Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2529








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2529
กว่าหนึ่งปีที่สุวัฒน์อยู่อย่างโดดเดี่ยวและขมขื่น             
 


   
www resources

โฮมเพจ โกดัก (ประเทศไทย)

   
search resources

Kodak
สุวัฒน์ แดงพิบูลย์สกุล
Law




สุวัฒน์ แดงพิบูลย์สกุล ดำเนินคดีฟ้องร้องบริษัทโกดัก (ประเทศไทย) และฝ่ายบริหารรวม 4 รายเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2528 เป็นคดีแรก จากนั้นเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2529 ก็ยื่นฟ้องคดีอาญาข้อหาปลอมแปลงเอกสารเป็นคดีที่สอง ซึ่งก็เป็นผลสืบเนื่องจากคดีแรก และวันที่ 28 มีนาคม 2529 โกดัก (ประเทศไทย) มีหนังสือเลิกจ้างสุวัฒน์

ระหว่างวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2528 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2529 หรือกว่าหนึ่งปีนี้ สำหรับสุวัฒน์แล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่เขาคงจะลืมไม่ลงไปอีกนานแสนนานทีเดียว

พนักงานโกดักได้รับคำบอกเล่ากันจากปากต่อปากว่าการที่สุวัฒน์นำเรื่องของเขามาฟ้องร้องเป็นคดีความต่อศาลแรงงานกลางนั้น ทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทโกดักเสียหายมากอาจจะถึงขั้นทำให้การดำเนินธุรกิจไม่ดีเหมือนที่เคย นอกจากนี้บริษัทโกดักก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสู้คดีเป็นจำนวนเงินมากๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นเหตุให้ฐานะของบริษัทตกต่ำลง อาจจะสะเทือนถึงความมั่นคงของพนักงานทุกๆ คนได้

สุวัฒน์ในสายตาเพื่อนร่วมงานทั่วๆ ไปก็เลยช่วยไม่ได้ที่จะต้องกลายเป็นสุวัฒน์ที่พนักงานส่วนใหญ่รู้สึกเกลียดชังขึ้นมาทันที เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่อนาคตของเพื่อนร่วมงานตาดำๆ นับร้อยชีวิตที่ถ้าหากทุกคนมีอันตกงานแล้วก็คงจะกระเทือนไปถึงครอบครัวของเพื่อนร่วมงานเหล่านี้ด้วย

กับเพื่อนร่วมงานบางคนที่เคยสนิทสนมกันมาก่อนก็ทำตัวห่างเหินในทันทีที่คดีถึงศาลอีกเหมือนกัน เพราะหากขืนยังพูดคุยกับสุวัฒน์อยู่ก็เกรงว่าคำพูดคุยนั้นจะถูกนำไปใช้ประโยชน์ในศาลหรือก็คงกลัวบรรดา “นาย ๆ” จะเหม็นหน้าตามไปด้วยก็เป็นได้

นับเป็นการสิ้นสุดการพูดคุยกันอย่างสิ้นเชิง แม้แต่สบตาด้วยก็ไม่กล้า

ทั้งที่ก็ไม่มีเพื่อนร่วมงานคนใดที่ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในศาล

ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า โกดักมีวิธีการบ่มเพาะพนักงานกันอย่างไร จึงได้คับแคบกันขนาดนี้

สภาพที่ต้องนั่งทำงานอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางบรรยากาศแห่งความเกลียดชัง ดูถูก โกรธแค้นและหวาดระแวงตลอดเวลาก็เลยต้องเป็นสภาพที่บีบคั้นจิตใจกันอย่างรุนแรงที่สุวัฒน์หลีกไม่พ้น

ว่าไปแล้วสุวัฒน์ก็อยู่ในสภาพที่ต้องสู้อย่าง “สุนัขจนตรอก” นั่นแหละ

ส่วนทางด้านบรรดา “นาย” ทั้งหลายก็ยิ่งหนักเข้าไปอีก

ภายหลังการให้ปากคำในศาลว่า ตัวสุวัฒน์เองยังต้องทำหน้าที่ขายสินค้าเหมือนเช่นเมื่อ 15 ปีก่อนขณะเริ่มทำงานกับโกดักใหม่ๆ กานต์ โกสินทรกุล “นาย” โดยตรงของสุวัฒน์ในฐานะผู้จัดการฝ่ายฯ ก็ได้สั่งเป็นคำพูดไม่ให้สุวัฒน์ติดต่อกับลูกค้าหรือขายสินค้าตามที่เคยสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรให้ทำหน้าที่ขายเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2528 ทันที โดยไม่ได้มีการสั่งยกเลิกคำสั่งเดิมเป็นลายลักษณ์อักษรให้ชัดเจน

ซึ่งในเมื่อสุวัฒน์ไม่ได้ทำงานตามที่สั่งเป็นลายลักษณ์อักษรให้ทำ สุวัฒน์ก็จะต้องกลายเป็นพนักงานที่ไม่มีผลงานและเมื่อไม่มีผลงาน ก็คงไม่มีใครอยากจะจ้างไว้กินเงินเดือนฟรีๆ แน่

หรือเมื่อสุวัฒน์ได้ให้การในศาลว่า กานต์ โกสินทรกุล นั้นไม่มีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์มาก่อน (แต่กลับได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการขายผลิตภัณฑ์ทางด้านนี้รวมอยู่ด้วย) กานต์ก็ยุติการถามความรู้ดังกล่าวจากสุวัฒน์ ให้แต่บุคคลอื่นที่ทำหน้าที่ขายมาถามแทนโดยไม่ให้พูดว่ากานต์สั่งให้มาถาม ดังนี้เป็นต้น

