Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน7 พฤศจิกายน 2546
"BT"ฟุ้งบริหารกองทุนฯเจ๋งเพิมสินทรัพย์-ผลตอบแทน             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารไทยธนาคาร

   
search resources

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ธนาคารไทยธนาคาร, บมจ.
ปูนซิเมนต์ไทย, บมจ.
พิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา
Cash Management




ไทยธนาคารโชว์บริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้ผลตอบแทนสูงถึง 13.4% จากมูลค่ากองทุนทั้งหมดในพอร์ต 3.08 หมื่นล้าน บาท และเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 14 % ด้านสำนักวิจัยและวางแผน ชี้การลอยตัวค่าเงินหยวนจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดเศรษฐกิจแบบฟองสบู่ในจีน ขณะเดียว กันจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคสะดุดลงด้วย

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยธนาคาร จำกัด เปิดเผย ถึงการดำเนินธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปี 2546 ว่าจากข้อมูลแสดงการจัดการกองทุนแยกตามรายบริษัทจัดการปี 2546 ของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ซึ่งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่จดทะเบียน ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2546 มีมูลค่าทั้งสิ้น 271,397.67 ล้านบาทนั้น ธนาคารไทยธนาคารมีจำนวนเงินกองทุนทั้งสิ้น 30,852.14 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาดคิดเป็น 11.37% ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นมาตลอดระยะเวลา 9 เดือนที่ผ่านมา

"ธนาคารสามารถบริหารกองทุนให้ได้ผลตอบแทน ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 สูงถึง 13.4% เมื่อเทียบ จากปีที่แล้วอยู่ที่ 8-10% โดยกองทุน ที่มีผลตอบแทนสูงสุดอยู่ในระดับ 17-18% จากกองทุนทั้งหมดที่ธนาคารบริหาร 50 กองทุน สำหรับ บริษัทนายจ้างที่ธนาคารรับบริหารกองทุนให้จำนวน 600 ราย ซึ่งมีลูกจ้างที่เป็นสมาชิกในกองทุนจำนวน 100,000 ราย"

ทั้งนี้ จากผลประกอบการในการบริหารเงินกองทุนให้แก่ลูกค้า โดยไม่มีการรับโอนย้ายกองทุนเพิ่ม ขึ้นในระหว่างปี จะเห็นได้ว่าไทยธนาคารเป็นธนาคารที่สามารถเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV)ได้สูงสุดในกลุ่มบริษัทจัดการกองทุน 10 อันดับแรก หรือในกลุ่มบริษัทจัดการกองทุนที่มีกองทุนอยู่ในความดูแลสูงกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท ด้วยกัน โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นของ NAV สูงถึง 14% เมื่อเทียบกับอัตราการเพิ่มขึ้นของตลาดโดยรวม อยู่ที่ประมาณ 10%

นายพิศิษฐ์ กล่าวต่อว่า แนวโน้มในการบริหารกองทุนปีหน้า จะเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิมมาก กว่าการขยายพอร์ตลูกค้า เนื่องจาก เม็ดเงินของลูกค้ามีปริมาณเพิ่มมาก ขึ้น ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องเพิ่มปริมาณลูกค้าใหม่อีก แต่ถ้าหากมีลูกค้าเข้ามาขอใช้บริการเพิ่ม ธนาคารยินดีที่จะบริหารกองทุนให้ นอกจากนี้ธนาคารคาดว่าจะมีลูกค้าจดทะเบียนในกองทุน เข้าระบบเพิ่มมากขึ้น แต่คงเป็นปริมาณที่ไม่สูงนักสำหรับลูกค้ากองทุนที่ธนาคารบริหารให้นั้น

ในส่วนของบริษัทเอกชนที่มีเม็ดเงินมากที่สุดได้แก่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) และถือว่าเป็นบริษัทในกลุ่มเอกชนที่มีมูลค่ากองทุนมากที่สุดในตลาด ซึ่ง มีจำนวนถึง 10,000 ล้านบาท สำหรับรัฐวิสาหกิจที่เป็นลูกค้าของธนาคารที่มีขนาดกองทุนใหญ่ที่สุด คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต หรือ กฟผ. มีจำนวนกองทุน 24,000 ล้านบาท

