Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน27 ตุลาคม 2546
คาดดอกเบี้ยยังติดดิน2-3ปี             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกรุงไทย

   
search resources

ธนาคารกรุงไทย
กองทุนรวมวายุภักษ์
วิโรจน์ นวลแข
Interest Rate




"วิโรจน์" เอ็มดีแบงก์กรุงไทย คาดดอกเบี้ยยังคงต่ำ ติดดินเช่นปัจจุบันอย่างน้อยอีก 2-3 ปี เหตุสภาพคล่องการเงินยังล้นระบบแบงก์ คนฝากเงินที่ผันไปเล่น หุ้น เมื่อฟันกำไรจะกลับมาฝากแบงก์ เหมือนเดิม ขณะที่กองทุนวายุภักษ์ 2 คาดดูดซับสภาพคล่องได้บ้าง แม้ ไม่มาก เชื่อโครงการโทรคมนาคมของไทยปัจจุบัน ที่ยังต้องการเงินลงทุนรวมกว่า 9 แสนล้านบาท จะช่วยดูดซับสภาพคล่องส่วนเกินได้มาก ขณะที่แบงก์กรุงไทยคาดฟันรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มเท่าตัวเป็น กว่า 30% ของรายได้ทั้งหมดในอนาคต

นายวิโรจน์ นวลแข กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แม้สภาพเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้ว แต่สภาพคล่องการเงินในระบบของธนาคารพาณิชย์ไทย จะยังคงล้นระบบเช่นปัจจุบันต่อไปอีก 2- 3 ปีข้างหน้า เมื่อดูจากปริมาณปล่อยสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ที่น้อยกว่าเงินฝาก ซึ่งจะเป็นปัจจัย ส่งผลอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของระบบไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้มากนัก เขาคาดว่าดอกเบี้ยเงินฝากแท้จริง จะไม่สามารถปรับเพิ่มได้เกิน 4% ต่อปีช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เพราะหากขึ้นมากกว่าระดับดังกล่าว จะส่งผลกระทบอัตราเงินเฟ้อในประเทศ และระบบเศรษฐกิจโดยรวม

ดอกเบี้ยยังต่ำติดดินอีก 2-3 ปี

ช่วงที่ผ่านมา กลไกตลาดฯ ปรับตัว โดยเคลื่อนย้ายเงินฝากในระบบธนาคารพาณิชย์ ลงทุน ตลาดทุนไทย แต่ก็ไม่สามารถช่วยดูดซับสภาพคล่องในระบบได้มากนัก เนื่องจากนักลงทุนที่โยกย้ายเงินทุนส่วนนี้ เมื่อได้กำไรจากการขายหุ้น จะฝากธนาคารเช่นเดิม ซึ่งลักษณะดังกล่าว เป็นเพียงการหมุนเวียนเงินทุนเท่านั้น ไม่มีส่วนช่วยดูดสภาพคล่องออกจากระบบ

วิธีการที่จะช่วยดูดซับสภาพคล่องได้ระยะนี้ คือ เสนอขายกองทุนวายุภักษ์กองที่ 1 จำนวน 70,000 ล้านบาท น่าจะเป็นตัวช่วยดึงสภาพคล่อง ของระบบออกไปได้ แม้จะเป็นเงินปริมาณไม่มาก นักเมื่อเทียบสภาพคล่องทั้งระบบ

นายวิโรจน์ กล่าวว่า วิธีการจะลดสภาพคล่อง ของระบบระยะยาว ดีที่สุดคือต้องสนับสนุนให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกรรมที่ต้องการเงินลงทุนปริมาณมากๆ เพื่อขยายกิจการ ขณะที่ธุรกรรมแบบเก่าที่มีอยู่ ต้องการ สินเชื่อน้อยกว่า

การที่เศรษฐกิจไทยเติบโตต่อเนื่องและยั่งยืน จะทำให้ผู้ประกอบต้องการสินเชื่อเพื่อขยายธุรกิจเพิ่มขึ้น คาดว่านักลงทุนต่างประเทศจะลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากเชื่อมั่นศักยภาพเศรษฐกิจไทยที่โดดเด่นมากปัจจุบัน ซึ่งเป็นอานิสงส์ จากการเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปกที่ผ่านมา

โทรคมนาคม 9 แสนล.ช่วยดูดซับได้

นอกจากการลงทุนภาคเอกชน ภาครัฐเองก็มีแนวโน้มจะลงทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม มูลค่าโครงการทั้งระบบ ประมาณ 9 แสนล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นตัวหลักช่วยดูดซับสภาพคล่องของระบบ ลดลงได้ นายวิโรจน์ จึงเชื่อว่าปีนี้ สภาพคล่องระบบ คงจะลดลงได้ระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์ไทยจะยังคงติดอยู่ในกับดักสภาพคล่องอย่างนี้ต่อไปอีก 2-3 ปี

"แม้ว่าปีหน้า สภาพคล่องจะลดลงจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ตามการเติบโตของเศรษฐกิจ แต่ธนาคารพาณิชย์ไทยยังต้องอยู่กับสภาพคล่องที่เหลืออยู่มากถึง 7 แสนล้านต่อไปอีก 2-3 ปี ธนาคาร จึงต้องเร่งหาวิธีปรับตัวและบริหารสภาพคล่องที่มีอยู่ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระลงและเพิ่มความคล่องตัวในการแข่งขันให้มากขึ้น" นายวิโรจน์ กล่าว

ปัจจุบัน ธนาคารกรุงไทยสภาพคล่องประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งวิธีลดสภาพคล่องส่วนนี้ ธนาคาร พยายามเร่งปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ภาวะดอกเบี้ยต่ำ เช่นนี้ ธนาคารเพิ่มรายได้ด้วยวิธีหาค่าธรรมเนียมทำธุรกรรมต่างๆ เพิ่มขึ้น สิ้นไตรมาส 3 ปีนี้ ธนาคาร รายได้ค่าธรรมเนียมประมาณ 15% ของรายได้รวม คาดว่าอนาคต รายได้ค่าธรรมเนียมธนาคาร จะเพิ่ม ถึง 30% ของรายได้รวม

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us