เมื่อ BBC คิดจะทำการค้า


นิตยสารผู้จัดการ( ธันวาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

เมื่อ BBC สลัดภาพลักษณ์ "คุณป้าผู้มีจิตใจสูงและทรงภูมิ" และลุกขึ้นมาทำธุรกิจ ทำให้บริษัทสื่อ ทั้งในและนอกอังกฤษต่างรุมประณามว่า BBC กำลังเล่นนอกกติกา

British Broadcasting Corporation หรือที่เรารู้จักกันดีว่า BBC กำลังใช้ยุทธศาสตร์การเติบโตด้วยการค้า โดยมีเป้าหมายเพื่อผงาดขึ้นเป็นบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ระดับโลก ยุทธศาสตร์นี้ทำให้ BBC กลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของบริษัทสื่อทั้งในอังกฤษและทั่วโลก ซึ่งต่างรู้สึกว่ากำลังถูกทุบหม้อข้าว จึงพากันออกมาโวยวายว่า BBC กำลังเอาเปรียบและเล่นโกง

ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา BBC ได้ใช้ยุทธศาสตร์การเติบโตด้วยการขยายกิจการส่วนที่มุ่งหวังกำไรอย่างเอาจริงเอาจัง โดยมีเป้าหมายคือ เป็นผู้เล่นรายใหญ่ของโลกในตลาดสื่อหลายๆ แขนง ตั้งแต่การเป็นสำนักพิมพ์หนังสือและนิตยสาร การออกแบบเว็บไซต์ไปจนถึงการขายของที่ระลึกที่สัมพันธ์กับรายการทีวียอดฮิตของตน และการสร้างสรรค์ชิ้นงานโฆษณา รวมทั้งการให้เช่าห้องส่งและอุปกรณ์การออกอากาศและรับผลิตรายการ

BBC ประสบความสำเร็จกับยุทธศาสตร์ดังกล่าวเป็นอย่างดีชนิดที่สวนกระแสบรรดาบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ทั่วโลก ที่ล้วนแต่เจอพิษเศรษฐกิจที่ซบเซาและยังต้องเจอกับการที่บรรดาเจ้าของสินค้าต่างก็ลดการโฆษณาผ่านสื่อลง แต่ BBC ในส่วนของกิจการ ที่มุ่งหวังกำไรกลับเติบโตอย่างรวดเร็ว ในปีที่แล้วธุรกิจมุ่งหวังกำไร ของ BBC ทำรายได้มากกว่า 1.6 พันล้านยูโรหรือสูงขึ้นกว่าปี 2000 ถึง 35%

แต่การที่ BBC เป็นสื่อที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ และค่าธรรมเนียมการชมรายการจากเจ้าของโทรทัศน์ทุกคนในอังกฤษ ทำให้บรรดาบริษัทสื่อน้อยใหญ่ทั้งของอังกฤษเองและจากทั่วโลก ที่กำลังเผชิญการแข่งขันจากคู่แข่งที่มีศักยภาพสูงอย่าง BBC ต่างพากันรุมประณาม BBC ว่ากำลังเอาเปรียบและเล่นโกง และการที่ BBC เปลี่ยนมาเน้นการขยายกิจการที่มุ่งหวังกำไรก็ทำให้ถูกโจมตีว่า BBC กำลังสูญเสียความเป็นตัวเอง

บริษัทสื่อทั้งหลายที่กำลังเพลี่ยงพล้ำในเชิงการค้าต่อ BBC ต่างโวยวายว่า เป็นการไม่ยุติธรรมต่อพวกเขาเลยที่ต้องมาแข่งขันกับ BBC ซึ่งได้รับเงินอุดหนุนทั้งจากรัฐและผู้ชมโทรทัศน์มาฟรีๆ Kelvin Mackenzie อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ Sun ของอังกฤษกล่าวอย่างขมขื่นว่า BBC ใช้เงินของรัฐที่ได้มาฟรีๆ ทุ่มซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดรายการกีฬาด้วยราคาสูงลิบลิ่ว เกินจริง ทำให้บริษัทเล็กๆ ไม่สามารถแข่งขันด้วยได้เพราะไม่มีเงินพอที่จะซื้อรายการกีฬาอย่าง Wimbledon, the Grand National และ British Open