แต่ในส่วนของธนาคารได้รับบริหาร เพียง 50% หรือคิดเป็น 12,000 ล้านบาท

"สัดส่วนในการลงทุนแต่เดิม นั้นการลงทุนในตราสารหนี้สูงถึง 90% แต่ปัจจุบันเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น จึงเพิ่มสัดส่วนในการลงทุนในตราสารทุนเป็น 17% แต่ทั้งนี้ ต้องออกแบบการลงทุนเพื่อนำเสนอลูกค้าสำหรับให้การตัดสินใจในการลงทุน และพร้อมที่จะยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนในตราสารทุนดังกล่าว" นายพิศิษฐ์ กล่าวในตอนท้าย

ไทยธนาคารชี้ลอยตัวเงินหยวนผลักดันให้เกิดเศรษฐกิจฟองสบู่

สำนักวิจัย และวางแผน ธนาคารไทยธนาคาร ได้ทำการวิเคราะห์เรื่อง "สหรัฐฯ-จีน : ดุล การค้าและแรงกดดันต่อค่าเงินหยวน" ว่า การลอยตัวค่าเงินหยวน จะทำให้เงินหยวนแข็งค่าและจะส่งผลกระทบหลายประการต่อเศรษฐกิจ จีนและภูมิภาค คือ มูลค่าการส่งออกของจีนจะลดลง อัตราการว่างงานจะเพิ่มสูงขึ้น ภาคการเงินการธนาคารที่อ่อนแอจะมีปัญหามากขึ้น การดำเนินนโยบายในการบริหารประเทศเป็นไปอย่างลำบาก

ขณะที่ระดับราคาสินค้าและบริการโดยรวมปรับตัวสูงขึ้น ส่งผล กระทบต่อเสถียรภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การไหลเข้าของเงินทุนระยะสั้นจะทำให้จีนมีปัญหาด้าน การจัดการปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ และเป็นปัจจัยเร่งให้เกิด เศรษฐกิจฟองสบู่ หรือเร่งให้ฟองสบู่แตกเร็วขึ้นอย่างที่เคยเกิดกับญี่ปุ่น ดุลการค้าของประเทศเอเชีย จะชะลอตัวลง ส่งผลกระทบต่อภาค การผลิตทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในภูมิภาคสะดุด สำนักวิจัยฯ จึงมองว่าไม่ควรจะมีการปรับเปลี่ยนใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอย ตัวในช่วง 1-2 ปีข้างหน้านี้

สำนักวิจัยฯ ประเมินว่า การขยายช่วงการเคลื่อนไหวของเงินหยวนเพื่อให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นมีความเป็นไปได้ การขึ้นค่าเงินหยวนและการลอยค่าเงินหยวนให้เปลี่ยนแปลงเสรีตามกลไกตลาดยังคงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก สหรัฐฯ จะยังคงกดดันให้จีนลอยค่าเงินต่อ ไปจนกระทั่งช่วงเลือกตั้งปีหน้า

"การลอยตัวของค่าเงินหยวน จะส่งผลให้ค่าเงินภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มแข็งค่าและผันผวนมากขึ้น ธนาคารกลางประเทศเอเชียจะเข้าแทรกแซงเพื่อไม่ให้ค่าเงินแข็งค่าเร็ว เกินไป ธนาคารกลางในบางประเทศ อาจจะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อพยุงค่าเงินแรงกดดันต่อการสะสมทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งเกิดจากการเข้าแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนประเทศในเอเชียทั้งจาก สหรัฐฯ และกองทุนการเงินระหว่าง ประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จะเพิ่มขึ้น"

ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯไตรมาสที่ 3 ขยายตัวร้อยละ 7.2 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 นั้น หมาย ความว่า คนอเมริกันจับจ่ายใช้สอย เพิ่มขึ้น อาจจะส่งผลให้สหรัฐฯขาด ดุลการค้ากับจีนเพิ่มขึ้นเกินกว่าที่คาด

สำหรับไทย คาดว่า เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการแทรกแซงตลาดเพื่อพยุงค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าขึ้น เร็วจนเกินไปจนส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก ขณะที่ภาคส่งออก จะต้องติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด ต้องเร่งปรับตัวเพื่อลดความเสี่ยงทางด้านการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากการแข่งขันที่จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นและยังต้องศึกษาเครื่องมือทางการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยง

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us