Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน7 พฤศจิกายน 2546
PDระดมทุนขายหุ้นIPOใช้ขยายงาน             
 


   
search resources

แอสเซท พลัส, บล.
ตลาดหลักทรัพย์ใหม่ - MAI
แพค เดลต้า, บมจ.
สรสินธุ ไตรจักรภพ
Stock Exchange




แพคเดลต้าเพิ่ม ทุนจาก 30 ล้านบาท เป็น 40 ล้าน บาท คาดกำหนดราคาขายได้วันที่ 12 พ.ย. และเปิดจอง 17-18 เดือน เดียวกันก่อนเข้าเทรดในตลาด MAI 1 ธ.ค.นี้ โดยเงินที่ได้จะนำ ไปใช้ซื้อเครื่องจักร ชำระหนี้และใช้เป็นทุนหมุนเวียน

นายสรสินธุ ไตรจักรภพ ประธานกรรมการ บริษัทแพคเดล ต้า จำกัด(มหาชน) (PD) กล่าวว่า บริษัทจะทำการขายเพิ่มทุนจาก 30 ล้านบาท เป็น 40 ล้านบาท โดยการ เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชน ทั่วไป (IPO) จำนวน 10 ล้านบาท พาร์ละ 1 บาท หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จะเสนอขาย และจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ใหม่(MAI) ในเดือนธันวาคมนี้

โดยมีบริษัทหลักทรัพย์แอสเซท พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ขณะอยู่ในระหว่างการศึกษาถึงการกำหนดราคาขายหุ้นของบริษัท คาดว่าจะกำหนดราคาขายได้วันที่ 12 พฤศจิกายน และเปิดให้นักลงทุนจองซื้อ 17-18 พฤศจิกายน ก่อนจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด MAI วันที่ 1 ธันวาคมปีนี้ โดย นายธงชัย อำไพกุลวัฒนา และกลุ่มศรีเทพไทยจะลดสัดส่วนถือหุ้นลงจาก 81% เหลือ 60.75%

สำหรับหุ้นเพิ่มทุนนั้นจะกันไว้ให้กับสถาบัน การเงิน 20-30% รวมทั้งให้กับพาร์ตเนอร์ในการทำธุรกิจคือ MAUSER Mashchinetechink Gmbh (MAUSER) จากเยอรมัน ซึ่งเป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยีการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง และเป็นที่ยอมรับกันกว้างขวาง ซึ่งแพคเดลต้าก็ใช้เทคโนโลยีจากบริษัทดังกล่าวด้วย ซึ่งหุ้นส่วนนี้ กันไว้ประมาณ 2 แสนหุ้น ส่วนที่เหลือขายให้ประชาชนทั่วไป และในอนาคตหาก MAUSER ต้องการเข้ามาถือหุ้นในแพคเดลต้า แต่ต้องดูความเหมาะสมอีกครั้ง

นายสรสินธุกล่าวต่อไปว่า เงินที่ได้จะนำไป ซื้อเครื่องจักร และอุปกรณ์ในการเพิ่มกำลังผลิต ใช้ชำระหนี้เงินกู้คืนและเพื่อสำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งบริษัทได้ซื้อเครื่องจักรเพิ่มในการเปิดไลน์การผลิตถังพลาสติกเพิ่มขึ้น และบริษัท ยังใช้ไลเซนส์ในการผลิตถังแต่ละประเภทจาก MAUSER ด้วย โดยมีสัญญาถึงปี 2554

ปัจจุบัน ตลาดมีความต้องการถังพลาสติก หรือบรรจุภัณฑ์ขนาดต่าง ๆ ทั้ง 200 ลิตร 120 ลิตร 20 ลิตรและ 30 ลิตร โดยถังขนาด 200 ลิตรถือเป็นสินค้าที่สร้างรายได้ให้กับแพคเดลต้า เป็นหลัก และยังเป็นตัวที่มีมาร์จิ้นสูงสุดในบรรดา สินค้าทุกประเภท ขณะที่ถังพลาสติกขนาด 200 ลิตรประเภท L-Ring ที่ผลิตอยู่นั้นไม่มีคู่แข่งขัน ซึ่งใช้ในการบรรจุวัตถุเคมีอันตราย

ทั้งนี้ ถังพลาสติกขนาด 20 และ 30 ลิตร ตลาดมีความต้องการสูงทั้งในภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือน เพราะสะดวกในการขนย้าย แม้ปัจจุบันจะมีผู้ผลิตมากราย แต่ด้วยคุณภาพที่ได้มาตรฐานต่างจากผู้ผลิตรายอื่น ทำให้สินค้าของแพคเดลต้า ขายได้นำหน้าคู่แข่ง

อย่างไรก็ตาม การขยายไลน์การผลิตเพิ่มจาก 2 ไลน์การผลิตเป็น 4 ไลน์ผลิตนั้น บริษัทมุ่งที่จะผลิตถังพลาสติกขนาด 30-40 ลิตร ให้กำลังการผลิตเพิ่มจาก 9 แสนถังต่อปี เป็น 1.26 ล้านถังต่อปีในปี 2547 และเน้นให้ได้มาตรฐานขององค์การสหประชาชาติ(UN) ที่ต้องการให้การ ขนส่งสารเคมีจากประเทศหนึ่งไปยังประเทศหนึ่ง มีการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดจากสารเคมีที่บรรจุอยู่ในถังรั่วไหลออกมา พร้อมกับการผลิตถังขนาด 120 ลิตร แบบ Open Top เพิ่มจากเดิม

นายสรสินธุกล่าวว่า แพคเดลต้า มุ่งมั่นที่จะผลิตสินค้าที่มีมาตรฐานและสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ และการเติบโตของบริษัทจะอิง กับการซื้อขายสินค้าที่เป็นเคมีคุณภาพสูงและราคาแพงเท่านั้น ที่สำคัญรัฐโดยกรมควบคุมมลพิษอยู่ในระหว่างการทำรายละเอียดเพื่อกำหนดเป็นข้อกฎหมายให้ผู้ประกอบการใช้ถังพลาสติกที่มีคุณภาพ เพราะปัจจุบันมีการใช้ถังที่คุณภาพต่ำไม่ได้มาตรฐานและเพื่อให้สอดคล้อง กับมาตรฐานของ UN ด้วย และหากมีกฎหมายนี้ออกมาจะส่งผลต่อรายได้ของบริษัทอย่างมาก

ปัจจุบัน แพคเดลต้า ส่งบรรจุภัณฑ์ให้กับลูกค้ากลุ่มประเทศเพื่อนบ้านคือ เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยแบ่งสัดส่วนการส่งออกและขายในประเทศ 50 ต่อ 50 และรายได้ของบริษัทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพบว่า (2544-ครึ่ง แรกปี 2546) บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 79.26 ล้านบาท 71.87 ล้านบาทและ 74.75 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 21.4 ล้านบาท 57.73 ล้านบาทและ 33.77 ล้านบาท ที่ผ่านมาบริษัทจ่าย เงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นมากกว่า 80% และหลังนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI แล้ว บริษัทมีนโยบายจ่ายไม่ต่ำกว่า 50% ให้กับผู้ถือหุ้น ขณะที่อัตราการเติบโตของรายได้และกำไรบริษัทยังคงเติบโตที่ระดับ 10%

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us