ขุนคลังสยบข่าวลือ ยัน "ทักษิณ" และตัวเขา ไม่คิดปลด "กิตติรัตน์"
จากเอ็มดี ตลท. ชี้แค่ ข่าวปั่นหุ้น ด้าน "วิจิตร" ยัน บอร์ด ตลท.หนุน
"กิตติรัตน์" พร้อมไฟเขียวแผนเชิงรุก ตลท. 45 แผน ปี 47 ขณะที่เจ้าตัวยันไม่เคยคิดยื่นใบลาออก
หลังเซ็นสัญญา เพื่อบริหารตลาดหลักทรัพย์ 4 ปี ก็มุ่งหน้าทำงานเต็มที่ ยกเว้นหากมีปัญหาสุขภาพ
หรือความไม่ชัดเจนในการทำงาน พร้อมเปิดหมวก ขณะที่โบรกเกอร์ คาดข่าวลาออกของนายกิตติรัตน์แทบไม่กระทบตลาดฯ
เพราะ รัฐบาลคุมนโยบายตลาดทุน ไทยอยู่แล้ว
ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รมว. คลัง เปิดเผยกรณีที่มีข่าวว่ารัฐบาลจะปลดนายกิตติรัตน์
ณ ระนอง จากกรรมการและผู้จัด การตลาดหลักทรัพย์ ว่าไม่เคยคิดที่จะให้นายกิตติรัตน์ออกจากตำแหน่ง
อาจเป็นข่าวจากผู้ไม่ประสงค์ดี หรือคนที่ต้องการปั่นหุ้น
"ในส่วนของนายวิจิตร สุพินิจ ประธานตลาดหลักทรัพย์ และท่านนายกรัฐมนตรีเอง
รวมถึง ผม ก็ไม่ได้มีการบีบให้ออกแต่อย่าง ใด ผมยืนยันว่า นายกิตติรัตน์ ยังอยู่ในตำแหน่งเช่นเดิมเพราะเห็นว่า
ไม่มีความจำเป็นต้องลาออก" ร.อ. สุชาติ ยืนยัน
ทางด้านนายกิตติรัตน์กล่าวว่า โดยส่วนตัว เขาไม่เคยยื่นจดหมาย ลาออก และไม่เคยมีความคิดจะยื่น
เนื่องจากเมื่อรับมอบหมายให้เข้ามา และลงนามในสัญญาระบุว่า มีวาระ 4 ปี ซึ่งจะครบกำหนดวันที่
9 ก.ย.2548 เขาก็มุ่งหน้าทำงานเต็มที่
เปิดหมวกหากมีปัญหาสุขภาพ-งาน
"โดยส่วนตัว เมื่อผมรับทำหน้าที่อะไรแล้วก็ตาม จะทำตามสัญญาอยู่แล้ว ส่วนการยื่นหนังสือลาออก
ก็ไม่เคยมี และไม่คิดที่จะทำ ยกเว้น กรณีเดียวกรณี ที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
เนื่อง จากปัญหาสุขภาพ หรือความไม่ชัดเจนในการทำงานเท่านั้น ผมยืนยันว่า ผมจะไม่ยื่นหนังสือลาออก"
นายกิตติรัตน์กล่าวอย่างหนักแน่น และสีหน้า ที่เป็นปกติ
ก่อนหน้านี้ มีรายงานข่าวว่า นายกิตติรัตน์ยื่น ใบลาออกจาก ตลท.หลังจากนายกรัฐมนตรี
พ.ต.ท. ทักษิณ และนายวิจิตร บีบ เพราะไม่สนองนโยบาย รัฐบาลด้านการพัฒนาตลาดทุน
โดยได้มีการทาบ ทามนายสุวิทย์ มาไพศาลศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บล.เมอร์ริล ลินช์
ภัทร ดำรงตำแหน่งแทน
ขณะที่การทำงานระหว่างนายกิตติรัตน์ และนายวิจิตร มีปัญหากันมาเกือบตลอด เพราะรูปแบบการทำงาน
และแนวคิด ที่แตกต่างกัน จนกระทั่งมีปัญหากระทบกระทั่งกันหลายครั้ง
บอร์ด ตลท. ยืนยันตำแหน่งกิตติรัตน์
นายวิจิตร ประธานกรรมการ ตลท. เปิดเผยวานนี้ ว่าคณะกรรมการ ตลท. ในการประชุมวานนี้
พิจารณาผลดำเนินงานของ ตลท.ประจำปี 2546 และแผนดำเนินงาน ตลท.ประจำปี 2547 รวม
ทั้งแผนธุรกิจ และงบประมาณที่จะขออนุมัติดำเนิน การปี 2547 ซึ่งนายกิตติรัตน์ ณ
ระนอง กรรมการ และผู้จัดการ เป็นผู้เสนอ
การมีข่าวว่านายกิตติรัตน์ยื่นหนังสือลาออก เขาคาดว่าคงเพราะเป็นช่วงที่คณะกรรมการตลาด
หลักทรัพย์พิจารณาผลการทำงานตลาดหลักทรัพย์ปีนี้ พร้อมกำหนดแผนปี 2547 ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการ
พิจารณาและแสดงความพอใจผลงานที่ทำ รวมทั้งมอบหมายให้วางแผน 3 ปีข้างหน้า เพื่อจะให้มีการดำเนินงานสอดคล้องกับแผนแม่บทพัฒนาตลาดทุนไทยด้วย
คาดปี 47 รายได้ ตลท. 1.4 พันล้าน
เขากล่าวว่าปี 2547 ตลท.มีนโยบายจะบริหาร งานอย่างไม่มีกำไร คาดว่าปีหน้า จะมีรายได้ประมาณ
1.4 พันล้านบาท จะมีค่าใช้จ่ายดำเนินงาน ประมาณ 1.381 พันล้านบาท อนุมัติให้มีเงินลงทุน
