ผู้ว่าแบงก์ชาติ เผยดอกเบี้ยไทยจะต่ำต่อเนื่อง เหตุการลงทุนยังต่ำเพียง 16% ของจีดีพี
ส่วนมาตรการภาษีเตรียมหยิบหารือที่ประชุม ครม.วันนี้ (28 ต.ค.) ขณะที่แบงก์กรุงเทพเตรียมเพิ่มทุนกลางปีหน้า
เพื่อไถ่ถอนแคปส์ ส่วนแบงก์ลูกครึ่ง ธปท.จะไม่สั่งให้เพิ่มทุน เพราะมีแบงก์แม่รองรับอยู่แล้ว
ด้านแบงก์ชาติเตรียมใช้ระบบบาเซิล 2 ในไทยปลายปี 49 เน้นกระจายความเสี่ยงแบงก์
ด้วยเกณฑ์เข้มงวดขึ้น "อุ๋ย" คาดทุกแบงก์พร้อม ขณะที่แบงก์ใหญ่ขานรับ
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยหลังงานสัมมนา"การเตรียมพร้อมสู่การใช้กฎกำกับสถาบันการเงินใหม่ของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ
(บีไอเอส)" วานนี้ (27 ต.ค.)ว่า การที่ ธปท.จัดสัมมนาครั้งนี้ วัตถุประสงค์เตรียม
ความพร้อมและความเข้าใจระบบบีไอเอส เนื่องจากบีไอเอสระบุว่า จะเริ่มใช้มาตรฐาน
การกำกับสถาบันการเงินใหม่ ที่มีมติเห็นชอบในหลักการร่วมกันของธนาคารกลางสมาชิก
ที่สวิตเซอร์แลนด์ (บาเซิล 2) ต้นปี 2549 ซึ่งไทยจะเริ่มใช้ระบบดังกล่าวปลายปี
2549
"ผมคาดว่าในกลางปีหน้า ธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคารจะมีความพร้อมในการ รองรับมาตรฐานบาเซิล
2 ซึ่งไม่จำเป็นต้อง เพิ่มทุนใหม่แต่อย่างใด เพราะในขณะนี้ ฐานะของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยก็มีความเข้มแข็งขึ้นมาก"
ผู้ว่าการธปท. กล่าว
อย่างไรก็ตาม ธปท.ยังคงเห็นว่าระบบธนาคารพาณิชย์ไทยสามารถรองรับ มาตรฐานใหม่นี้ได้
โดยไม่กระทบฐานะการเงินธนาคาร เพราะที่ผ่านมาธนาคารไทยกันสำรองหนี้ระดับสูงมาก
ธปท.ดูแล ความเพียงพอของการกันสำรองหนี้ตามคุณภาพหนี้ธนาคารที่แท้จริงเป็นรายเดือน
หากจำเป็น จะสั่งการให้ปรับปรุงทุก 3 เดือน
แบงก์กรุงเทพเพิ่มทุนกลางปีหน้า
การที่ ธปท.ศึกษาข้อมูลช่วงต้นปีที่ ผ่านมา พบว่าแนวโน้มทำกำไรของธนาคาร เป็นไปตามเป้าหมายขณะนี้
อย่างไรก็ตาม คาดว่ากลางปีหน้าธนาคารกรุงเทพจะเพิ่มทุน เพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิควบหุ้นกู้บุริมสิทธิ
(สลิป-แคปส์) ซึ่งเขาหารือ กับนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารแล้ว
ถึงแนวทางเพิ่มทุน แต่ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่นอนและเป็นลายลักษณ์ อักษร เนื่องจากยังมีเวลาอีกมาก
สำหรับธนาคารลูกครึ่ง ซึ่งเป็นธนาคารเล็กๆ จะไม่สั่งเพิ่มทุน ถ้าไม่จำเป็น ไม่ยุ่งแบงก์ลูกครึ่ง
"ถ้าไม่จำเป็น"
"ในส่วนของแบงก์ลูกครึ่งไม่ต้องไปห่วงเขาหรอก ผมจะไม่เข้าไปยุ่งถ้าไม่จำเป็น
เพราะเขามีบริษัทแม่รองรับ และพร้อมที่จะเพิ่มทุนให้หากมีความจำเป็นอยู่แล้ว เพื่อให้ฐานะของเขาแข็งแกร่งขึ้น"
ผู้ว่าการ ธปท. กล่าว
มาตรฐานการกำกับสถาบันการเงิน บาเซิล 2 ที่จะกำหนดใช้ จะเข้มงวดเรื่องกันสำรองหนี้
ซึ่งจะแบ่งความเสี่ยงหลักประกันแต่ละชนิดชัดเจนขึ้น ว่าธนาคารพาณิชย์ต้องกันสำรองเท่าไร
โดยกำหนด มาตรฐานกันสำรองหนี้สูงสุด 150% ซึ่งมากกว่ามาตรฐานปัจจุบัน ที่กำหนดสูงสุด
100% รวมทั้งจะลงรายละเอียดมากขึ้น ตามความเสี่ยงลูกหนี้ เรื่องกันสำรองหนี้ กรณีเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
(เอ็นพีแอล) ลูกหนี้แต่ละราย
นอกจากนี้ยังกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์กันสำรองหนี้ตามอันดับเครดิตบริษัทลูกหนี้
โดยอันดับเครดิตที่อ้างอิง ต้องเข้ามาตรฐานสากล เช่น บริษัทที่มีเรตติ้ง AAA ถึง