นอกจากนี้ก็มีการมอบหมายงานให้สุวัฒน์ทำในลักษณะที่ไม่ว่าใครก็คงทำไม่ได้ถ้าอยู่ภายใต้สภาพเดียวกันกับสุวัฒน์

อย่างเช่น “โครงการบริการทำบัตรประจำตัวประชาชน (I.D. PHOTO PROJECT)” ซึ่งกานต์อยากให้สุวัฒน์ศึกษาดูว่าจะนำมาเป็นธุรกิจสู่ตลาดได้หรือไม่ กานต์มอบเอกสารภาษาต่างประเทศหนา 159 หน้าให้กับสุวัฒน์ เป็นเรื่องราวที่ใช้ในต่างประเทศทั้งสิ้น ไม่มีข้อมูลอื่นๆ หรืองบประมาณในการศึกษาวิเคราะห์ความเป็นไปได้แต่อย่างใด

เมื่อสุวัฒน์ได้อ่านและศึกษาดูแล้ว ก็เห็นว่าจะต้องมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกเพื่อให้ได้คำตอบที่ไม่ผิดพลาด ก็เลยเขียนสอบถามไปที่กานต์ แต่กลับถูกตำหนิอย่างรุนแรงว่า ไม่ทำงานและไม่รู้จักแยกแยะงานในปัจจุบันให้ถูกต้อง

สุวัฒน์นั้นก็ทราบอยู่เต็มอกว่า โครงการนี้ได้โอนความรับผิดชอบไปอยู่กับแผนกอื่นแล้ว และเมื่อโอนไปอยู่แผนกอื่นแล้ว ก็ได้มีการมอบหมายให้พนักงานที่ชื่อวิชิต พงษ์ศรีเยี่ยม เป็นผู้รับผิดชอบโครงการซึ่งโกดักก็ได้ส่งวิชิตไปฝึกอบรมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับโครงการทันทีที่ต่างประเทศ อีกทั้งยังมีแผนกวิเคราะห์ของโกดักได้ทำการศึกษาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางธุรกิจให้เรียบร้อย

แต่ก็แปลกมากที่กานต์ยังอุตส่าห์มอบหมายงานชิ้นนี้ให้สุวัฒน์ทำ

เช่นเดียวกับที่กานต์อยากให้สุวัฒน์แปลแค็ตตาล็อกภาษาอังกฤษหนึ่งเล่มให้เป็นภาษาไทย ทั้งที่สุวัฒน์เองไม่ใช่นักภาษาศาสตร์และโกดักก็มีแหล่งงานนี้ประจำอยู่แล้ว

สุวัฒน์ไม่เข้าใจอย่างยิ่งว่ากานต์มีเจตนาอะไร?

เฉพาะอย่างยิ่งกับผู้จัดการใหญ่-เจ ซี สมิธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายจัดการ-ลาฟาเอล เดอ ลา เวก้า หรือแม้กระทั่งผู้จัดการแผนกพนักงานสัมพันธ์-รชนี วนกุล เรื่องทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสุวัฒน์ ไม่ก็มีสุวัฒน์เกี่ยวข้องแล้ว เรื่องเล็กๆ ก็มักจะต้องกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตายทุกเรื่อง

การตำหนิติเตียนและการคาดโทษสุวัฒน์เกิดขึ้นถี่เป็นพิเศษ

และหนังสือตำหนิติเตียนที่มีมาถึงสุวัฒน์เกือบทุกวันจนหนาเป็นปึกๆ นั้น หลายฉบับถูกสั่งเข้าเก็บในทะเบียนประวัติพนักงานเพื่อจะได้ใช้เป็นหลักฐานพิจารณาลงโทษกันต่อไป

ด้านสุวัฒน์เองก็มีหนังสือชี้แจงกลับไปทุกเรื่องซึ่งถ้าใครได้อ่านเนื้อหาการ “เขียนจดหมายรัก” ตอบโต้กันระหว่างฝ่ายบริหารกับสุวัฒน์ในช่วงปีกว่าๆ มานี้ก็น่าจะได้ข้อสรุปที่ตรงกันว่า

“ยังทำงานอยู่ได้โดยไม่บ้าไปเสียก่อนก็เก่งเกินมนุษย์แล้ว”

ที่จริงสุวัฒน์ก็เป็นมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งนี่เอง แต่คงด้วยความเชื่อมั่นว่าเมื่อเป็นฝ่ายถูกต้องแล้ว ก็คงไม่ต้องไปเกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม ถึงที่สุดแล้วคนอย่างเขาก็คงต้องใช้ชีวิตอย่างเงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน

ยอมลาออกตามแรงบีบเพราะผลด้านจิตวิทยาเสียอีกที่เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะทำ

แน่นอนที่สุด...สำหรับการเลิกจ้างสุวัฒน์ไปได้เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2529 หลังจากพยายามกดดันกันมาตลอดปีกว่าๆ นี้ โกดักอาจจะมองว่าเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สามารถตัดไม้ข่มนามลงอย่างราบคาบ

แต่สำหรับสุวัฒน์ เขาก็คงจะคิดเป็นอื่นไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ชัยชนะของเขาเหมือนกัน

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us