นักลงทุนไม่ผิดหวังหุ้นน้องใหม่ "ระยองเพียวฯ" เปิด เทรดซื้อขายวันแรกวิ่งไปแตะสูงสุด
ที่ 50.50 บาท สูงกว่าจองหุ้นละ 23.50 บาท ก่อนราคาอ่อนตัวมาปิดที่ 45 บาท สูงกว่าราคาจอง
66.66% สวนทางตลาด หุ้นดิ่งต่อเนื่อง ด้านผู้บริหาร RPC ยันเป็นหุ้นพื้นฐานดี คาดสิ้นปีนี้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอัตรา
75% ของกำไรสุทธิสูงกว่านโยบายที่กำหนด ไว้ 50%
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นบริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ จำกัด (มหาชน) (RPC) เปิดซื้อขายในหมวด
พลังงานเป็นวันแรก (วานนี้) เปิดตลาด ราคาปรับขึ้นมาที่ระดับ 46 บาท สูงกว่า ราคาจองซื้อหุ้นที่
27 บาท หรือเพิ่มขึ้น 19 บาท คิดเป็น 70.37% เด่นสวนทาง ตลาดหุ้นไทยที่ยังอยู่ในแดนลบ
หลังจากนั้นได้มีแรงซื้อขายเข้ามาอย่าง ต่อเนื่อง ดันราคา RPC ขึ้นไปสูงสุดที่
50.50 บาท ก่อนจะมีแรงเทขายทำกำไรออกมาจนอ่อนตัวต่ำสุดที่ 42.25 บาท และมีแรงซื้อเข้ามาหนุนทำให้ราคาปิดตลาดอยู่ที่
45.00 บาท สูงกว่าราคาจองซื้อ 18 บาท คิดเป็น 66.66% มูลค่าการซื้อขาย 1,193.05
ล้านบาท
นายศุภพงษ์ กฤษณกาญจน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ จำกัด
(มหาชน) กล่าวว่า บรรยากาศ การลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะได้รับปัจจัยกดดันจากมาตรการควบคุมการซื้อขายแบบหักกลบลบหนี้ในหุ้นตัวเดียวกันวันเดียวกัน
(เน็ตเซต-เทิลเมนต์) แต่ราคาหุ้น RPC ได้ปรับตัวได้สูงแสดงให้เห็นว่านักลงทุนให้ความสนใจหุ้นบริษัท
เนื่องจากอยู่ในหมวดพลังงาน มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในแต่ละปีไม่ต่ำกว่า
50% และในปีนี้บริษัทคาดว่าจะจ่ายปันผล 75% ของกำไรสุทธิ
บริษัทตั้งเป้าหมายจะเติบโตต่อเนื่อง ไม่ต่ำกว่า 15-20% โดยในปีนี้บริษัทคาดว่าจะ
มีรายได้รวมประมาณ 6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมีอัตราเพิ่มขึ้น 12% และปีนี้จะมีกำไรสุทธิประมาณ
200 ล้านบาท จากปีก่อน มีกำไร 170 ล้านบาท
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินไปลงทุนในโครงการขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มเป็น
100 แห่งภายในสิ้นปี 2547 จากปัจจุบันที่มีปั๊มน้ำมันอยู่ 22 แห่ง และเงินจำนวน
170 ล้านบาท จะนำไปลงทุนสร้างโรงกลั่นน้ำมันในประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นการทดลองหากธุรกิจดำเนินไปด้วยดี
บริษัทมีแผนที่จะขยายใหญ่ขึ้น อีก 140 ล้านบาทจะ นำไปพัฒนาสถานีบริการน้ำมันให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม รายได้ในโครงการโรงกลั่นน้ำมันที่เวียดนาม บริษัทจะเริ่มรับรู้ภายในสิ้นปี
2548 และหากบริษัทจะมีการลงทุนเพิ่มจะ นำเงินกระแสเงินสดที่มีอยู่มาใช้ในการดำเนินธุรกิจจำนวน
7 พันล้านบาท
นายเกษมสิทธิ์ ปฐมศักดิ์ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ บีที จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียน
ในตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่าหุ้น RPC เป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องน้อย มีจำนวนหุ้นที่หมุนเวียนในตลาด
(ฟรีโฟลต)เพียง 20% และนักลงทุน ที่เข้ามาลงทุนแล้วจะถือลงทุนระยะยาว ดังนั้นผู้ลงทุนที่เข้ามาลงทุนควรจะคำนึงถึงเรื่องนี้
เพราะการมีฟรีโฟลตต่ำมีข้อดีและข้อเสียเท่ากัน
อย่างไรก็ตาม หุ้น RPCเป็นหุ้นที่อยู่ในกลุ่ม พลังงาน ในกลุ่มธุรกิจน้ำมันและมีผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี
ซึ่งมีแนวโน้มอัตราการเติบโตที่ดี จึงทำให้เป็นหุ้นที่เหมาะสมกับการลงทุนระยะยาว
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส ประเมินราคาหุ้น RPC โดยกำหนดราคาเป้าหมายสิ้นปี
2547 อยู่ที่ 36 บาท คิดเป็น P/E ในปี 2547 ที่ 10.15 เท่า ซึ่งใกล้เคียงกับบริษัทอื่นในอุตสาห-กรรมเดียวกัน
และ ณ ราคานี้จะให้ผลตอบแทน (Capital Gain) 33.33% จากราคาจองซื้อ
โดยคาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะเติบโต 18% จากปีก่อน และกระโดดเป็น 40% ในปี 2547
ขณะที่ยอดขายในปีนี้ 7,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.56% และเท่ากับ 8,868 ล้านบาทในปีหน้า
หรือเพิ่มขึ้น 14.5% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น อยู่ที่ 8.55% จะเพิ่มขึ้นเป็น 9%
ในปี 2547 ส่งผลให้ปีนี้กำไรสุทธิ 210.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.72% และเพิ่มขึ้นเป็น
293.95 ล้านบาทในปีหน้า หรือโตขึ้น 39.67%
RPC ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันขนาดกลาง ซึ่งไม่เน้นเทคโนโลยีการกลั่นที่ซับซ้อน
ทำให้มีต้นทุนการกลั่นต่ำ รวมทั้งมีสถานีบริการ น้ำมันในประเทศอยู่ 22 สาขา และจะเพิ่มขึ้น
เป็น 100 สาขาในปีหน้า โดยเน้นลงทุนที่ภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ
นอกจากนี้ บริษัทฯได้ร่วมลงทุนสร้าง โรงกลั่นน้ำมันขนาด 2,500 บาร์เรล/วันในประเทศเวียดนาม
ซึ่งมีมูลค่าโครงการประมาณ 294 ล้านบาท นับเป็นโครงการที่ได้รับสิทธิบัตร จากประเทศเวียดนามอย่างเป็นทางการ
ทำให้มีความเสี่ยงทางการเมืองต่ำ และยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย โดย RPC
ถือหุ้น 60% ของทุนจดทะเบียน หรือประมาณ 176 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มสร้างรายได้ในต้นปี
2548