"สมคิด"ยันตลาดหุ้นไทยยังห่างไกลฟองสบู่ โดยเฉพาะเมื่อดูจากดัชนีตลาดหุ้นปี
37 ที่เคยสร้างสถิติสูงสุดถึง 1,700 จุด พีอีเกือบ 30 เท่า ขณะที่ปัจจุบัน เพียง
600 กว่าจุด พีอีเพียงประมาณ 10 เท่า พร้อมปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทย กำไรบจ.รองรับ
ยืนยัน"ทักษิณ"จริงจังปราบการปั่นหุ้น ที่เทียบได้กับการคอร์รัปชัน ด้าน
ก.ล.ต.เตรียมออกกฎคุมการไถ่ถอนตราสารหนี้ก่อนกำหนด มีผล ธ.ค. ที่ผู้ถือหน่วยอาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียม
ป้องกันกระทบตลาดทุนไทยอีกรอบเหมือนวันพุธ ที่ทำให้หุ้นไทยวูบเกือบ 3%
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงาน Set In The City 2003 วานนี้
(20 พ.ย.) ว่าเรื่องการเรียกหลักประกัน บัญชี Net Settlement เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
เป็นมาตรการจัดการที่ไม่ให้ตลาดหุ้นร้อนแรงเกินไป ซึ่ง จริงๆ แล้ว ตลาดหลักทรัพย์และ
ก.ล.ต. ประเมินว่าเมื่อไรที่ภาวะร้อนแรงเกินไป ไม่สามารถอธิบายสาเหตุได้ก็ต้องใช้มาตรการนี้
สามารถ ยกเลิกได้ เพราะไม่ใช่มาตรการที่จะใช้ตลอดไป ตลาดหุ้นไทยไม่ต้อง กังวล อยากให้ดัชนีตลาดฯ
ปรับตัวขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ
"ช่วงนี้ขอว่าอย่าให้เก็งกำไรเกินควร ตลาดหลักทรัพย์กับก.ล.ต จะต้องดูแลด้วยเรื่องการปั่นหุ้นจะตามมา
ขณะที่สมัยก่อนเปรียบเหมือนคอร์รัปชัน ฉะนั้นอย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เมื่อใดพบพฤติกรรมปั่นหุ้น
หรือผู้ที่คิดจะปั่น หุ้น ขออย่าทำ เพราะนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ความสำคัญ
จับตาดูเป็นพิเศษ ต้องการให้ ก.ล.ต.กับตลาดฯ จริงจังหุ้นบาง ตัวด้วย" สมคิดกล่าว
การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคยขึ้นไปยืนสูงสุด ในประวัติศาสตร์ตลาดหลักทรัพย์ไทย
1,753.73 จุด เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2537 และลดเหลือ 200 จุดช่วงวิกฤตเศรษฐกิจไทย-เอเชียปี
2540 จากนั้น สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ก็ดีขึ้นแล้ว
ตลาดหุ้นไทยยังอ่อนไหวกับข่าวลือ
"ข่าวลือที่ต่างๆ ที่เกิดขึ้น แล้วตลาดหุ้นทรุดตัวลงแรง แสดงให้เห็นว่าตลาดหุ้นไทยยังมีความอ่อนไหวต่อกระแสข่าว
แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะมีอัตราเติบโตที่ดี ดังนั้นทุกๆ ฝ่ายต้องช่วยกันทำให้ตลาดฯ
โตอย่างมีศักยภาพ จากปัจจุบันมีนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนเพียง 2.8 แสนบัญชี"
นายสมคิดกล่าว
เขากล่าวว่าตลอด 28 ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยผ่านร้อนผ่านหนาว ประสบวิกฤตหลายครั้ง
