ก.ล.ต.เดินหน้าคุม "คุณเน็ต" ยันบอร์ด ก.ล.ต.พิจารณารอบคอบแล้วก่อน ออกมาตรการนี้
ชี้หุ้นหลายตัวขึ้นร้อนแรงโดยไร้ปัจจัยพื้นฐานหนุน แถมให้เวลา ตลท. พิจารณาเรื่องนี้มาพอสมควรแล้ว
ขณะที่ กิตติรัตน์-โบรกเกอร์ประสานเสียงค้านมาตรการ ก.ล.ต.ที่จะให้วางหลักทรัพย์ค้ำประกัน
10% โดยมีผล 1 ธ.ค. ระบุกะทันหันเกินไป ระบบปรับตัวไม่ทัน ขณะที่ช่วงเดือนครึ่งที่ผ่านมา
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิถึงเกือบ 1.5 หมื่นล้านบาท โบรกเกอร์คาดแรงขายต่างชาติเริ่มแผ่ว
นายรพี สุจริตกุล รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ก.ล.ต.) กล่าววานนี้ (16 พ.ย.) ว่า สำนักงาน ก.ล.ต. ยืนยันที่จะใช้มาตรการควบคุมการซื้อขาย
ด้วยระบบหักกลบลบหนี้ภายในวันเดียว (Net Settlement) โดยให้วางหลักทรัพย์ค้ำประกันขั้นต่ำ
10% ของมูลค่าซื้อขายรวมผ่านระบบนี้ ซึ่งจะมีผล 1 ธ.ค. นี้ และเพิ่มเป็น 25% ตั้งแต่วันที่
1 ม.ค. ปีหน้า
รองเลขาธิการ ก.ล.ต.กล่าวว่า คณะกรรมการก.ล.ต.มีมติดังกล่าวเป็นเอกฉันท์เมื่อวันศุกร์
หลังจากพิจารณาแล้วว่า หุ้นหลายตัวราคาพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงช่วงก่อนหน้านี้ โดยไร้ปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน
นอกจากนี้ ก.ล.ต.ได้หารือเรื่องดังกล่าวกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
มาพักใหญ่แล้ว โดยตลท.ยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ กับเรื่องนี้ ทำให้บอร์ด ก.ล.ต.ต้องมี
มติดังกล่าว ซึ่งไม่ถือว่าเป็นการแทรกแซงการทำงานของ ตลท.แต่อย่างใด
"การจะกลับมติดังกล่าว จะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต. ก่อน รวมทั้งต้องมีข้อมูลตัวเลขที่เกี่ยวข้อง
และน่าเชื่อถือ ซึ่งถ้าการใช้มาตรการดังกล่าวดำเนินการ แล้วทำให้ระบบมีปัญหา หรือก่อความเสียหายกับนักลงทุน
สำนักงาน ก.ล.ต. พร้อมรับฟังคำ แต่ขณะนี้เรายังยืนยันจะใช้มาตรการนี้ 100%" นายรพีกล่าว
กิตติรัตน์-โบรกเกอร์โวยกะทันหันเกินไป
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่าการที่
ก.ล.ต.ออกมาตรการดังกล่าว ถือว่าเป็นแนวทางที่ดี และมีประโยชน์ต่อการบริหารความเสี่ยงธุรกิจของอุตสาหกรรมตลาดทุน
แต่เป็นห่วงว่าจะมีปัญหาในทางปฏิบัติ หากเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 ธ.ค. เพราะจะทำให้มีเวลาเตรียมการเพียง
2 สัปดาห์ สำหรับบัญชีกว่า 2 แสนบัญชี
"ความจริง เรื่องการวางหลักประกันสำหรับวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นเรื่องที่ตลาดหลักทรัพย์
สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องรบกวนคณะกรรมการก.ล.ต.ให้มีมติใดๆ ซึ่งก็ได้เตรียมการที่จะหารือกับบริษัทสมาชิก
(โบรกเกอร์) ในฐานะที่เป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงในสัปดาห์นี้ โดยผมจะพยายามประสาน
ให้มีการเลื่อนวันเริ่มใช้ออกไปในความเห็นส่วนตัว ควรจะเริ่มใช้ในช่วงใดช่วงหนึ่งของปีหน้าเป็นอย่างเร็ว
ขอให้ผู้ลงทุนและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายสบายใจ ว่าเรื่องนี้จะมีการพิจารณากันอย่างรอบคอบ
ก่อนจะเริ่มใช้" นายกิตติรัตน์กล่าว
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในเครือกลุ่ม
กิมเอ็งจากสิงคโปร์ เปิดเผยว่า สมาคมบริษัทหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