ส่วน Phil Hemmings จากบริษัท RM ซึ่งเป็นบริษัทขายซอฟต์แวร์การศึกษาในอังกฤษ ได้นำบริษัทผู้ผลิตหนังสือและซอฟต์แวร์เพื่อการศึกษา เข้าร้องเรียนต่อฝ่ายที่ดูแลเรื่องการแข่งขันที่เป็นธรรมของสหภาพยุโรป (EU) จากกรณีที่ BBC ประกาศแผนที่จะพัฒนาสื่อการศึกษาออนไลน์ฟรีให้แก่โรงเรียนด้วยเงินมหาศาลถึง 215 ล้านยูโรว่า BBC กำลังบิดเบือนตลาดและกระทบต่อธุรกิจ ของพวกเขา ผลจากการถูกร้องเรียนทำให้รัฐบาลอังกฤษต้องสั่งให้ BBC เพลาๆ แผนดังกล่าวลงแต่ไม่ได้สั่งให้เลิกล้ม ซึ่งทำให้ Hemmings วิตกว่า BBC จะยังคงบิดเบือนตลาดซอฟต์แวร์การศึกษาของอังกฤษที่มีขนาดเพียง 122 ล้านยูโร ซึ่งน้อยกว่าจำนวน เงินที่ BBC จะทุ่มลงไปมากนัก และบริษัทสื่อการศึกษาเล็กๆ อย่าง RM ก็จะต้องถูกกระทบอย่างแน่นอน

ด้านบริษัทผู้ผลิตรายการทีวีอิสระที่ขายรายการให้แก่ "The Beeb" ซึ่งเป็นฉายาของ BBC ต่างก็พยายามมาหลายปีที่จะให้ BBC จ่ายเงินแก่พวกเขาเพิ่มขึ้นจากการที่นำรายการของพวกเขาไปขายซ้ำในตลาดนอกอังกฤษแต่ก็ไร้ผล ส่วนบรรดาสำนักพิมพ์นิตยสารต่างนั่งไม่ติดเมื่อมีข่าวว่า BBC ซึ่งขณะนี้ก็เป็นสำนักพิมพ์ที่ผลิตนิตยสารรายใหญ่อันดับ 3 ของอังกฤษอยู่แล้ว กำลังจะออกนิตยสารหัวใหม่ๆ อีกหลายหัวภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า

บริษัทอินเทอร์เน็ตก็ถูกกระทบจากการขยายตัวเข้าสู่โลกออนไลน์ของ BBC ผ่าน BBC Online เช่นกัน โดย BBC ได้ทุ่มเงิน 144 ล้านยูโร สร้างเว็บไซต์ BBC Online ซึ่งเป็นเงินที่มากขึ้นถึง 5 เท่าของที่ BBC เคยบอกว่าจะใช้ แถมยังมีเนื้อหาเบาๆ อย่างการทำสวนและ การท่องเที่ยว ทั้งๆ ที่เคยสัญญาว่าจะทำแต่ข่าวและเหตุการณ์ปัจจุบัน

ฝ่ายผู้ชมซึ่งถูกบังคับให้ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้แก่ BBC ก็ขอโวยวายบ้างว่า BBC ซึ่งควรจะทำรายการดีมีสาระ กำลังใช้เงินที่ได้จากรัฐและคนดูไปทำรายการไร้สาระที่ซ้ำๆ ซากๆ กับที่ชาวบ้านที่เป็นช่องทีวีที่มีโฆษณาเขาทำกันอยู่แล้ว เช่น รายการทำอาหาร ทำสวน และดูแลบ้านหรือไม่ก็ไปซื้อรายการไร้สาระจากประเทศอื่นๆ มาฉายโดยเฉพาะจากฮอลลีวูด ทำให้ BBC ถูกโจมตีว่า กำลังสูญเสียจุดมุ่งหมายของตัวเองและความเป็น BBC ไป และถูกตั้งคำถามว่าความเป็น BBC อยู่ตรงไหน

