โฟร์โมสต์ประกาศทิศทางการทำตลาดครั้งใหญ่รอบ 40 ปี ทิ้งแนวทำตลาดแบบเดิม "ชีวิตมีพลัง"
ชูแนวคิดการทำตลาดใกล้ชิดผู้บริโภค"Nutrition for Vitality" คุณค่าโภชนาการเพื่อความสดใสแข็งแรง
มีชีวิตชีวา หวังสร้างความแตกต่าง คู่แข่ง ประเดิมปรับไทยเป็นประเทศแรกโปรยงบกว่า
100 ล้าน บาท มั่นใจ 2 ปี ปรับเสร็จ พร้อมเล็งมาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนามรายต่อไป
สิ้นปีโกยรายได้ 7,000 ล้านบาท ครองส่วนแบ่ง 50%
นายเอียน เกียร์ริ่ง กรรมการ ผู้จัดการ บมจ.โฟร์โมสต์ ฟรีสแลนด์ (ประเทศไทย)
ผู้ผลิตและจำหน่ายนมยูเอชทีโฟร์โมสต์ นมเปรี้ยวโยโมสต์ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทมีนโยบายปรับตำแหน่งการทำตลาดใหม่ทั้งหมด
หลังจากที่ดำเนินธุรกิจในไทยมานานกว่า 40 ปี หรือกว่า 4 ทศวรรษ โดยการปรับในครั้งนี้จะมีการปรับตั้งแต่แนวคิดการทำตลาดแบบเดิมที่บริษัทชูในเรื่อง
"ชีวิตเต็มพลัง" มาเป็นแนวคิดใหม่ "Nutrition for Vitality"
คุณค่าโภชนาการ เพื่อความสดใส แข็งแรง มีชีวิตชีวา ซึ่ง การปรับในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นผลิต
ภัณฑ์นมที่มีคุณค่าทางโภชนาการเท่านั้น แต่ยังให้ในเรื่องของความสดใส แข็งแรงมีชีวิตชีวา
ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างความแตกต่างกับคู่แข่ง และเป็นแบรนด์แรกของผลิตภัณฑ์นมที่หันมาทำตลาดใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากขึ้น
พร้อมกันนี้ บริษัท ยังได้ออกแบบบรรจุภัณฑ์ รวมทั้งโลโก้โฟร์โมสต์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น
ประกอบด้วยสัญลักษณ์ รูปร่างกลมและแถบสีน้ำเงินยี่ห้อโฟร์โมสต์ น้ำนมรูปตัววี และพื้นสีฟ้า
ทำให้แพกเกจจิ้งมีความสดใส แข็งแรง มีชีวิตชีวา โดยสัญลักษณ์ใหม่นี้จะปรากฏบนบรรจุภัณฑ์ควบคู่กับชื่อผลิตภัณฑ์
เพื่อตอกย้ำการรับรู้และสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าของ ผู้บริโภค ทั้งนี้การปรับบรรจุภัณฑ์จะเริ่มเพียง
3 ผลิตภัณฑ์ก่อนได้แก่ ผลิตภัณฑ์นมโฟร์โมสต์นมยูเอชที ผลิตภัณฑ์นมโฟร์โมสต์พาสเจอร์ไรส์
และผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยว พร้อมดื่มยูเอชทีโยโมสต์ จากนั้นจะเริ่มทยอยปรับผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นๆ
ได้แก่ โยเกิร์ต เป็นต้น
บริษัทยังคงเน้นสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ โดยจะนำการวิจัยผู้บริโภคมาเป็นปัจจัยสำคัญในการวิจัยและพัฒนา
และตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ต้องการของผู้บริโภค ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการบริโภคได้มากที่สุด
นายเอียนกล่าว
สำหรับการปรับผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ โฟร์โมสต์ในครั้งนี้ จะเริ่มต้นจาก 4 ประเทศที่สร้างรายได้หลักให้แก่บริษัทในเอเชียภาคตะวันออกเฉียงใต้
