Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน28 ตุลาคม 2546
โบรกฯใหม่ส้มหล่นกระทิงดุAST-ASSETกำไรพุ่ง             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกรุงเทพ
โฮมเพจ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

   
search resources

แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, บมจ.
แอสเซท พลัส, บล.
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ธนาคารกรุงเทพ, บมจ.
หลักทรัพย์ ไซรัส, บล.
โกลเบล็ก, บล.
เอบีเอ็น แอมโร เอเซีย
ก้องเกียรติ โอภาสวงการ
ชาติศิริ โสภณพนิช
อนันต์ อัศวโภคิน
จิรวัฒน์ ลิ้วประเสริฐ
อุดมศักดิ์ ชาครียวณิชย์
สมภพ กีระสุนทรพงษ์
พิษณุ วิจิตรชลใจ
Banking and Finance




ภาวะตลาดหุ้นไทยที่คึกคักต่อเนื่องทั้งปีนี้ ส่งผลโบรกเกอร์ใหม่ที่ดำเนินธุรกิจเพียง 1 ปีมีกำไร เนื่องจากส่วนแบ่งตลาด เพิ่มกว่าเท่าตัว โดยเฉพาะ บล.โกลเบล็กซ์ ลูกค้าร้านทองทั่วประเทศรุมทึ้ง หันมาลงทุนหุ้น เพราะฟันกำไรดีกว่า ขณะที่ 2 บล.ที่อยู่ในขั้นตอนควบรวม บล.เอบีเอ็น แอมโร เอเชีย (AST)-บล.แอสเซท พลัส (ASSET)

นายพิษณุ วิจิตรชล กรรมการผู้จัดการ บล.โกล-เบล็กซ์กล่าวว่าขณะนี้บริษัทมีมาร์เกตแชร์เพิ่มขึ้นมาก มาอยู่ที่ 3% จากต้นปีอยู่ที่ 1% เพราะมีลูกค้าที่ทำธุรกิจร้านทองเข้ามาเปิดบัญชีและซื้อขายหุ้นกับบริษัท และการที่ผู้บริหารของบริษัทเดิมทำธุรกิจทองคำอยู่แล้ว จึงได้รับประโยชน์จากการที่มีฐานลูกค้าที่มีเงิน และพอมีความรู้จากการเทรดทองคำอยู่แล้ว จึงสนใจที่จะเข้ามาเทรดหุ้นเพิ่ม คาดว่าปี 2547 มาร์เกตแชร์ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 4% ได้Ž

ดังนั้น จึงทำให้บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเพียง 1 ปี จะสามารถสร้างผลกำไรได้แน่นอน เพราะการที่ลูกค้าที่ดำเนินธุรกิจร้านทอง ทั้งภาคเหนือ ใต้ และอีสานหันมาสนใจลงทุนหุ้นมากขึ้น ทำให้บริษัท จะมีรายได้ค่าธรรมเนียม

ปัจจุบันบริษัทมีบัญชีลูกค้าที่เปิดซื้อขายหุ้นประมาณ 1 พันบัญชี บัญชีอินเทอร์เน็ตเทรดดิ้งประมาณ 400 บัญชี เพิ่มจากเดิมค่อนข้างมาก และแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น

ปี 2547 บริษัทเชื่อว่าภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทยยังคึกคักต่อเนื่อง บริษัทมีแผนจะขยายธุรกิจ โดยจะเปิดสาขาให้ครบ 15 แห่ง และเจ้าหน้าที่การตลาด 150 คน ขณะนี้ ฝึกอบรมพนักงานการตลาดที่จบการศึกษา 30 คน เพื่อกระจายไปสาขาต่างๆ ขณะนี้บริษัทมี 7-8 สาขา ปีนี้เปิดเพิ่มอีก 1-2 สาขา ปีหน้า จะเปิดเพิ่มอีก 4-5 แห่ง

บริษัทมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนลูกค้าสถาบัน โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันต่างชาติ อนาคต บริษัท ตั้งเป้าว่า จะมีสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติส่งคำสั่งซื้อขายผ่านบริษัทประมาณ 5% ของมูลค่าซื้อขายรวมที่นักลงทุนต่างชาติซื้อขายในตลาดหุ้นไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ 10-15% ภายใน พ.ย.นี้ ตัวแทนบริษัทจะเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับนักลงทุนต่างชาติ 2 ราย ที่สนใจบริษัท ปี 2547 บริษัทจะมีสัดส่วนลูกค้ารายย่อย 80-90% ลูกค้าสถาบันประมาณ 10-20%

งานวาณิชธนกิจปีนี้ บริษัทจะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาการเงินให้บริษัทนวนคร ที่จะเสนอขายหุ้น ให้ประชาชนทั่วไป มีลูกค้าที่เซ็นสัญญาแล้วจะขายหุ้นปีหน้าอีกประมาณ 4-5 บริษัท ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนรายได้ธุรกิจวาณิชธนกิจเพิ่มเป็น 10% รายได้ธุรกิจหลักทรัพย์ จะอยู่ที่ 80%

ด้านนายสมภพ กีรสุนทรพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บล.ไซรัส กล่าวว่าบริษัททำธุรกิจประมาณ 15 เดือน การที่ภาวะตลาดหุ้นไทยคึกคัก ทำให้ปีนี้ กำไรบริษัทน่าจะดีขึ้น เพราะ 8 เดือนแรกปีนี้ บริษัทกำไรประมาณ 100 ล้านบาท บริษัทมีส่วนแบ่ง ตลาดเพิ่มขึ้น จากต้นปีอยู่ที่ 0.8% เพิ่มเป็น 2% เนื่อง จากนักลงทุนลงทุนเพิ่มขึ้น

โบรกเกอร์ใหม่ส้มหล่นกระทิงหุ้นไทย

"การทำธุรกิจสำหรับโบรกเกอร์ใหม่ ปีนี้ถือว่า เป็นช่วงที่มีโอกาสดี เพราะเม.ย.-พ.ค.วอลุ่มการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 3-4 พันล้านบาทเท่านั้น แต่ช่วง ไตรมาส 3/46 ปรับสูงขึ้นมาก ซึ่งบริษัทได้รับผลดีด้วย และโบรกเกอร์ใหม่ส่วนใหญ่ก็ถึงจุดคุ้มทุน" นายสมภพกล่าว

บริษัทยังไม่มีสาขา แต่มีแผนจะเปิดเพิ่มปี 2547 ประมาณ 1-2 แห่ง สัดส่วนลูกค้าบริษัท เป็น ลูกค้ารายย่อย 90% ลูกค้าสถาบัน 10%

ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท ช่วงไตรมาส 3/47 บริษัทจะระดมทุน เสนอขายหุ้น ประชาชนทั่วไป เพื่อจดทะเบียนในตลาดหุ้น ซึ่งต้องรอให้ครบ 2 ปี เพื่อดำเนินธุรกิจให้ครบตามกฎเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด

นายอุดมศักดิ์ ชาครียวณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์แอสเซท พลัส (ASSET) เปิดเผยว่าไตรมาส 3 บริษัทกำไรสุทธิ 133.97 ล้าน บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่กำไรสุทธิ 23.30 ล้านบาท ประมาณ 110 ล้านบาท เพิ่ม 475% ขณะที่ผลประกอบการ ASSET 9 เดือนแรก บริษัทกำไรสุทธิ 210 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่กำไรสุทธิ 70 ล้านบาท ประมาณ 140 ล้านบาท เพิ่ม 200%

สาเหตุที่ผลประกอบการเพิ่มขึ้น เนื่องจากมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ไทยเพิ่มขึ้น เฉลี่ยไตรมาส 3 มูลค่าประมาณ 24,257 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ย 5,798 ล้านบาท ประมาณ 318%