AA- กันสำรองหนี้ 20% บริษัทเรตติ้ง A+ ถึง A- กันสำรอง 20%-50% บริษัทเรตติ้ง
BBB+ ถึง BB- กันสำรอง 50%-100% ส่วนบริษัทที่ไม่ได้จัดอันดับ ให้ขึ้นกับการพิจารณาของธนาคาร
แต่ต้องกันสำรองไม่ต่ำกว่า 100% ตามอัตราปัจจุบัน
ด้านนางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการ ธปท. สายเสถียรภาพสถาบันการเงิน กล่าวว่า
ธปท.ส่งแบบสำรวจให้สถาบันการเงินทุกแห่ง เพื่อศึกษาผลกระทบที่สถาบันการเงินคิดว่าจะเกิด
หากใช้มาตรฐานใหม่ เมื่อได้รับแบบทดสอบ และเสร็จสิ้นการประชุมสัมมนาครั้งนี้ จะนำมาประเมินภาพ
เพื่อหาแนวทางรองรับการใช้มาตรฐานใหม่ระยะต่อไป
สภาพคล่องส่วนเกินเริ่มลด
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่าขณะนี้สภาพคล่อง ระบบสถาบันการเงินเริ่มลดจากช่วงก่อนหน้า
เห็นได้จากด้านเงินฝากไม่เพิ่ม ธนาคารปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น สำหรับอัตราดอกเบี้ยทั่วไปของประเทศ
มองว่ามีแนวโน้มที่จะต่ำต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้ลงทุนเพิ่มต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจุบันการลงทุนของ
ประเทศยังต่ำเพียง 16% ของการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) การใช้กำลังผลิตภาคอุตสาหกรรม
ยังเหลือ ค่อนข้างมาก ทำให้การลงทุนใหม่ ยังไม่เกิดเพียงพอ คาดว่าภายในกลางปีหน้า
การใช้กำลังผลิตน่าจะเข้าสู่จุดที่ทำให้เกิดการลงทุนใหม่ต่อเนื่องได้
"อุ๋ย" ยันภาษีไม่ใช่สกัดเก็งกำไรบาท
สำหรับมาตรการทางภาษีที่จะกลับใช้ 30% ส่วนการนำเงินเข้าจากต่างประเทศผ่านช่องทางวิเทศธนกิจ
(บีไอบีเอฟ) ที่กระทรวงการคลังเห็นว่าจำเป็นต้องใช้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า ธปท.มีวัตถุประสงค์จะใช้มาตรการดังกล่าว
เพื่อลดความ บิดเบือนที่ไม่เป็นธรรมของระบบภาษี ซึ่งไม่ทำลาย การลงทุน ช่วยให้เกิดความสมดุลตามแผนพัฒนา
ระบบสถาบันการเงิน (มาสเตอร์แพลน) ไม่ได้ต้องการใช้เพื่อสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท
ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวต่อว่า กระทรวงการคลัง อาจเห็นว่า เป็นช่วงประจวบเหมาะกับการสกัดกั้นเก็งกำไรค่าเงินบาท
เป็นมาตรการเดียวในแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินฉบับใหม่ ที่ต้องนำเข้าตัดสินใจในที่ประชุม
ครม. จึงหยิบยกขึ้นพิจารณา ก่อน
เกณฑ์ใหม่แบงก์รับความเสี่ยงได้เพิ่ม
นายจุลกร สิงหโกวินท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเอเชีย ในเครือกลุ่มเอเบีเอ็น
แอมโร จากเนเธอร์แลนด์ เปิดเผยว่ามาตรฐานบาเซิล 2 ที่จะใช้ จะกระทบธุรกิจธนาคาร
เนื่องจากเปลี่ยน แปลงคำนิยามใหม่เรื่องความเสี่ยง โดยเฉพาะทุนธนาคาร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของธุรกิจธนาคาร
ที่ต้องใช้เป็นเงินทุนจำนวนมาก แต่หากธนาคารใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าว จะทำให้มีความสามารถรองรับความเสี่ยงเพิ่ม
ธนาคารเอเชียเตรียมพร้อมรองรับหลักเกณฑ์ ดังกล่าวแล้ว กำลังสร้างความเข้าใจระหว่างผู้บริหาร
และพนักงานทุกคน เพื่อรองรับการเปลี่ยนธุรกิจธนาคารอีก 2 ปีข้างหน้า ที่มีความเสี่ยงรอบด้าน
และลงทุนสูง การบังคับใช้กฎเกณฑ์ใหม่ จะกระทบ ธุรกิจธนาคารโดยตรง
ด้านคุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า
