ข้อต่อสำคัญคือต้องมีคนอีก 2 คน คนหนึ่งมีหน้าที่เป็นผู้จัดการโครงการ ดูแลกระบวนการ Change Program ตั้งแต่เริ่มต้นและต่อเนื่องไปจนจบ

ส่วนอีกคน ดูแลเรื่องการพัฒนาทรัพยากรบุคคล เพื่อเตรียมความพร้อมของพนักงานให้สามารถรับกับการเปลี่ยน แปลงที่จะเกิดขึ้น

ดร.วิชิตเลือกที่จะจ้าง Deepak Sarup เข้ามาเป็นรองผู้จัดการใหญ่ โครงการปรับปรุงธนาคาร และ W. Michael Than เป็นรองผู้จัดการใหญ่ ด้านทรัพยากรบุคคล

นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ธนาคารไทยพาณิชย์มีการจ้างชาวต่างประเทศเข้ามาเป็นผู้บริหาร ซึ่งสร้างข้อกังขาให้เกิดขึ้นกับตัวของ ดร.วิชิตเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกรณีของ Deepak Sarup

"ผมรู้ว่าถ้าผมจ้างคนคนนี้ ผมจะต้องถูกต่อว่า และถูกตั้งคำถามจากคนจำนวนมากว่าทำไม แม้แต่เพื่อนของผมเองยังถามเลยว่าไม่มีคนอื่นให้เลือกแล้วหรือ"

Deepak Sarup เป็นน้องชายของราเกซ สักเสนา ผู้มีส่วนสำคัญทำให้ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ มีปัญหา จนทางการต้องเข้าไปยึด และกรณีของธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ ก็ถูกถือเป็นต้นตอก่อให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540

ปัจจุบันราเกซ พี่ชายของ Deepak ได้ลี้ภัยไปอยู่ในประเทศแคนาดา

Deepak เคยทำงานอยู่ที่ธนาคารแหลมทอง ตั้งแต่ปี 2537 และเคยร่วมงานกับ ดร.วิชิตหลังจากเข้าไปรวมกับธนาคารรัตนสิน ซึ่งช่วงนั้น ดร.วิชิตเองก็ยอมรับว่าในช่วงแรก เขาไม่ประทับใจในตัว Deepak เท่าไร เพราะยังมีทัศนคติไม่ดีต่อพี่ชายของ Deepak รู้เพียงแต่ว่า Deepak เป็นคนขยัน และจริงจังกับการทำงาน

หลังจาก Deepak ร่วมงานกับ ดร.วิชิตที่ธนาคารรัตนสินได้ไม่นาน เขาก็ลาออกไปเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท ALLTEL Information Services

"ตอนผมจะหาคนเข้ามาเป็นหัวหน้าโครงการ Change Program ผมไปสอบถามพรรคพวก หาว่ามีใครบ้างที่บ้างาน เขาก็บอกว่ามีแขกอยู่คนหนึ่ง ขอให้เป็นงานที่ท้าทาย คนคนนี้จะทำงานอย่างถวายหัว"

ดร.วิชิตเล่าว่าตอนเขาไปชวน Deepak ให้มาร่วมงานที่ธนาคารไทยพาณิชย์ เขาบอกเพียงแต่ว่ามันเป็นงานที่ท้าทายอย่างยิ่งในชีวิต เพราะ Deepak จะไม่ได้อะไรที่ดีกว่าสมัยอยู่ที่ ALLTEL เลย แม้แต่รายได้ และตรงกันข้าม คืองานอาจจะหนักกว่า แต่ในที่สุด Deepak ก็ตัดสินใจรับ

และ Deepak ก็ไม่ได้ทำให้ ดร.วิชิตผิดหวัง

ส่วนกรณีของ W. Michael Than เป็นคนฮ่องกง ที่ ดร.วิชิตเป็นคนรับเข้ามาทำงานในธนาคารกรุงเทพเพื่อดูแลด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคลตั้งแต่ปี 2537 และสามารถทำงานได้เข้าขากับ ดร.วิชิตเป็นอย่างดี

แต่เขาก็ร่วมงานกับ ดร.วิชิตได้ไม่นาน ดร.วิชิตก็จำเป็นต้องโบกมือลาจากธนาคารกรุงเทพ

ทั้ง Deepak และ W. Michael Than เริ่มทำงานในธนาคารไทยพาณิชย์ตั้งแต่ต้นปี 2545 หลังโครงการ Change Program เริ่มเดินหน้าได้ไม่นาน

จนถึงขณะนี้เป็นเวลาเกือบ 2 ปี ที่ทั้งคู่ต่างนั่งทำงานอยู่เงียบๆ ไม่เคยปรากฏตัวเป็นข่าวทางสื่อมวลชนแม้แต่ครั้งเดียว

ส่วนคณะทำงาน Change Program จากที่เริ่มต้นชุดแรก 120 คน มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตามความสำเร็จของงานแต่ละชิ้น ปัจจุบันมีพนักงานระดับหัวกะทิจากแผนกงานอื่นๆ ที่ถูกเรียกตัวเข้ามาเป็นคณะทำงานชุดใหม่เพิ่มขึ้นอีกเกือบ 100 คน

แต่ละคนล้วนพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงการทำงานด้วยความเต็มใจ เพราะรู้แล้วว่าสิ่งที่เขากำลังจะไปทำนั้น มีความหมายอย่างยิ่งต่ออนาคตของธนาคารไทยพาณิชย์



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.