สินทรัพย์ มูลค่ารวม 634 ล้านบาท โดยค่าใช้จ่าย จะเป็นค่าใช้จ่ายประจำ 1.139 พันล้านบาท
และค่าใช้จ่ายดำเนินงานตามแผนโครงการ 45 โครงการ ประมาณ 240 ล้านบาท
ผลประกอบการปีนี้ ตลาดหลักทรัพย์มีรายได้ จากการดำเนินงาน 982 ล้านบาท รายได้เงินลงทุน
271 ล้านบาท รวมรายได้ 1.253 พันล้านบาท ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน 1.124 พันล้านบาท
ซึ่งถือว่าราย ได้สูงกว่าที่มีการประมาณการไว้ต้นปี ที่คาดจะมีรายได้รวม 1.103
พันล้านบาท เนื่องจากมีกำไรจาก การเงินลงทุน และรายได้จากค่าธรรมเนียม ที่มีบริษัทเข้าจดทะเบียนเพิ่ม
ทั้งหุ้นสามัญใหม่และหุ้นเพิ่มทุน
คาดว่าช่วงสิ้นปี จะมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีก 16 บริษัท จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว
9 บริษัท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ใหม่ จะมีเข้ามาอีก 6 บริษัท จากปัจจุบัน 4 บริษัท
"ที่ประชุมมีมติแสดงความพอใจกับผลดำเนิน งานปีนี้ ช่วงที่ผ่านมาของฝ่ายจัดการ
และเจ้าหน้าที่ ตลท. และเห็นชอบแผนดำเนินงาน และงบประมาณปี 2547 ตามที่กรรมการและผู้จัดการเสนอ
พร้อมทั้งยังขอให้กรรมการและผู้จัดการทำแผนงาน ตลท. ระยะ 3 ปีข้างหน้า ที่สอดคล้องกับแผนแม่บทการพัฒนาตลาดทุนไทย
และสอดคล้องกับการดำเนินงานของ ตลท. ช่วงระหว่าง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่นายกิตติรัตน์รับผิดชอบ
ในฐานะกรรมการและผู้จัดการ ตลท.อยู่ เพื่อตลท.จะได้ใช้ในการดำเนินการต่อไปด้วย"
นายวิจิตรกล่าว
วิจิตร-บอร์ด ตลท.หนุนกิตติรัตน์เต็มเหนี่ยว
ที่ประชุมพิจารณากรณีข่าวลือการยื่นหนังสือลาออกของนายกิตติรัตน์ ซึ่งนายวิจิตรยืนยันว่าไม่เป็นความจริง
คณะกรรมการ ตลท. พอใจและมั่นใจการทำงานของนายกิตติรัตน์ ทั้งช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
และแนวทางการทำงานต่อไปอนาคต ข่าวลือการเปลี่ยนกรรมการและผู้จัดการ ตลท. จึง ไม่เป็นความจริง
การแต่งตั้งกรรมการและผู้จัดการ ตลท. เป็นอำนาจคณะกรรมการ ตลท. ตามความมาตรา 164
แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
เปลี่ยนเอ็มดี ตลท.กระทบหุ้นน้อย
นายพิษณุ วิจิตรชลใจ กรรมการผู้จัดการ บล. โกลเบล็กซ์ กล่าวว่าหากเปลี่ยนแปลงกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์
อาจกระทบภาพรวม ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น หรือเป็นเพียงผลจิตวิทยาการลงทุน
ซึ่งเป็นปกติ เมื่อมีปัจจัยความไม่แน่นอนเกิดขึ้นตลาดหุ้นต้องตอบรับอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าไม่น่าจะมีผลกระทบรุนแรง เนื่องจากรัฐบาลเป็นผู้กำหนดนโยบายตลาดทุนไทยอยู่แล้ว
และประธานตลาด หลักทรัพย์คอยรับนโยบายมาดำเนินการ แต่กรรม การและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์
จะเป็นผู้ปฏิบัติตามนโยบาย การดำเนินการเรื่องๆ ต่างที่กำหนด น่าจะสานต่อได้ง่าย
มุมมองของนักลงทุน ต่างชาติ เขาเชื่อว่าจะมีผลกระทบระยะสั้นเช่นกัน แต่น่าจะทำความเข้าใจได้ในที่สุด
ทางด้านนายกัมปนาท โลหะเจริญวนิช กรรม การผู้จัดการ บล.ทรีนิตี้ กล่าวว่าหากเปลี่ยนแปลงกรรมการและผู้จัดการตลาดจริง
จะมีผลกระทบทางจิตวิทยาระยะสั้นแน่นอน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวล แต่คงไม่น่าจะกระทบระยะยาว
