Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน11 พฤศจิกายน 2546
ดีทแฮล์มขายทิปโก้กรีนที-โออิชิทิปโก้เคลียร์เหตุจับปลาสองมือ             
 


   
search resources

โออิชิ กรุ๊ป, บมจ.
ดีทแฮล์ม (ประเทศไทย), บจก.
ทิปโก้ฟูดส์, บมจ.-TIPCO
Retail




ศึกชาเขียวเปลี่ยนมุม จับตาดีทแฮล์มขายชาเขียวสองแบรนด์ อยู่ในมือ ทั้งโออิชิและทิปโก้ ทั้งที่เป็นคู่แข่งกัน วงในคาดทิปโก้กรีนทีต้องเร่งเคลียร์ กับดีทแฮล์มแน่ โออิชิออกรสชาติใหม่ พร้อมลุยแบบกล่องยูเอชที เผยอีก 4 ปีตลาดชาเขียวพุ่งถึง 27,000 ล้านบาท

แหล่งข่าวจากวงการตลาด กล่าวกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ขณะนี้ทราบมาว่าทาง ผู้บริหารของบริษัท ทิปโก้ฟูดส์ จำกัด เจ้าของชาเขียวยี่ห้อทิปโก้กรีนที อยู่ระหว่างการเจรจากับทางผู้บริหารของบริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายน้ำดื่มผลไม้และชาเขียวยี่ห้อทิปโก้ เกี่ยวกับการดำเนินงานในอนาคตว่าจะทำอย่างไร จากกรณีที่ทางดีทแฮล์มได้เข้าไปเป็นผู้จัดจำหน่ายชาเขียวโออิชิอีกยี่ห้อหนึ่ง

ทั้งนี้ถือว่าดีทแฮล์มกลายเป็นผู้จัดจำหน่ายรายเดียวที่ทำสินค้าคู่แข่งอยู่ในมือ เพราะทั้งโออิชิ กับทิปโก้กรีนทีถือเป็นสินค้าในตลาดกลุ่มเดียวกันอยู่แล้ว การที่มีผู้จัดจำหน่ายรายเดียวทำทั้งสองยี่ห้อไม่น่าจะมีความเหมาะสมแต่อย่างใด เพราะว่าข้อมูลอาจจะมีการรั่วไหลกันได้

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารของดีทแฮล์ม เคยกล่าวไว้ว่า การทำงานจะแยกกันออกเป็นสองทีมอย่างเด็ดขาดไม่มีความเกี่ยวข้องกัน โดยทีมที่ถนนหลวงจะดูแลชาเขียวโออิชิกับ น้ำผลไม้เด็กยี่ห้อเกอร์เบอร์ ส่วนดีทแฮล์มที่ถนนสุขุมวิทจะรับผิดชอบขาเขียวและน้ำผลไม้ยี่ห้อทิปโก้

ขณะที่แหล่งข่าวจาก ทิปโก้ฟูดส์ กล่าวกับ ผู้จัดการรายวันŽ ว่า ทิปโก้กับดีทแฮล์มมีความ สัมพันธ์กันมานานแล้วเป็นผู้จัดจำหน่ายน้ำผลไม้ ทิปโก้ตั้งแต่เริ่มแรกและต่อด้วยชาเขียว ซึ่งขณะนี้ก็ยังจัดจำหน่ายอยู่ อย่างไรก็ตาม การทำโปรโมชั่นมีการแยกกันบ้างเช่น ดีทแฮล์มจะทำร่วม กับค้าปลีกหรือห้างสรรพสินค้า ส่วนบริษัทฯจะทำแล้วแต่กรณีพิเศษเช่นล่าสุดทำกับปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์และบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรส

เมื่อเดือนที่แล้วทิปโก้ได้ออก 2 รสชาติใหม่ คือ เก๊กฮวยกรีนทีและโนซูการ์ พร้อมกับการออก ขนาด 1 ลิตรในรสชาติเก๊กฮวยกับรสชาติเก่าคือ จัสมิน จากเดิมที่มีขนาดเดียวคือ 225 มิลลิลิตร