ได้แก่ ประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ตามลำดับ โดยเริ่มปรับที่ประเทศไทยเป็นประเทศแรก
ซึ่งใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาปรับ เสร็จทั้งหมด 1-2 ปีข้างหน้านี้
จากนั้นจะทยอยปรับไปยังประเทศอื่นๆ ตามลำดับ รวมถึงการปรับผลิตภัณฑ์โฟรโมสต์ในประเทศจีน
ฮ่องกง และสิงคโปร์ต่อไป
นายเอียน กล่าวต่อถึงกลยุทธ์การสร้างตรา สินค้าและการรับรู้นั้นในการปรับผลิตภัณฑ์โฟร์โมสต์ว่า
บริษัทจะเปิดแคมเปญชุด "Get ready for life! เตรียมพร้อมกับชีวิต" ซึ่งให้บริษัทลีโอเบอร์เนทท์
เป็นผู้รับผิดชอบหนังโฆษณาดังกล่าวจะมีความยาว 60 วินาที โดยเริ่ม ต้นจากกลุ่มผลิตภัณฑ์นมสดโฟร์โมสต์ยูเอชที
และพาสเจอร์ไรส์ เป็นตัวนำร่องภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่จะเริ่มออกอากาศทางโทรทัศน์
และในสื่อหนังสือพิมพ์ รถไฟฟ้าบีทีเอส ในเดือน พฤศจิกายนนี้ เพื่อสร้างการรับรู้ถึงการเปลี่ยน
แปลงครั้งใหญ่ของโฟร์โมสต์
"เป้าหมายของการปรับครั้งใหญ่ของโฟร์โมสต์ไม่เพียงการปรับเพื่อหน้าตาเท่านั้น
แต่เป็นการปรับรากฐานของแบรนด์ให้แตกต่างจากคู่แข่ง และสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้แข็งแกร่งและปรับแนวทางการทำตลาดให้เข้าใกล้ผู้บริโภคมากขึ้น
รวมถึงการขยายกลุ่มเป้าหมายให้กว้างมากขึ้น จากที่ผ่านมากลุ่มเป้าหมาย หลักของโฟร์โมสต์จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นมาสู่ครอบ
ครัวสมัยใหม่มากขึ้น" นายเอียน กล่าว
สำหรับแนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์นมพร้อม ดื่มในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 5% จากมูลค่าตลาดรวม
20,000 ล้านบาท โดยพบว่าตลาดนมพาสเจอร์ไรส์ซึ่งมีมูลค่า 1,000 ล้านบาท เป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด
เนื่องจากคนไทยเริ่มมีความรู้และหันมาดื่มนมที่ให้คุณค่า ทางโภชนาการมากกว่านมยูเอชทีซึ่งมีมูลค่า
5,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม พบว่าตลาดนมพร้อมดื่ม จะเติบโตตามคุณภาพชีวิตของแต่ละประเทศ
ซึ่งประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีอัตราการดื่มนมพาสเจอร์ไรส์มากกว่า ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาจะดื่มนมยูเอชที
โดยปัจจุบันพฤติกรรมการดื่มนมของคนประเทศไทยและมาเลเซียมีอัตราที่เท่ากัน ขณะที่อินโดนีเซียมีพฤติกรรมการดื่มนมที่น้อยกว่า
นายเอียนกล่าวอีกว่า ผลประกอบการในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าจะมีรายได้ 7,000 ล้านบาท
โดยมีอัตราการเติบโตมากกว่าตลาด ซึ่งปัจจุบันนมโฟร์ โมสต์ยูเอชทีครองส่วนแบ่งตลาด
50% จากมูลค่า ตลาด 5,000 ล้านบาท ขณะที่นมเปรี้ยวโยโมสต์มีส่วนแบ่งเป็นอันดับสองรองจากดัชมิลล์