ข้าง BBC รับฟังข้อกล่าวหาฉกาจฉกรรจ์ทั้งหมดข้างต้นด้วยอาการสงบ ด้วยคุ้นเคยดีตลอดเวลาที่อยู่ยงคงกระพันมาแล้วถึง 81 ปี Roger Flynn CEO ของ BBC Ventures Group ซึ่งเป็นกิจการที่มุ่งหวังกำไรกิจการหนึ่งของ BBC โดยให้เช่าสตูดิโอและห้องส่ง ชี้แจงอย่าง นิ่มๆ ว่า BBC ทำทุกวิถีทางที่จะทำให้กิจการในส่วนที่มุ่งหวังกำไรของตน แข่งขันกับคู่แข่งอย่างยุติธรรม และไม่เคยนำเงินของรัฐมาใช้กับกิจการในส่วนนี้เลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว

BBC ยังยืนยันอีกว่าพยายามทุกวิถีทางที่จะไม่ให้เกิดความขัดแย้ง โดยในช่วง 2 ปีมานี้ซึ่งเป็นช่วงที่ BBC กำลังใช้ยุทธศาสตร์การเติบโต ด้วยการค้าอย่างเข้มข้นนั้น BBC ได้นำกิจการที่มุ่งหวังกำไรทั้งหมดมารวมกลุ่มกันอยู่ใน 2 บริษัทเท่านั้นคือ BBC Ventures และ BBC Worldwide ซึ่งแยกออกจากกันอย่างเด็ดขาดจากบริษัทหลักที่ได้รับเงินอุดหนุน จากรัฐและประชาชน พนักงานของ 2 บริษัทดังกล่าวก็ได้รับเงินเดือนจากบริษัททั้งสองโดยไม่เคยได้รับจากบริษัทหลัก นอกจากนี้ในการทำธุรกิจระหว่างบริษัททั้งสองนี้กับบริษัทหลักก็จะใช้ราคาตลาด และมีการทำสัญญาอย่างโปร่งใส และบริษัททั้งสองยังมีการสอบบัญชีภายในทุกไตรมาสและสอบบัญชีภายนอกทุกปี

สำหรับการที่ถูกโจมตีว่าสูญเสียความเป็นตัวเองและถูกตั้งคำถามว่าความเป็น BBC อยู่ตรงไหนนั้น John Smith ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของ BBC เป็นผู้ให้คำตอบว่า พันธกิจของการเป็นสถานีที่ได้รับเงินค่าธรรมเนียมจากประชาชนมีเพียงการนำเสนอรายการกีฬา รายการเด็ก และรายการอื่นๆ ที่มีคุณภาพสูง เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกคุ้มค่าเงินที่จ่ายไปให้แก่ BBC และนั่นก็คือความเป็น BBC