หลักเกณฑ์บาเซิล 2 จะช่วยให้ระบบธนาคารพาณิชย์เข้มแข็งมากขึ้น ส่วนประเทศไทยจะปรับใช้อย่างไร
ต้องขึ้นกับ ธปท. ซึ่งขณะนี้ ทุกธนาคาร เตรียมพร้อมหลักเกณฑ์ใหม่แล้ว
ดอกเบี้ยยังเตี้ยติดดิน
ขณะที่นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่าสภาพคล่อง
ที่มีอยู่ 700,000-800,000 ล้านบาทในระบบธนาคาร ในไทยขณะนี้ เป็นสิ่งที่ดี เพราะกระตุ้นการลงทุน
พร้อมกระตุ้นให้มีการจับจ่ายใช้สอย และเหมาะกับสภาพเศรษฐกิจไทยปัจจุบัน ส่วนอัตราดอกเบี้ย
ที่ต่ำขณะนี้ คงจะอยู่ระดับปัจจุบันต่อไปอีก
ส่วนคุณหญิงชฎา กล่าวว่าสภาพคล่องการเงินในไทยเหมือนน้ำ เพราะตอนนี้กำลังอยู่ในฤดูน้ำมาก
ซึ่งเกินความต้องการใช้ แต่ธนาคารยังต้อง ยังระมัดระวังนำเงินไปลงทุนอยู่
แต่ในที่สุด ก็ต้องนำไปลงทุนด้านอื่น ๆ นอก จากปล่อยสินเชื่อ เช่น ตลาดหลักทรัพย์
ทำธุรกิจใหม่ๆ ซื้อกองทุนวายุภักษ์ หรือลงทุนใหม่ๆ จะทำ ให้สภาพคล่องส่วนเกินลดลงได้
ส่วนการลดดอกเบี้ยทุกธนาคารต้องดูความสมดุลของตัวเองเรื่องเงินฝาก
แต่ช่วงนี้ยังไม่จำเป็นสำหรับแบงก์ไทยพาณิชย์ เพราะต้องดูภาวะตลาดก่อน เพราะอัตราดอกเบี้ย
มีทั้งระยะสั้นและยาว ดอกเบี้ยระยะสั้นยังทรงตัว ส่วนดอกเบี้ยหุ้นกู้และพันธบัตร
ขยับขึ้นบ้าง
ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์ไทย หลายแห่ง ส่งแผนไถ่ถอนหุ้นบุริมสิทธิควบหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์รูปแบบสลิปส์-แคปส์
ให้ ธปท.แล้ว เหลือ แต่ธนาคารพาณิชย์กรุงเทพเพียงแห่งเดียว ที่ยังไม่ส่งเอกสารหลักฐานเรื่องไถ่ถอน
ซึ่งโดยภาพรวม ทำให้ ธปท.ประเมินว่า ระบบธนาคารพาณิชย์ต่อจากนี้ไป ไม่น่าจะมีปัญหาเงินทุนแล้ว
โดยเฉพาะธนาคารรัฐ ไม่มีปัญหาแล้ว มีเงินทุนที่เหลือเพียงพอดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว
นายชาติศิริกล่าวว่าธนาคารจะได้ข้อสรุปไถ่ถอนแคปส์ 4.6 หมื่นล้านบาทภายในสิ้นปีนี้
ซึ่งหาก ได้ข้อสรุป ธนาคารจะแถลงข่าวทันที ขณะนี้ธนาคาร อยู่ระหว่างทำแผน ซึ่งเป็นไปตามแผนที่นายโฆสิต
ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ เคยระบุว่า ภายในสิ้นปีนี้
จะได้ข้อสรุปเรื่องเพิ่มทุน
ทหารไทยยันไม่ต้องเพิ่มทุนอีก
ด้านนายสุภัค ศิวะรักษ์ รักษาการกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่าธนาคาร
ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนอีก เพราะธนาคารเพิ่งดำเนินการเพิ่มทุนครั้งล่าสุดไม่นานมานี้
และประสบ ผลสำเร็จน่าพอใจ การเพิ่มทุนใหม่ต้องมีทุนเพียงพอต่อการขยายธุรกิจธนาคาร
ขั้นตอนต่อไปคือล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่
ธนาคารที่มีสลิสป์และแคปส์ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ แคปส์ 4.6 หมื่นล้านบาท
กสิกรไทย สลิปส์ 4 หมื่นล้านบาท กรุงศรีอยุธยา สลิปส์ 25,996 ล้านบาท ทหารไทย ซุปเปอร์แคปส์
13,820 ล้านบาท และดีบีเอสไทยทนุ ในเครือกลุ่มดีบีเอสจากสิงคโปร์ มีแคปส์ 6,751
ล้านบาท
บาทวานนี้ยังทรงตัว
นักบริหารเงินธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง เปิดเผยว่าค่าเงินบาทวานนี้ (27 ต.ค.) เปิดตลาด
39.82-39.92 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างวันค่าเงินบาทค่อนข้างนิ่ง เนื่องจากไม่มีปัจจัยภายนอกเข้ามามากนัก
ส่งผลค่าบาทปิดตลาด 39.90-39.94 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าสุดระหว่างวัน 39.88 บาทต่อดอลลาร์
อ่อนค่าสุด 39.92 บาท