ครั้งหนักสุด เป็นวิกฤตเศรษฐกิจกลางปี 2540 ช่วงนั้น สัดส่วนราคาหุ้นต่อกำไร (พี/อี)
ก่อนวิกฤตประมาณ 25-26 เท่า ร่วงเหลือ 5-6 เท่า ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทย
ประสบกับการขาดทุนกว่าแสนล้านบาท ไม่มีวี่แวว เลยว่าตลาดหุ้นไทยจะฟื้น
"แต่เราโชคดีมากที่วันนี้ ตลาดหุ้นเมืองไทย ได้ก้าวฟื้นวิกฤตมาได้ วันนี้ดัชนีไต่มาอยู่ระดับ
600 จุด มูลค่าตลาดฯ อยู่ในระดับ 3.8-4 ล้านล้านบาท ค่า พี/อี เรโช วันนี้อยู่ในระดับ
11-12 เท่า ผลประกอบการทุกอย่างดีขึ้น การที่เราก้าวจากจุดที่ต่ำสุดมาถึงวันนี้
จากพื้นฐานที่ดีขึ้น" นาย สมคิดกล่าว
ส่วนเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทยขยายตัวจาก 1.6% เป็นกว่า 6% ภาระหนี้สินต่างประเทศลดลง
ดัชนีมหภาคทุกตัวแข็งแกร่งขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น ผลประกอบการ บจ.ต่างๆ ก็ดีขึ้นโดยลำดับ
ซึ่ง 9 เดือนแรกปีนี้ โชว์กำไรกว่า 2 แสนล้านบาท เทียบช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ที่ขาดทุนกว่า
80,000 ล้านบาท
"ไม่มีใครที่พูดว่าดัชนีตลาดหุ้นที่เพิ่มขึ้นเกิน 600 จุด มาจากการเก็งกำไรเพียงอย่างเดียว
แต่ มาจากปัจจัยพื้นฐานที่ดีด้วย การเก็งกำไรเป็นเรื่องปกติของตลาดหุ้น มาจากเศรษฐกิจที่มีการขยายตัว
การมีเสถียรภาพ การเกิดความมั่นใจ และการมองเห็นอนาคตข้างหน้าของประเทศไทย วันนี้ทุกอย่างดูดีไปหมด
โดยเฉพาะตลาดหุ้นเมืองไทย" เขากล่าว
แต่ช่วง 2 วันที่ผ่านมาเพียงแค่กระแสข่าวเน็ต เซตเทิลเมนต์ ทำให้ตลาดหุ้นตกทันทีกว่า
20 จุดก่อนปรับตัวขึ้นเล็กน้อย การที่ตลาดหุ้นเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ แสดงว่าตลาดหุ้นไทยยังบอบบาง
ยังหวั่นไหว และอยู่ท่ามกลางกระแสข่าวลือ
"สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พวกเรา ซึ่งอยู่ในแวดวง ตลาดหุ้นต้องมาช่วยกัน
ทำให้เกิดความแข็งแกร่ง ขึ้นจริงๆ แล้วเศรษฐกิจทุกอย่างดีขึ้น แต่ปัญหาคือวิธีคิดและตลาดหุ้นไทย
ยังคงหวั่นไหวจากกระแสข่าว กรณีที่เกิดขึ้นจากมาตรการเน็ต เซตเทิลเมนต์ เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
เป็นเพียงมาตรการที่ดักทางไม่ให้เกิดความร้อนแรงในตลาดหุ้น" รองนายกรัฐมนตรีกล่าว
ปัญหากระแสข่าวตลาดตราสารหนี้ หรือกองทุนการซื้อหรือขายหน่วยลงทุน ถือเป็นเรื่อง
ธรรมดา ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลอยู่ทุกขั้นตอน ตรวจสอบใกล้ชิด ก็ยังมีข่าวลือว่ามีการ
ไถ่ถอนจนเกิดกระแสข่าวลือสะพัด
แม้ไม่มีมูลความจริงแต่ดัชนีตลาดหุ้นก็ร่วง ลงแล้วกว่า 17 จุดวันพุธ ผู้ลงทุนรายย่อยเจ็บตัวต่อไป
เพราะฉะนั้น เขาแนะว่านักลงทุนที่ลงทุน ในตลาดหุ้น ต้องระมัดระวังการลงทุน เรื่องนี้เป็นเรื่องซ้ำซาก