ส่วนทางด้านยูนิฟกรีนที ล่าสุดได้ออก ชาเขียวนมถั่วเหลือง ซึ่งถือเป็นการเปิดเมนูใหม่แตกต่างจากคู่แข่ง ขายแพกละประมาณ 53 บาท ต่อ 6 กล่องขนาด 180 มิลลิลิตรและยังมีชาเขียว ใส่นมด้วย ซึ่งเป็นรสชาติเดียวกับที่บีทาเก้นเคยวางตลาดแล้ว

นายตัน ภาสกรนที ประธานกรรมการ บริหาร บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทใช้งบลงทุนกว่า 500 ล้านบาท สร้างโรงงาน เพิ่มอีก 1 แห่ง ที่ นวนคร โดยส่วนหนึ่งได้สั่งเครื่องจักรผลิตโออิชิ กรีนที ในรูปแบบยูเอชที 400,000 กล่องต่อเดือน และชนิดขวดทอปฟิวส์ 400,000 ขวดต่อเดือน และจะมีการผลิตแบบซอง ในอนาคตด้วย

การลงทุนในโรงงานดังกล่าวยังเป็นการเพิ่ม กำลังการผลิตให้กับโออิชิกรุ๊ปทุกร้านเพื่อรองรับอัตราการเติบโต และยังสามารถขยายธุรกิจไปสู่ อาหารแช่แข็ง อาหารแช่เย็น และข้าวปั้น ซึ่ง คาดว่าจะดำเนินธุรกิจอย่างเต็มตัวในปีหน้านี้ ในเบื้องต้นวางแผนที่จะจำหน่ายตามร้านค้าสะดวกซื้อทั่วไป

ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวรสชาติใหม่อีก 2 รส ชาติ คือ ชาเขียวรสน้ำผึ้งผสมมะนาว และสูตรไม่มีน้ำตาล จากเดิมที่มีรสต้นตำรับเพียงรสชาติเดียว ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีสินค้า 6 รายการ สำหรับงบในการทำตลาดโออิชิ กรีนที บริษัทวางไว้ที่ 40 ล้านบาทจนถึงไตรมาสสอง พร้อมกันนี้ในปีหน้าจะเพิ่มขนาดเป็นขวดลิตรครึ่ง และ แบบกล่อง 1000 มล. โดยคาดว่ายอดขายชาเขียว โออิชิในสิ้นปีหน้าจะมีถึง 500 ล้านบาท จากปัจจุบันยอดขาย 240 ล้านบาท

"ขณะนี้โรงงานใหม่ยังไม่เสร็จดี ซึ่งหากโรงงานมีความพร้อมเมื่อไหร่ บริษัทจะรุกขยายตลาดชาเขียวโออิชิไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยจะกลับไปเจรจากับผู้ประกอบการในจีนและผู้ประกอบการรายอื่นๆเพิ่มอีก ทั้งนี้ก่อนหน้านี้บริษัทเคยจะไปลงทุนในประเทศจีนมาก่อนแต่หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส ทำให้ต้องมีการชะลอแผนไปก่อน" นายตัน กล่าว

สำหรับตลาดชาเขียวในประเทศไทยมีแนวโน้มการเติบโตค่อนข้างสูง จากเมื่อปีที่ผ่านมาตลาดชาเขียวมีมูลค่า 400 ล้านบาท และในปีนี้มูลค่าตลาด 1,400 ล้านบาท และคาดว่าอีก 4 ปี ข้างหน้านี้มูลค่าตลาดชาจะเพิ่มขึ้นถึง 27,000 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด ส่วนปัจจุบันตลาดชาเขียวมียูนิฟเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 65% ทิปโก้ 10% และอื่น 25%

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us