Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน20 พฤศจิกายน 2546
หุ้นนครหลวงฯบวกวอร์แรนต์ขาย22.70บาท             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารนครหลวงไทย

   
search resources

ธนาคารนครหลวงไทย, บมจ.
อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์
Banking and Finance




แบงก์นครหลวง ไทย (SCIB) เปิดจองหุ้นวันนี้ 376 ล้านหุ้น ราคารวมวอร์แรนต์ 2 หน่วย 22.70 บาท อภิศักดิ์ ตัน-ติวรวงศ์Ž มั่นใจขายหมด เสนอจุด เด่นผู้ซื้อหุ้นสามารถรับเงินปันผลได้ภายในเดือนมี.ค.-เม.ย. ปีหน้า ในสัดส่วน 50% ของกำไรสุทธิปี 2546 ขณะที่ผลงานงวด 9 เดือน กำไรสุทธิต่อหุ้นกว่า 1 บาท ทำให้สามารถจ่ายเงินปันผลได้ 0.70-1 บาทต่อหุ้น หลังผู้ถือหุ้นใช้สิทธิ วอร์แรนต์ทั้งหมดสัดส่วนกองทุนลดลงต่ำกว่า 50% ทำให้แบงก์กลาย เป็นแบงก์เอกชนทันที

วานนี้ (19 พ.ย.) ธนาคารนครหลวงไทย (SCIB) มีพิธีลงนามสัญญาแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ ในส่วนของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินจำนวน 376 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 20.60 บาท และใบสำคัญแสดงสิทธิหน่วยละ 1.05 บาท โดย เสนอขายเป็นชุดประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 1 หุ้น รวมกับวอร์แรนต์ 2 หน่วย ในราคาชุดละ 22.70 บาท เสนอขายระหว่างวันที่ 20-21 พฤศจิกายน และวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ โดยมีสถาบันการเงิน 19 แห่ง เป็นผู้แทนจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

สำหรับอันเดอร์ไรต์ทั้ง 19 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย), บล.ฟินันซ่า, บล. ทรินิตี้, บล.บัวหลวง, บล.บีที, บล. พัฒนสิน,บล.ฟาร์อีสท์, บล.เมอร์ริล ลินซ์ ภัทร, บล.ยูไนเต็ด, บล.อินเทลวิชั่น, บล.เอบีเอ็นแอมโร เอเชีย, บล.ไทยพาณิชย์, บล.ไซรัส, บล. ซิกโก้, บล.เคจีไอ, บล.เอสเซท พลัส, บล.ธนชาติ, บล.นครหลวงไทย และ ธนาคารนครหลวงไทย

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย กล่าวว่าหลังจากที่ธนาคารได้เดินทางไปโรดโชว์ขายหุ้นสามัญของกองทุนฟื้นฟู 376 ล้านหุ้น ปรากฏว่า ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งประเภทสถาบัน และประชาชนทั่วไปจำนวนมาก นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ธนาคารได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลังจากที่มีการควบรวมกิจการจนสามารถดำเนินธุรกิจแข่งขันกับระบบได้ รวมทั้งมีผลประกอบการกำไรอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การเสนอขายหุ้นดังกล่าวในวันนี้ (20 พ.ย.) จึงมั่นใจว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนจนขายหุ้นหมด หรืออาจจะมีการจองเข้ามาเกินกว่าจำนวนที่ธนาคารได้จัดสรรให้

การขายหุ้นดังกล่าว ธนาคารได้จัดสรรขาย ให้กับนักลงทุนประเภทสถาบันจำนวน 148 ล้าน หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 40 ของจำนวนหุ้นที่ขายทั้งหมด โดยจาการทำโรดโชว์เสร็จมีนักลงทุน สถาบันแสดงความจำนงจองหุ้นจำนวนเกินกว่าที่จัดสรรถึง 5 เท่า แสดงให้เห็นว่าได้รับความสนใจสะท้อนถึงความเข้มแข็งของเงินกองทุน การดำเนินธุรกิจที่มีการเติบโตที่สูง โดยเฉพาะผลประกอบการที่ดีมีกำไรหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของธนาคารอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าระบบมาก