ขณะที่ส่วนแบ่งตลาด (มาร์เกตแชร์) 9 เดือน แรกบริษัท 2.74% เพิ่มจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีมาร์เกตแชร์เพียง 0.71% ส่งผลรายได้ค่านายหน้า ซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น โดยไตรมาส 3 อยู่ที่ 229 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 229% ช่วง 9 เดือนแรก รายได้ส่วนดังกล่าว 335 ล้านบาท เพิ่มถึง 326% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

นายจิรวัฒน์ ลิ้วประเสริฐ กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอบีเอ็น แอมโร เอเซีย (AST) ซึ่งจะกลืน บล. แอสเซท พลัส เปิดเผยว่าผลประกอบการไตรมาส 3 บริษัทกำไรสุทธิ 323 ล้าน บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 25 ล้านบาท ประมาณ 298 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,192%

ขณะที่ผลประกอบการ AST 9 เดือนแรก บริษัทกำไรสุทธิ 436 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียว กันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 223 ล้านบาท ประมาณ 213 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 95% โดย9 เดือนแรก AST มีรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 873 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีรายได้ 670 ล้าน บาท ประมาณ 202 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30% รายได้ค่าธรรมเนียมบริการ 16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีรายได้ 13 ล้านบาท ประมาณ 3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20%

เมื่อวันที่ 8 ต.ค. บล.เอบีเอ็น แอมโร เอเชีย-บล. แอสเซท พลัส ประกาศแผนรวมกิจการ มูลค่า 12,000 ล้านบาท ผู้ถือหุ้น บล. แอสเซท พลัส จะลงมติแผนรวมกิจการดังกล่าววันศุกร์ที่ 14 พ.ย.นี้

นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ถือหุ้น บล.แอสเซท พลัส 19.6% กล่าวว่า "ผม สนับสนุนการรวมกิจการครั้งนี้ เนื่องจากจะทำให้เกิดบริษัทหลักทรัพย์ใหม่ที่มีความได้เปรียบในการ แข่งขัน และแตกต่างจากบริษัทอื่น โดยมีความแข็งแกร่งใน 3 บริการหลักของธุรกิจหลักทรัพย์ คือบริการด้านนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ บริการวาณิชธนกิจ และการจัดการกองทุนส่วนบุคคล"

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ถือหุ้น 7.5% กล่าวว่าการรวมกิจการครั้งนี้ จะก่อเกิดประโยชน์ธุรกิจต่างๆ มากมาย เนื่องจากทั้ง 2 บริษัท ต่างมีจุดแข็งที่เสริม สร้างซึ่งกันและกันได้ ไม่มีธุรกิจซ้ำซ้อนกัน การรวมกัน จึงก่อเกิดคุณค่าต่อผู้ถือหุ้นทั้ง 2 บริษัท

นายชาตรี โสภณพนิช ถือหุ้น 8.2% และถือหุ้นใหญ่ลำดับ 3 บล.แอสเซท พลัส กล่าวว่า การรวมกิจการกันครั้งนี้ ถือว่าเกิดขึ้นช่วงเวลาเหมาะสม การเป็นคนกลุ่มแรกที่รวมกิจการกัน จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นทั้ง 2 บริษัท

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บล. แอสเซท พลัส และผู้ถือหุ้นใหญ่สุด 20.2% กล่าวว่า "ผมสนับสนุนการรวมกิจการครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นซินเนอยี่ คือผสานเพื่อเสริมสร้างจุดแข็ง 2 องค์กร เนื่องด้วยจุดแข็ง บล. แอสเซท พลัส นำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ผนวกจุดเด่น บล. เอบีเอ็น ที่มีฐานลูกค้าธุรกิจหลักทรัพย์กว้างขวาง และมีประสบการณ์ด้านวิจัยหลักทรัพย์ และงานด้านปฏิบัติการ ทำให้เราสามารถให้ข้อเสนอที่ดีกับผู้ที่จะมาเป็นลูกค้าของเราได้"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us