เขากล่าวว่าหากคิดถึงตอนที่ดัชนีอยู่ที่ 1,700 จุด ปี 2537 หารครึ่งแล้วตัดออก
เหลือ 700 จุด ยังถือว่าต่ำไป หากมีเงินเหลือเก็บในธนาคาร และหากลงทุนในตลาดหุ้น
ก็ดูหุ้นจริงจัง เพราะช่วง 3-6 ปีต่อไป ตลาดหุ้นไทยมีแต่จะโต เพราะ นายกรัฐมนตรี
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บอกแล้ว จีดีพีไทยปีนี้จะโต 8% ปีหน้าจะโต 10%
"วันนี้ผมตั้งใจว่าเราต้องมาช่วยกัน อย่าให้ ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย วันนี้
เศรษฐกิจและตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้น อย่าให้เหมือนกับปี 2532 ที่ตลาดหุ้นอยู่ในภาวะที่ดี
คือช่วงต้นปีดัชนีอยู่ระดับ 300-400 จุด ซึ่งตลาดหุ้นเริ่มบูมเกือบ 600 จุด ร้อนแรงมาก"
เขากล่าว
นายสมคิดกล่าวอีกว่าประวัติศาสตร์สอนว่า พอเศรษฐกิจเริ่มดี ตลาดหุ้นพุ่งทะยาน
สิ่งแรกที่ เกิดขึ้น คือการเก็งกำไรเกินขอบเขต เพราะฉะนั้น อยากให้ตลาดหลักทรัพย์ติดตามดูใกล้ชิด
ดูการ ปั่นหุ้น
สมัยก่อนเขากล่าวว่าการปั่นหุ้นในตลาดหุ้น ไทย เสมือนเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนคอร์รัปชั่น
ที่เกิดขึ้นในไทย
"ตอนนี้ท่านนายกฯมีมาตรการที่เอาจริงเอาจังเรื่องนี้ ท่านนายกฯ มีสิทธิที่จะสั่งเรื่องมาร์จิ้น
เรื่องเน็ต เซตเทิลเมนต์ และตำรวจมีสิทธิที่จะจับผู้ที่ทำผิด ผมบอกให้ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์เอาจริงเอาจัง
หากมีการวิ่งเต้นนำเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง รับรองเรื่องถึงหูท่านนายกฯ แน่นอน"
นายสมคิดกล่าว
ก.ล.ต.ป้องกันไถ่ถอนหน่วยลงทุนงกองทุนรวม
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ก.ล.ต.) กล่าววานนี้ (20 พ.ย.) ว่าจะออกแนวทางป้องการปัญหาที่เกิดกับกองทุน รวม
ซึ่งจะเรียกตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์จัดการ กองทุนทุกแห่งหารือ เพื่อกำหนดรายละเอียดชัดเจนมากขึ้น
แนวทางเบื้องต้น ก.ล.ต. อาจกำหนดระยะเวลาไถ่ถอนหน่วยลงทุนใหม่ โดยแบ่งตามสภาพคล่องกองทุน
ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ประเภท คือกองทุนสภาพคล่องระดับ 80% ขึ้นไป ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถซื้อขาย
และไถ่ถอนหน่วยลงทุนได้ตลอดเวลา
กองทุนที่มีสภาพคล่อง 50-80% จะต้องมีการกำหนดช่วงเวลาในการซื้อขาย และไถ่ถอนหน่วยลงทุน
ส่วนกองทุนที่มีสภาพคล่องอยู่ในระดับต่ำกว่า 50% จะต้องมีการกำหนดช่วงเวลาในการซื้อขาย
และไถ่ถอนหน่วยลงทุนที่ใช้เวลา มากกว่ากองทุนประเภทอื่นที่มีสภาพคล่องสูง
นอกจากนั้นกรณีผู้ถือหน่วยลงทุนต้องการ ขายคืนหน่วยลงทุนก่อนกำหนด ก.ล.ต.อาจกำหนดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนขายคืนในราคาต่ำกว่า
ราคาจริงของหน่วยลงทุน