บสก. เตรียมซื้อหนี้บริหารเพิ่มอีก 5 หมื่นล้านบาท หลังเศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้น
ส่งผลให้ลูกหนี้สามารถจ่ายคืนหนี้สูง ขณะที่ผลงาน 10 เดือนแรกเรียกเก็บหนี้ได้กว่า
4 พันล้านบาท กำไร 1.6 พันล้านบาท ด้านผู้บริหารมั่นใจผลงานปีนี้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้
นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์
จำกัด หรือ บสก. เปิดเผยถึงผลดำเนินงานในช่วงปี 2546 ที่ผ่านมาว่า บสก. สามารถ
เรียกเก็บหนี้จนถึงเดือนตุลาคม ได้จำนวน 4,058.25 ล้านบาท จากเป้าหมายการเรียกเก็บหนี้
ทั้งปีไว้ที่ 4,090 ล้านบาท ซึ่งทำให้ระยะเวลาที่เหลืออีก 2 เดือนจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย
เนื่องจากยอดเรียกเก็บหนี้เฉพาะเดือนพฤศจิกายนจนกระทั่งถึงปัจจุบันมียอดประมาณ
200 กว่าล้านบาท ขณะที่ผลกำไร ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 1,600 ล้านบาท ซึ่งบสก. ได้ตั้งเป้าผลกำไรไว้
1,741 ล้านบาท
ปัจจุบัน บสก. มีทรัพย์สินรอการขายมูลค่า รวมทั้งสิ้นกว่า 10,000 ล้านบาท แยกเป็นทรัพย์ของเดิม
5,000 ล้านบาท และทรัพย์ที่รับซื้อมาเพิ่มเติม 5,000 ล้านบาท และมีพอร์ตหนี้ที่จะต้อง
ดำเนินการอยู่ประมาณ 100,000 ล้านบาท แยกเป็นพอร์ตหนี้เดิม 60,000 ล้านบาท และที่รับซื้อมาใหม่ประมาณ
40,000 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2547 บสก. จะรับซื้อหนี้เสียและทรัพย์สินรอการขายจากระบบธนาคารพาณิชย์เข้ามา
บริหารอีกไม่น้อยกว่า 50,000 ล้านบาท ซึ่งภายในเดือนมกราคม 2547 บสก. จะรับซื้อหนี้จากสถาบันการเงินแห่งหนึ่งจำนวนประมาณ
10,000 ล้านบาท
สำหรับแหล่งเงินที่จะนำมาซื้อหนี้นั้น บสก. อาจจะให้แหล่งเงินทุนจาก 3 ด้านได้แก่
สถาบันการเงิน สภาพคล่องของบสก. ที่มีการสำรองไว้ และจากแหล่งเงินทุนด้านอื่นๆ
ซึ่งได้มองว่าการที่เศรษฐกิจขยายตัวจะเกิดผลกระทบ ในแง่ดี ลูกค้ามีความสามารถในการชำระหนี้สูงขึ้น
ที่ดินและหลักประกันมีราคาสูงขึ้น ทำให้การแก้หนี้และขายทรัพย์ทำได้คล่องมากขึ้น
ก็เป็นช่องทางที่ทำให้บสก. สามารถซื้อหนี้มาบริหารเพื่อให้เกิดกำไรมากขึ้น
นอกจากนี้ตั้งแต่เดือนต.ค.ที่ผ่านมา บสก. ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลัง ให้ทำการขยายขอบเขตของการดำเนินธุรกิจได้
แต่จะต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไข 2 ประการคือ 1.จะต้องไม่เป็นการสร้างภาระเพิ่มเติมให้กับทางการ
และ 2. จะต้องทำการแยกบัญชีเพื่อดูผลงานของแต่ละกองว่ามีผลการบริหารเป็นอย่างไร
และง่ายต่อการแบ่งผลกำไรกับลูกค้า
"เงินที่บสก. บริหารหนี้และจะต้องนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินนั้น
มีจำนวน 41,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ส่งไปแล้วจำนวน 38,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินสดจำนวน
26,000 ล้านบาท และตั๋วเงินจำนวน 12,000 ล้านบาท ซึ่งบสก. จะเหลือเงินที่จะต้องนำส่งอีก
3,000 ล้านบาท" นายบรรยงกล่าว
ในส่วนของหนี้และทรัพย์สินรอการขายที่ซื้อมาจาก บริษัท บริหารสินทรัพย์พญาไท
จำกัด นั้น ปัจจุบันมียอดรับชำระหนี้เป็นเงินสดกว่า 300 ล้านบาท และสามารถเจรจามีข้อยุติแล้วหลายรายและอยู่ระหว่างการเจรจาอีก
366 ราย คิดเป็นมูลค่าหนี้ประมาณ 9,885 ล้านบาท
ด้านการบริหารงานในปีหน้าจะเน้นนโยบาย หลักของบสก. เป็นสำคัญ คือการทำหน้าที่ในการแก้ไขหนี้เสียในระบบการเงินและรับบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย
โดยไม่ได้มุ่งหวังกำไรสูงสุด แต่จะเข้าไปมีส่วนช่วยเหลือสังคม โดยจะต้องไม่เป็นภาระของทางการ
โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการเรียกเก็บหนี้และขายทรัพย์สินเป็นเงินสดรวมทั้งสิ้น
6,500 ล้านบาท โดยเป็นการเรียกเก็บจากกองทรัพย์สินเดิมประมาณ 4,000 ล้านบาท และจากหนี้ที่รับซื้อมาใหม่
2,500 ล้านบาท
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บสก. กล่าวต่อว่า ในวันที่ 20-23 พ.ย. 2546 บสก. จะร่วมออกบูท
ในงานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ ครั้งที่ 11 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยนำทรัพย์สิน
รอการขายทั้งของบสก. เดิมและของสถาบันการเงินและทรัพย์สินจากกรมบังคับคดี ที่รับเข้ามาใหม่รวมมูลค่ากว่า
10,000 ล้านบาท มาจำหน่ายในงานนี้ โดยที่ตั้งเป้าขายในงานนี้ไว้จำนวน 500 ล้านบาท
นอกจากนี้ บสก. ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ เพื่อส่งเสริมการขายมากมาย เช่น เมื่อจองซื้ออสังหาริมทรัพย์ภายในงาน
มูลค่าตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป บสก. จะมอบของสมนาคุณ เช่น ทีวีสี, ตู้เย็น, รถยนต์
Honda Accord และรถยนต์ Benz C Class
"ที่พิเศษสุดอีกประการหนึ่งที่ บสก. จะมอบให้ลูกค้าในการออกบูทครั้งนี้คือ ที่ดินจัดสรรเนื้อที่แปลงละประมาณ
70 ตารางวาขึ้นไป ในโครงการ The Legacy Garden Home รังสิต บสก. นำมาจำหน่ายในราคาลดพิเศษ
50% ของราคาตั้งขาย เฉพาะ 8 ท่านแรกของแต่ละวันเท่านั้น" นายบรรยงกล่าว