เป็นเรื่องธรรมดาที่ BBC จะต้องถูกสาธารณชนจับตาและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักตลอดมา ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไรโดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนมามุ่งเน้นการแสวงหากำไรมากขึ้น เพราะ BBC มิได้เป็นเพียงธุรกิจสื่อหากแต่เป็นสถาบันทางวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดของอังกฤษ แต่การทบทวน เรื่องความเป็น BBC มิได้มาจากสาธารณชนแต่เพียงฝ่ายเดียว หากแต่ยังมาจากฝ่ายรัฐบาลด้วยและยังเป็นฝ่ายที่มีอำนาจลิขิตอนาคตของ BBC โดยตรง ซึ่งเรียกว่าการทบทวน "กฎบัตร" BBC ที่จะทำเป็นระยะๆ ความคิดที่จะเปลี่ยนให้ BBC มุ่งหวังการแสวงหากำไรมากขึ้นแท้จริงแล้วก็เริ่มมาจากการทบทวน เรื่องความเป็น BBC ของฟากรัฐบาลนั่นเอง เริ่มตั้งแต่ทศวรรษ 1980 รัฐบาลของนาง Margaret Thatcher ได้เริ่มถกเถียงกันถึงข้อดีของการทำให้ BBC เป็นธุรกิจมากขึ้น และตั้งแต่นั้นมา BBC ก็เริ่มเข้าใกล้ความเป็นธุรกิจเข้าไปทุกที โดยเริ่มจากการรับช่วงสิทธิต่างๆ มาจากกระทรวงมหาดไทย แล้วนำระบบการแข่งขันประมูลสิทธิที่จะได้ออกอากาศในช่อง BBC มาใช้ พอมาถึงปี 1996 ความคิดที่ว่า BBC ควรจะ สามารถเลี้ยงตัวเองได้ก็หยั่งรากลึกและทำให้ BBC เริ่มธุรกิจให้เช่าสตูดิโอและเครื่องแต่งกายในปี 1998 และถูกบอกให้ทำตัวให้เหมือนนักธุรกิจในโลกแห่งความเป็นจริง

ในปี 1999 รัฐบาลต้องการให้ BBC เป็นหัวหอกในการส่งเสริม โทรทัศน์ระบบดิจิตอล BBC เสนอขึ้นค่าธรรมเนียมผู้ชมแต่คณะกรรมการอิสระนำโดย Gavyn Davies นักเศรษฐศาสตร์กลับแนะว่าแหล่งเงินทุนใหม่ในอนาคตของ BBC ต่อจากนี้ไปควรจะมาจากการช่วยตัวเองกล่าวคือ การประหยัดและการหารายได้จากการทำการค้า ต่อมา Davies ได้นั่งเป็นประธานบอร์ดของ BBC ในปี 2001 และได้ เปลี่ยนโฉม BBC เป็นองค์กรที่มุ่งเน้นในเรื่องธุรกิจเป็นหลัก รัฐบาลได้ตั้งเป้าให้ BBC สร้างรายได้ให้ได้ 1.6 พันล้านยูโรภายในปี 2007 จากส่วนของกิจการที่มุ่งหวังกำไรและจากการประหยัดรายจ่าย

แม้จะเป็นตัวเลขที่สูงมากแต่ดูเหมือนจะไม่เกินศักยภาพของ สื่อเก่าแก่ที่เสนอแต่รายการคุณภาพสูงมากว่า 80 ปี เพียงรายการ Blue Planet สารคดีโลกใต้น้ำที่ BBC ผลิตร่วมกับช่อง Discovery Channel ซึ่งมีแฟนรายการคอยติดตามชมอย่างล้นหลามทั่วโลกรายการเดียว ก็ทำให้ BBC กินใช้ไม่หมด เพราะไม่เพียงสามารขายสิทธิให้คนอื่นนำไปฉาย แต่ยังสามารถนำไปขายในรูปวิดีโอ ดีวีดี นำเพลงประกอบรายการไปจัดเป็นคอนเสิร์ต แม้กระทั่งทำของที่ระลึกเกี่ยวกับรายการออกขาย จนถึงวันนี้ยอดขายสินค้าทุกอย่างที่สืบเนื่องมาจากรายการ Blue Planet รายการเดียว ก็สูงถึง 43 ล้านยูโรแล้ว

BBC America คือสิ่งที่ประกาศความเชื่อมั่นในตัวเองของ BBC อย่างชัดเจน เพราะสหรัฐฯ คือตลาดสื่อที่ใหญ่ที่สุดในโลก BBC America เป็นช่องโทรทัศน์ที่มีทั้งข่าวสารและบันเทิงซึ่งนับตั้งแต่ออกอากาศครั้งแรกในสหรัฐฯ เมื่อ 5 ปีก่อนก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว แม้จะยังเป็นช่องเล็กๆ เมื่อเทียบกับตลาดทีวีที่กว้างใหญ่ไพศาลของสหรัฐฯ แต่ BBC America ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าการเป็นแฟนของช่องนี้ทำให้เป็นคนมีคลาสและโก้ BBC News ก็กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นทุกทีเช่นกันในสหรัฐฯ