จะประชุมหารือร่วมกัน วันที่ 18 พ.ย.นี้ กรณีมาตรการควบคุมบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์
Net Settlement นายมนตรีกล่าวว่า การที่สำนักงาน ก.ล.ต.ออกมาตรการป้องกันเก็งกำไร
ถือเป็นสิ่งที่ดี แต่ระยะเวลาที่กำหนดให้ใช้ใน 1 ธ.ค.นี้ กะทันหันเกินไป จึงต้องประชุมหารือกับสมาชิก
เพื่อสรุปผลร่วมกันอีกครั้ง ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
นายเผดิมภพ สงเคราะห์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง กล่าวว่า
เห็นด้วยกับมาตรการที่ก.ล.ต.ประกาศให้วางหลักทรัพย์ ค้ำประกัน สำหรับการเล่นเน็ต
เพราะจะทำให้นักลง ทุนลดการเก็งกำไร และจะพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบและรัดกุม
ขณะที่โบรกเกอร์ลดความเสี่ยงได้ด้วย เพราะที่ผ่านมาปัญหาลูกค้าไม่ชำระค่าหุ้นบ่อยครั้ง มีผลมาจากราคาหุ้นปรับตัวลดลงรุนแรง อย่างไรก็ตาม ทางการควรใช้มาตรการนี้สำหรับหุ้นบางตัวเท่านั้น
เพราะหากใช้เหมารวมทั้งตลาดฯ จะทำให้ลูกค้าที่ดีได้รับผลกระทบด้วย
"เหตุผลที่ออกมาคุมเรื่องเน็ต โดยรวมทั้งตลาดฯ คิดว่าคงเป็นเพราะไม่ต้องการให้มีข้อครหาว่า
ทำไมหุ้นตัวนี้ห้ามเล่นเน็ต ขณะที่หุ้นอีกตัวเล่นเน็ตได้ แต่ในทางกลับกัน การออกมาคุมอย่างนี้
อาจทำให้ลูกค้าที่ดีได้รับผลกระทบไปด้วย โดยส่วนตัวผมเห็นว่าควรห้ามเน็ตเป็นบางตัว
โดยอาจจะให้มีการวางหลักประกันเบื้องต้น 10% แต่หากเก็งกำไรสูงให้วาง 100% เป็นต้น"
นายเผดิมภพกล่าวและว่า ที่ผ่านมาบางโบรกเกอร์ก็ควบคุมการเล่นหุ้นผ่านระบบเน็ตอยู่แล้ว
บางครั้งถึงกับห้ามเล่นมาร์จิ้น หรือให้วางหลักทรัพย์ 20-30%
ต่างชาติขายสุทธิเดือนครึ่งเกือบ 1.5 หมื่นล้าน
การรวบรวมรายงานตัวเลขซื้อขายนักลงทุนราย กลุ่มในตลาดหุ้นไทย ช่วงไตรมาส 4/46
นักลงทุนต่างชาติเทขายสุทธิ ณ 13 พ.ย.ทั้งสิ้น 1.46 หมื่นล้าน บาท เมื่อพิจารณาตั้งแต่
ม.ค.2546 ถึงวันดังกล่าว นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 7,600 ล้านบาท
นายมาริษ ท่าราบ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กล่าวว่าแนวโน้มการซื้อขายของ
นักลงทุนต่างชาติ จะเริ่มชะลอตัว หลังจากเทขายรุนแรงช่วงที่ผ่านมา แรงเทขายที่เกิดขึ้น
จากนักลงทุนต่างชาติที่สามารถทำกำไร เพราะเข้าลงทุนตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปี แถมกำไรอัตราแลกเปลี่ยนอีกต่อ
รวมถึงแรงเทขายมาจากกองทุนต่างชาติที่ต้องปรับพอร์ตการลงทุนช่วงสิ้นปี อย่างไรก็ตาม
พ.ย.และ ธ.ค.เป็นช่วงปกติที่นักลงทุนต่างชาติต้องเทขายหุ้นอยู่แล้ว หากมีปัจจัยดีเข้ามามีบทบาทกับตลาดหุ้น
เช่น การที่หุ้นรัฐวิสาหกิจจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และภาวะตลาดฯ คึกคักขึ้น
ก็มีโอกาสจะทำให้กอง ทุนต่างชาติบางกองทุน ลงทุนตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาปัจจัยพื้นฐานตลาดหุ้นไทย หากภาวะเติบโตเศรษฐกิจไทยขยายตัวปีนี้ได้
6% ขึ้นไป รวมทั้งแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นสูงถึง 7-8% ปีหน้า จะทำให้ความน่าสนใจตลาดหุ้นไทยยังมีอยู่ต่อ
เนื่อง
โดยเฉพาะปี 2547 คาดว่าความสามารถทำกำไร บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์น่าจะไม่ต่ำกว่า
20% จากปีนี้ ซึ่งจะทำให้สัดส่วนราคาหุ้นต่อกำไร (พีอี) เมื่อเทียบกำไรสุทธิ 9
เท่า ซึ่งต่ำเมื่อเทียบตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ ขณะที่ปัจจุบัน ค่าพีอีตลาดหุ้นไทย
11 เท่า