บริสเบนกลายเป็นเมืองสีม่วงไปแล้วครับ
ตลอดริมถนน แม่น้ำ ดอกไม้สีม่วงบานเป็นช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ เปลี่ยนเมืองที่สงบอย่างบริสเบนให้มีสีสันอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน พร้อมกับปูพื้นโลกให้เป็นพรมสีม่วงขนาดใหญ่
ใต้ต้นจาคารันดา
เกือบทุกเช้า ผมจะเดินไปบริเวณหลังมหาวิทยาลัย เพื่อชมความงามของต้นจาคารันดา
ดอกจาคารันดาบานดอกแรกๆ ในช่วงต้นเดือนกันยายน แถวยาวของต้นจาคารันดาริมสนามฟุตบอลช่วยให้ความงามยามเช้ามีความหมายมากขึ้น
ต้นจาคารันดาเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองบริสเบน ดอกสีม่วงของจาคารันดาขับเมืองบริสเบนที่เงียบสงบให้แซมด้วยสีม่วงทั่วเมือง ปลายปีช่วงเดือนตุลาคมต่อเนื่องไปถึงพฤศจิกายน เป็นช่วงเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ
หลังจากผ่านคืนวันอันแสนหนาวเหน็บในฤดูหนาวที่ผ่านมา ชาวเมืองบริสเบนจึงมักจะออกไปนั่งชมดอกจาคารันดาริมแม่น้ำบริสเบนกันในช่วงเวลานี้
ซึ่งคล้ายกับประเพณีการชมดอกซากุระของชาวญี่ปุ่น
ผมรู้จักต้นจาคารันดาครั้งแรกจากรูปภาพใน Art Gallery ประจำเมืองบริสเบนเมื่อครั้งที่มาบริสเบนใหม่ๆ
และไปเที่ยวดูภาพศิลปะ
หลังจากเดินดูภาพจนทั่ว ผมก็ไปสะดุดกับภาพๆ หนึ่ง ซึ่งตั้งชื่อว่า Jacaranda
โดยในภาพเป็นต้นไม้ต้นหนึ่งกำลังออกดอกสีม่วง ใต้ต้นเป็นโต๊ะและเก้าอี้ชุดหนึ่ง
และมีผู้หญิงสองคนนั่งคุยและจิบชากัน
ผมไม่แน่ใจว่าเป็น Morning Tea หรือ Afternoon Tea แต่ที่แน่ใจคือ น่าจะเป็นการดื่มชาที่มีความสุขที่สุดครั้งหนึ่งแน่นอน
ครั้งนั้น ผมยังไม่รู้จักต้นไม้ต้นนี้ ผมถามเพื่อนที่ไปด้วยกันครั้งนั้นว่า
อะไรคือ จาคารันดา เพื่อนผมอธิบายว่า เป็นชื่อของต้นไม้สัญลักษณ์ของเมืองบริสเบน
ที่จะบานทั่วเมืองในช่วงเดือนกันยายนต่อเนื่องถึงพฤศจิกายน
นับจากวันนั้น ผมก็เฝ้ารอคอยการบานของจาคารันดา พี่สาวท่านหนึ่ง หลังจากแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนบริสเบนและได้รู้จักจาคารันดา
พี่สาวท่านนี้ก็อดรนทนไม่ได้ที่จะไปค้นหาว่า จาคารันดา คือต้นไม้ใดในเมืองไทย
แล้วพี่ท่านก็ส่งข่าวมาบอกว่า จาคารันดา คือต้นศรีตรัง
ดอกศรีตรัง ดอกไม้ประจำจังหวัดตรัง
ดอกศรีตรัง หรือ ดอกแคฝอย สำหรับจาคารันดาในเมืองไทย ดอกจะไม่เป็นสีม่วงทั้งดอกเหมือนพันธุ์ในประเทศออสเตรเลีย
แต่รูปร่างจะเหมือนกันมาก คือ เป็นรูปทรัมเป็ตหรือระฆัง
ดอกจาคารันดามีดอกสีม่วงสว่าง ออกดอกเป็นช่อใหญ่ ดอกมีรูปร่างเหมือนทรัมเป็ต
หรือระฆัง ออกดอกในฤดูร้อน ก่อนจะร่วงหล่นสู่พื้นเปลี่ยนผืนดินใต้ต้นไม้เป็นพรมสีม่วง
มีความเชื่อหนึ่งบอกว่า ถ้าเดินอยู่ใต้ต้นจาคารันดาแล้วมีดอกจาคารันดาร่วงหล่นใส่หัว
แสดงว่ากำลังจะมีโชค
