ความยุ่งยากในไทยเซอร์กิต ยังดำเนินต่อไป การผลิตที่นิคมอุตสาหกรรม นวนคร
ยังหยุดนิ่งมาเป็นเวลานานนับปีจนบางคนกล่าวว่า อุปกรณ์และเครื่องจักรที่ใช้ประกอบแผงวงจร
ประกอบสารกึ่งตัวนำหรือที่เรียกกันว่า PRINED CIRCUIT BOARD น่าจะมีสนิมขึ้นเต็มแล้ว
ไทยเซอร์กิต เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจประกอบแผงวงจรสารกึ่งตัวนำ หรือ printed
circuit board เพื่อทดแทนการนำเข้า โดยได้รับการส่งเสริมจาก บีโอไอ เมื่อ3
ปีก่อน บริษัทแห่งนี้เกิดขึ้นจาการส่งเสริมของกลุ่มธุกริจธนสถาปนา( vemnture
capital) อันได้แก่ บริษัทสถาปนาที่มีเฉลียว สุวรรณกิติ เป็นกรรมการผู้จัดการสมัยนั้น
บริษัทแมนิสตี้ ( manistee) และ บริษัทเวนเจอร์ แคปิตอล ที่มีราเกซ สักเสนา
เป็นกรรมการผู้จัดการ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มสามารถร่วมถือหุ้นด้วยส่วนหนึ่ง
แรกตั้งกรรมการไทยเซอร์กิต ต่างหวังกันว่าบริษัทนี้จะสามารถผลิต CB ปีละ
1.2 ล้านตารางฟุตซึ่งทดแทนการนำเข้าได้ส่วนหนึ่งและวางแผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
แต่โครงสร้างผู้ถือหุ้นที่มาจากลุ่มผู้ประกอบธุกริจนอกไลน์ของการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์
ทำให้ปัญหากระบวนการตัดสินใจในการบริหารงานอย่างมาก ตั้งแต่การนำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์และการแก้ปัญหาการผลิตในระยช่วงทดลองและส่งนี้เป็นสาเหตุความยุ่งยากที่ติดตัวเรื่อยมา
ตามปกติอุตสาหกรรมประกอบ CB มีศักยภาพเนื่องจากตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
มีความต้องการใช้เป็นชื้นส่วนพื้นฐานในการผลิตเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด
แม้ว่าทั้งหมดจะอยู่ในรูปการจ้างประกอบตามแบบของผู้ว่าจ้างก็ตาม
การเกิดของไทยเซอร์กิต ในช่วงนั้นมีความเจิรญอิเล็กทรอนิกส์ เกิดขึ้นก่อนหน้าแล้ว
โดยควงเจริญเน้นการรับจ้างประกอบให้บริษัทยักษษ์หลายแห่งเช่นไอบีเอ็ม
ความยุ่งยากของไทยเซอรืกิต ได้รับการแก้ไขหลายครั้ง โดยวิธีสับเปลี่ยนผู้ถือหุ้น
ราเกซขายหุ้นส่วนที่เวนเจอร์แคปิตอล ถืออยู่ประมาณ 15% และส่วนตัวของเขาอีก
ส่วนหนึ่ง แประมาณ 10% รวมเป็น 25% ให้โกศล ไกรฤกาษ์ ในราคา 200 บาท ต่อหุ้น
" หุ้นไทยเซอร์กิตนอกจากตลาดเวลาน้นรแงมากจากราคาพาร์ 100 เป็น 180
ในเวลาสั้น ๆ ทางคุณโกศล ก็คงหวังว่า เมื่อเข้าตลาดแล้วราคาต้องวิ่งไปไกลเกิน
200 เหมือนของควงเจริญที่เคยขึ้นถึง 300 บาท" แหล่งข่าววิเคราะห์การเข้ามาของโกศล
แต่การพูดกันคลภายในบอร์ดรูมของไทยเซอรืกิตยังเหมือนเกิมขณะที่หนี้สินที่กู้มาจากธนาคารกสิกรไทย
ก็พอกพูนขึ้นเรื่ยอ ๆ เนื่องจากไม่มีการผลิตหารายได้มาจ่าย จนปัจจุบันว่ากันว่ามีหนี้พอกพุนส฿งถึง
60 ล้านบาท แล้วขณะที่ บรษัทมีสินทรัพย์เพียง 40 ล้านเท่านั้น
สถานการร์นี้ ไทยเซอร์กิตไม่มีทางออกดีไปกว่าการขายกิจการออกให้คนอื่น
แหล่งข่าวกล่าวว่าคนที่สนใจซื้อเป็นวิศวะงานทวีกลุ่มงานทวีพี่น้องที่เพิ่งจะซื้อไทร์คอมจากยุโรป
มาหมาด ๆ เมื่อมีนาคม ที่ผ่านมา
ศิวะ มีข้อเสนอซื้อไทยเซอร์กิต ว่า เขาต้องการเฉพาะส่วนที่เป็นสินทรพัย์มูลค่า
40 ล้านบาท ส่วนหนี้ 60 ล้าน ขอแปลง สภาพเป็นเงินกู้และใช้คืนให้หมดภายใน
2 ปี
ดูเหมือนกสิกไทย ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่คงไม่มีทางเลือกมากนัก