ในภาวะที่สินเชื่อบุคคลกำลังขยายตัว ข้อมูลเครดิตทั้งเชิงพาณิชย์ (Commercial
Credit) และบุคคลธรรมดา (Consumer Credit) จึงมีความสำคัญมากขึ้น
โดยมีบริษัทข้อมูลเครดิต (Credit Bureau) เป็นผู้เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อ
และประมวลผล เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้ให้สินเชื่อใช้ประกอบการวิเคราะห์และอนุมัติสินเชื่อ
ทั้งนี้เพื่อให้การอนุมัติสินเชื่อเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่ายในการรวบรวมข้อมูล
และยังสามารถช่วยป้องกันหนี้เสียได้อีกด้วย ประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ
นอกจากขั้นตอนการขอสินเชื่อที่เร็วขึ้นแล้ว หากมีประวัติด้านสินเชื่อที่ดี
ก็อาจได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า
บริษัทข้อมูลเครดิตกลาง จำกัด (Central Credit Information Services Co.,Ltd
: CCIS) เป็นบริษัทข้อมูลเครดิตรายสำคัญ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2542 ภายใต้การสนับสนุนของธนาคารแห่งประเทศไทย
ปัจจุบันมีผู้ถือหุ้น 14 ราย คือธนาคารพาณิชย์ 12 แห่ง โดยมีสมาคมธนาคารไทยเป็นแกนนำ
และ บริษัททรานส์ ยูเนี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล (Trans Union International)
และบริษัทบิซิเนส ออนไลน์ จำกัด (Business Online Co.,Ltd : BOL) มีทุนจดทะเบียน
186 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ CCIS มีสมาชิกที่สามารถร่วมใช้ข้อมูลระหว่างกัน 22 ราย โดยเป็นธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน
แต่เมื่อเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น สินเชื่อบุคคลขยายตัว ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมีแนวโน้มเติบโต
ผู้ให้สินเชื่อหลายรายจึงสนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกกันมากขึ้น
ช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา CCIS ได้รับ 5 บริษัทผู้ให้สินเชื่อเข้าเป็นสมาชิก
ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทบัตรกรุงไทย และ Cetelem (บริการบัตรเครดิต), Toyota
Leasing และ Daimler Chrysler Leasing (เช่าซื้อรถยนต์) และ Barasumi-Thai
Leasing (เช่าซื้อรถยนต์และเครื่องจักร)
นับเป็นครั้งแรกที่ CCIS รับผู้ให้สินเชื่อบุคคลเข้าเป็นสมาชิก
นอกจากนี้ยังมีผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือหลายรายที่กำลัง พยายามเสนอตัวเข้าร่วมระบบ
แต่ยังติดอยู่กับเงื่อนไข เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้ให้สินเชื่อ และข้อมูลที่ได้จะเป็นเพียง
"บัญชีดำ" ซึ่งผู้บริโภคจะไม่ได้ประโยชน์อะไร
ปัจจุบัน CCIS มีสมาชิกทั้งสิ้น 27 ราย คาดว่าก่อนสิ้นปี 2546 จะมีจำนวนสมาชิกทั้งสิ้นกว่า
35 ราย