ซึ่งนักลงทุนคงจะพิจารณาผู้จะเข้าดำรงตำแหน่งแทนมาก กว่า ซึ่งจะเป็นที่ยอมรับ หรือมีความสามารถหรือไม่
มากกว่า
นายสมภพ กีรสุนทรพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บล.ไซรัส กล่าวว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี
2547 ตลาดฯ จะปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ระดับ 5%
ต่อปีขึ้นไป และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนดีขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ปัจจัยต่างๆ จะเป็นปัจจัยบวกมากกว่าลบ
ปัจจัยที่น่าห่วง เป็นปัจจัยที่ไม่มีใครควบคุม หรือคาดการณ์ได้ ได้แก่ การก่อการร้าย
แต่เมื่อการ ประชุม APEC สามารถผ่านไปได้ดี ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น หากสถานการณ์เป็นปกติ
ดัชนีราคาหุ้นน่าจะปรับตัวขึ้นยืน 800 จุดไม่ยาก ซึ่งเป็นไปได้สูง หากเทียบช่วงเกิดวิกฤตพื้นฐานเศรษฐกิจไทย
ไม่ได้ขยายตัวเท่าปัจจุบัน สัดส่วนราคาหุ้นต่อกำไร (พีอี) สูงถึง 19 เท่า ขณะนี้
ดัชนี 600 จุด ค่าพีอี 11 เท่า ต่ำกว่าช่วงเกิดวิกฤตด้วยซ้ำ
ไฟเขียว 45 แผนธุรกิจเชิงรุกปี 47
นายกิตติรัตน์กล่าวว่า คณะกรรมการ ตลท. ในการประชุมวานนี้ อนุมัติแผนธุรกิจเชิงรุกปี
47 จำนวน 45 แผนงาน ที่จะเน้นดำเนินงานเพื่อขยายฐานผู้ลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจ
เพิ่มทั้งคุณภาพ และปริมาณบริษัทจดทะเบียน (บจ.) รวมทั้งส่งเสริมคุณภาพผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดในตลาดทุน
ทั้ง บจ.บุคลากรในธุรกิจหลักทรัพย์ และผู้ลงทุน พัฒนาระบบคลังข้อมูลหลักทรัพย์ฯ
ปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ซื้อขายหลักทรัพย์ และระบบหลังซื้อขายหลักทรัพย์
รวมทั้งยกระดับมาตรฐานระบบบรรษัทภิบาลที่ดี บจ.เทียบเคียงมาตรฐานสากล
ตลท.ตั้งเป้าหมายว่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดจะเพิ่มเป็น 4.3 ล้านล้านบาท
ขณะที่คาดว่าจะมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยวันละ 15,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่าจะมี
บจ.ใหม่รวม 52 บริษัท เป็นบริษัทใน ตลท. 32 บริษัท และเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ใหม่
20 บริษัท ตั้งเป้าหมายว่า จะเพิ่มผู้เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เป็น 310,000 ราย
แผนงานที่จะดำเนินการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว มีถึง 45 แผนธุรกิจ นอกจากงานประจำที่ดำเนินการตามปกติ
เป็นแผนงานที่จำเป็นต้องดำเนินการต่อเนื่องจากปีนี้ เพื่อพัฒนาคุณภาพและปริมาณ
24 แผน และเป็นแผนงานใหม่ 21 แผน
นายกิตติรัตน์กล่าวว่า กิจกรรมที่จัดเพื่อผู้ลงทุน ที่จะดำเนินงานต่อเนื่องจากปีนี้
ได้แก่ งาน Money Expo การจัดงานมหกรรมการลงทุนครบ วงจร (SET in the City) ซึ่งปีนี้
จะจัดขึ้นวันที่ 20-23 พ.ย.นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งานดังกล่าว
จะจัดต่อเนื่องปี 2547
นอกจากนี้ ตลท.จะยังคงจัดงานตลาดหลัก- ทรัพย์สัญจรเพื่อขยายฐานผู้ลงทุนในประเทศ
8 ครั้ง และการโรดโชว์เพื่อดึงดูดผู้ลงทุนต่างประเทศอีก 3 ครั้งปี 2547 ขณะเดียวกัน
จะทำ งานร่วมกับองค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อเพิ่มจำนวน บจ.ใหม่ที่มีคุณภาพ ซึ่งจะเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่เป็นยุทธศาสตร์ของประเทศ