ส่วนของเล่นชิ้นใหม่ของ BBC ในวันนี้คือ WiCam ซึ่งเป็นโอกาสทางธุรกิจครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของ BBC ซึ่งเป็นคน ละเรื่องกับธุรกิจวิทยุโทรทัศน์เพราะเป็นธุรกิจเกี่ยวกับความปลอดภัยในห้างสรรพสินค้า WiCam คือกล้องดิจิตอลไร้สายน้ำหนักเบาที่พัฒนาโดยแผนกวิจัยและพัฒนาของ BBC ซึ่งเคยพัฒนาระบบเสียงสำหรับโทรทัศน์ที่เรียกว่า Nicam stereo มาแล้ว WiCam ซึ่งมีราคาตัวละ 57,160 ยูโร เริ่มออกวางจำหน่ายปีนี้และยอดขายกำลังไต่ระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ 72 ล้าน ยูโร ภายในเวลาเพียง 3-5 ปี

แต่ถึงแม้ BBC จะมีหัวใจเป็นธุรกิจเพิ่มขึ้นเพียงใดก็ยังมีข้อยกเว้นสำหรับบางธุรกิจที่ BBC จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด นั่นคือการทำงานร่วมกับบริษัทบุหรี่ซึ่งเป็นเรื่องต้องห้ามของ BBC ด้วยเกรงจะกระทบชื่อเสียงที่สั่งสมมานาน นอกจากนี้ก็ยังใส่ใจในกระแสของประชาชนเป็นเรื่องๆ ไป เช่นเมื่อเร็วๆ นี้ BBC เพิ่งจะยกเลิกการให้สิทธิ McDonald's ร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดังในการผลิต ตุ๊กตา Tweenies เพื่อใช้ในการส่งเสริมการขาย เนื่องจากกระแสเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพที่เกิดจากอาหารขยะกำลังมาแรง ส่วนบริษัทสร้างสรรค์งานโฆษณาซึ่งเป็นธุรกิจใหม่อีกตัวหนึ่งของ BBC ก็จะไม่รับงานที่เกี่ยวกับการเมืองโดยเพิ่งบอกปฏิเสธงานโฆษณาเกี่ยวกับการเลือกตั้งของ EU ไปเมื่อไม่นานมานี้เอง

เครือข่ายวิทยุและโทรทัศน์ของ BBC
รายได้ : 3.8 พันล้านยูโร แหล่งรายได้ : ชาวอังกฤษที่มีโทรทัศน์ทุกคน
จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียม
167 ยูโรต่อปี
พนักงาน : 19,206 คน
พันธกิจ : ให้ความรู้และข้อมูลข่าวสารและความบันเทิง
ส่วนแบ่งตลาด : 44.4%
ในอังกฤษ

วิ ท ยุ
ส่วนแบ่งตลาดในอังกฤษ
Radio 1 7.9%
Radio 2 15.7%
Radio 3 1.1%
Radio 4 11.8%
Radio 5 Live 4.7%
วิทยุท้องถิ่น 11.5%
(39 สถานี)

โ ท ร ทั ศ น์
ส่วนแบ่งตลาดในอังกฤษ
BBC One 26.5%
BBC Two 11.2%
BBC Three 0.7%
BBC Four 0.1%
นอกจากนี้ยังมีช่อง CBBC และ
CBeeBies (สำหรับเด็ก) และ
BBC News 24

BBC World Service
รายได้ : 318.5 ล้านยูโร
แหล่งรายได้ : รัฐบาลอังกฤษ
พนักงาน : 2,057 คน
พันธกิจ : เผยแพร่ข่าวและค่านิยมของ อังกฤษไปทั่วโลก


แปลและเรียบเรียงจาก Time, October 13, 2003
เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.