บีโอไอวางแผนดึงลงทุนปี47 เน้น5กลุ่มปท.ผนึกผู้ว่าCEO


ผู้จัดการรายวัน(27 พฤศจิกายน 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

บีโอไอเปิดแผนดึงเม็ดเงินลงทุนปี 2547 ด้วยการเน้น 5 กลุ่มประเทศเป้าหมายที่มีศักยภาพในการเข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่องทั้ง จีน ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกาเหนือ และอาเซียน โดยมีแผนตั้งกลุ่มภารกิจขึ้นมาโดยเฉพาะ พร้อมร่วมมือกับผู้ว่า CEO อาศัยสำนักงาน ภูมิภาค 7 แห่งเชื่อม SMEs สลงทุน หวังสนองนโยบาย "พินิจ" วางเป้าลงทุนปีหน้าสูงกว่า 2.2 แสนล้านบาท

แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของ บีโอไอในปี 2547 มุ่งที่จะชักจูงการ ลงทุนยัง 5 กลุ่มประเทศเป้าหมายได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกาเหนือ (อเมริกา แคนาดา) และอาเซียน โดยมีแผนจัดตั้งกลุ่มภารกิจหรือ Country Desk and Region Desk เพื่อดูแลรับผิดชอบการลงทุน จากกลุ่มประเทศเป้าหมายดังกล่าวเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประ- สิทธิภาพ ซึ่งเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือ FDI จะยังคงเป็นแผนสำคัญที่จะมีส่วนผลักดันการพัฒนาระบบเศรษฐกิจไทย

ขณะเดียวกันภายในประเทศนั้นการส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุนในภูมิภาคก็จะดำเนินการร่วม มือกับผู้ว่าราชการจังหวัดหรือ ผู้ว่า CEO โดยอาศัยสำนักงานภูมิภาคของบีโอไอที่มีอยู่ 7 แห่งในจังหวัด เชียงใหม่ พิษณุโลก นครราชสีมา อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี สงขลา และชลบุรี เป็นตัวเชื่อมในการสนับ สนุนกิจการวิสาหกิจขนาดกลาง และ ย่อม(SMEs) ในกลุ่มจังหวัดต่างๆ ให้มากยิ่งขึ้น

สำหรับการส่งเสริม SMEsบีโอไอจะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำความคิดสร้างสรรค์ (Design and Creative) มาผลิตสินค้าให้ มีมูลค่าเพิ่ม และเกิดการสร้างความ เชื่อมโยงในการผลิตและการบริการ แบบครบวงจร อาทิ การวิจัยและพัฒนา การขนส่ง การผลิตวัสดุหีบห่อที่มีคุณภาพและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ตลอดจนการส่งเสริมการลงทุนกิจการ SMEs ที่จะสามารถผลิตชิ้นส่วน เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ

"การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ 10 เดือนแรกของปี 2546 รายใหญ่สุดที่เข้ามาก็ยังคงเป็นญี่ปุ่น ยุโรป ไต้หวัน และอเมริกา โดยเฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่นยังคงครองแชมป์อยู่เสมอ ซึ่งการที่ตั้งเป้าหมาย 5 กลุ่มประเทศปีหน้าก็มองจากความเป็นจริง เนื่องจากเชื่อว่ายังมีการขยายการลงทุนจากกลุ่มประเทศ เหล่านี้มาอีก จากการสอบถามเบื้องต้น" แหล่งข่าวกล่าว

ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานดังกล่าวเพื่อที่จะเร่งผลักดันการเพิ่มการลงทุนในประเทศให้สูงขึ้นและ เป็นไปตามเป้าหมายที่ล่าสุดนายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมมีนโยบายจะปรับเป้าลงทุนปี 2547 ใหม่ให้เพิ่ม ขึ้นจากเดิมกำหนดไว้ที่ 220,000 ล้านบาท เนื่องจากขณะนี้มียอดการขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่ม มากขึ้น โดยคาดว่าสิ้นปี 2546 มูลค่าลงทุนจะเพิ่มเป็น 300,000 ล้านบาท ซึ่งทะลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 200,000 ล้านบาท

แหล่งข่าวยังได้กล่าวถึงนโยบาย ที่รมว.อุตสาหกรรมได้พิจารณาให้บีโอไอมาศึกษาให้กลายมาเป็นองค์กรในกำกับกระทรวงอุตสาหกรรม หรือไม่ เพื่อความอิสระ และคล่องตัวในการทำงาน ลักษณะเดียวกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) หรืออาจ จะปรับเพิ่มเงินเดือนให้นั้น เป็นเรื่อง ที่น่ายินดีเนื่องจากหลังการปฏิรูปราชการ บีโอไอถูกลดบทบาทเป็น หน่วยงานราชการ ภายใต้สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ทำให้เกิดปัญหาขั้นซี หรือตำแหน่งราชการที่จะต้องถูกปรับลดลงไปอย่างมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ท้อแท้และสมองไหล ในช่วงที่ผ่านมาได้ลาออกไปสังกัดสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และเอกชนบ้างแล้ว และหากปล่อยไว้นานอาจกลายเป็นปัญหาที่แก้ ไม่ตก

นายประพัฒน์ โพธิวรคุณ ประ- ธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท). กล่าวว่า 1-2 ปีข้างหน้า คาดว่ายอดการลงทุนของภาคเอกชน คงจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เนื่อง จากในช่วงวิกฤติไม่มีการลงทุนขยาย กำลังการผลิตเพิ่ม เพราะใช้กำลังการ ผลิตเดิมที่มีอยู่เพียงแค่ 50% แต่เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวทำให้ผู้ประกอบ การวางแผนที่จะขยายกำลังการผลิต เพิ่ม เพื่อรองรับกับความต้องการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม บีโอไอจะต้องปรับแผนการดึงดูดการลงทุนใหม่ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะยุทธ-ศาสตร์ผู้ว่าฯซีอีโอที่จะช่วยกระจาย การลงทุนไปทั่วทุกภูมิภาคของประ- เทศจากปัจจุบันมีการลงทุนกระจุกตัวอยู่ในเขตกรุงเทพฯ สมุทรปรา-การ ระยอง ชลบุรี



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.