แต่อีกความเชื่อหนึ่งของบรรดานักศึกษา UQ (University of Queensland) บอกว่า
การบานของต้นจาคารันดาเป็นเสมือนสัญญาณบอกว่า ใกล้ถึงเวลาสอบไล่แล้ว ซึ่งจะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน
เพราะฉะนั้น ใครที่กำลังหลงระเริงกับชีวิตนักศึกษาที่นี่ก็จะต้องเริ่มต้นหยิบจับหนังสือมาอ่านกันบ้างแล้ว
และถ้าดอกจาคารันดาตกใส่หัวคนไหนก็ตาม จะส่งผลให้สอบไม่ผ่าน ดังนั้นช่วงนี้นักศึกษา
UQ ส่วนใหญ่จะไม่เดินผ่านต้นไม้ต้นนี้ หรือถ้าจำเป็นก็จะต้องหาอะไรมาบังหัวเสียก่อน
ในตระกูลต้นจาคารันดากว่าห้าสิบชนิด Jacaranda mimosiforia เป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกกันทั่วไป
โดยจะเติบโตได้อย่างรวดเร็วในพื้นที่อุดมสมบูรณ์ ระบายน้ำดี และแสงแดดส่องถึง
จาคารันดาพันธุ์นี้ไม่ชอบพื้นที่ดินเปียกชื้นหรือมีน้ำขัง รากของต้นจาคารันดาจะไม่ชอนไชลงพื้นดินลึกนัก เราจึงมองเห็นรากของจาคารันดาโผล่ขึ้นอยู่เหนือพื้นดินรอบๆ
ต้น นิยมใช้ประดับสวนขนาดกลางและเล็ก จาคารันดาจะสูงเฉลี่ยประมาณสิบเมตร
และแผ่กิ่งก้านกินพื้นที่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณสิบเมตรเช่นกัน จาคารันดาจึงนิยมปลูกประดับริมถนนและสวนสาธารณะที่ต้องการร่มเงาของต้นไม้
ในประเทศออสเตรเลียเอง ต้นจาคารันดาถูกนำมาแพร่พันธุ์ไปทั่ว จากเมลเบิร์นขึ้นเหนือไปถึง
Cairns และเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ ดอกจาคารันดาจะบานพร้อมกัน สร้างเฉดสีม่วงทั่วประเทศออสเตรเลีย
หลายคนคิดว่า จาคารันดาเป็นต้นไม้พื้นเมืองออสเตรเลีย แต่จริงๆ แล้ว จุดกำเนิดของจาคารันดาอยู่ที่บราซิลและประเทศแถบโซนร้อนของทวีปอเมริกาใต้
ในธรรมชาติจะพบต้นจาคารันดาในพื้นที่ทะเลทรายที่แห้งแล้งของบราซิล
คนริโอเดอจาไนโรและบราซิล จะเรียกจาคารันดาว่า ฮักฮารันดา (hakharanda)
จาคารันดาพันธุ์ mimosiforia จะออกดอกสองครั้งต่อปี คือ ในตอนก่อนใบไม้ผลิ
กิ่งของต้นยังโกร๋นๆ อยู่ และอีกครั้งตอนที่ใบไม้เริ่มผลิใบในฤดูร้อน ใบของจาคารันดาจะเริ่มเปลี่ยนสีในฤดูหนาว โดยจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง และร่วงหล่นในที่สุด
จาคารันดาถูกนำไปแพร่พันธุ์ในประเทศแถบโซนร้อนที่มีสภาพภูมิอากาศเหมาะสม
เช่น ประเทศในทวีปแอฟริกา และออสเตรเลีย
เมืองกราฟตัน (Grafton) ของออสเตรเลีย จะมีการจัดงานเทศกาลจาคารันดาทุกปี
จาคารันดาบานทั่วเมืองบริสเบนแล้ว แถบสีม่วงกระจายทั่วเมืองโดยเฉพาะริมแม่น้ำบริสเบน ช่วยให้ภาพของบริสเบนในอีกแง่มุมหนึ่ง ใต้ต้นจาคารันดาอาจจะเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย หรืออาจจะว่างเปล่า มีแต่ดอกจาคารันดาร่วงหล่นอยู่ทั่วไป แม้จะไม่มีโต๊ะไม้เนื้อดี หรือชาหอมกรุ่นใต้ต้นจาคารันดา
ผมก็หวังเพียงจะได้ชื่นชมดอกจาคารันดาเท่านั้นพอ