ส่วนที่ 2 ธนาคารได้จัดสรรเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปที่เป็นรายย่อยจำนวน 222 ล้าน หุ้นหรือคิดเป็น 60% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด ซึ่งหวังว่าจะได้รับความสนใจจากประชาชนเช่นกัน โดยมีกำหนดเปิดให้จองซื้อหุ้น ได้ในวันนี้ (20 พ.ย.) ตั้งแต่เวลา 08.30 น. หากมีการจองเต็มจำนวนที่จัดสรรก่อนเวลา ธนาคาร จะเปิดให้มีการจองเข้ามาต่ออีก 2 ชั่วโมง เพื่อธนาคารจะได้จัดวิธีสุ่มเลือก (RANDOM) ของระบบตลาดหลักทรัพย์ (Settrade) โดยธนาคาร จะจัดสรรหุ้นจำนวน 37 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดให้กับนักลงทุนรายย่อยที่จองผ่านสาขาของธนาคาร

"แบงก์มีความมั่นใจว่าจะได้รับความสนใจ จากนักลงทุนทั้ง 2 ประเภท โดยสามารถขายหุ้น หมดแน่นอน เพราะที่ผ่านมาได้ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงระบบภายในให้สามารถแข่งขันกับตลาด ได้ รวมทั้งมีความสามารถในการดำเนินธุรกิจสร้างรายได้ผลกำไรกับแบงก์" กรรมการผู้จัดการ กล่าว

ธนาคารยังมีจุดเด่นที่เชื่อว่าเป็นที่สนใจของ นักลงทุนคือ ธนาคารมีการขายหุ้นสามัญควบใบสำคัญแสดงสิทธิ์อนุพันธ์ (วอร์แรนต์) 2 หน่วย ที่มีอายุ 1 ปี สามารถใช้สิทธิได้ในตลาดเวลา ใน ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 20.85 บาท ซึ่งจะเป็นผลดีและผู้ถือหุ้นสนใจใช้สิทธิแปลงเป็นหุ้นสามัญในช่วงที่จะมีการจ่ายเงินปันผล ซึ่งธนาคารมีนโยบาย ที่จะจ่ายเงินปันผลทุกๆ ครึ่งปี

สำหรับในงวดผลประกอบการของธนาคาร ในปีนี้ ผู้ที่จองซื้อหุ้นสามัญในครั้งนี้จะได้เงิน ปันผลในปี 2546 ทันทีหลังจากที่มีการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปีประมาณเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน 2547 ขณะนี้ธนาคารมีผลประกอบการที่เป็นกำไรสุทธิ ดังนั้นจึงมีนโยบาย ที่จะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 50% ของกำไรสุทธิ ที่ขณะนี้ผลประกอบการช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีผลกำไรต่อหุ้นมากกว่า 1 บาท ซึ่งหากจะมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในงวดผลประกอบการ 9 เดือนจะได้ประมาณ 1-2 บาทต่อหุ้นนับว่าสูงเมื่อเทียบกับระบบ

หลังจากการขายหุ้นสามัญจำนวน 376 ล้าน หุ้น ส่งผลให้กองทุนฟื้นฟูมีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ ในธนาคารลดลงประมาณ 17.5% จากปัจจุบันที่กองทุนฟื้นฟูถือหุ้นของธนาคารอยู่ที่ 99.99% หลัง จากที่นักลงทุนใช้สิทธิแปลงวอร์แรนต์ทั้งหมด สัดส่วนของกองทุนจะลดลงประมาณ 53% ทำให้สัดส่วนกองทุนลดลงเหลือ 47% ธนาคาร จึงเป็นเอกชนทันที

สำหรับมาตรการของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่ต้องมีการวางหลักทรัพย์ค้ำประกันในการซื้อหุ้นจำนวน 10% นั้น นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการขายหุ้นของธนาคาร เนื่อง จากหุ้นของธนาคารเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี โดยเข้าใจว่ามาตรการดังกล่าวทำเพื่อป้องกันหุ้นที่มีการเก็งกำไรเท่านั้น

นอกจากนี้ หุ้นธนาคารพาณิชย์นั้น จะผูกพันกับภาวะเศรษฐกิจที่ขณะนี้มีแนวโน้มที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าเมื่อภาวะเศรษฐกิจดีผลประกอบการก็ดีตามมาด้วย

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us