เมทินี กิ่งโพยม มีความฝันอยากจะเป็นนางแบบตั้งแต่วัยรุ่น เธอเกิดและเติบโตที่สหรัฐอเมริกา
พ่อเป็นนักดนตรีไทย แยกทางจากแม่เมื่อเธออายุ 10 ขวบ เมทินีต้องใช้ชีวิตปากกัดตีนถีบ
และหาโอกาสทำงานหาเงินตั้งแต่เด็กเสิร์ฟ พนักงานขายในห้าง แคชเชียร์ จนกระทั่งได้พบป้ารุ่งฤดี
แพ่งผ่องใส นักร้องในห้องอาหารไทยที่พ่อทำงาน ชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนไปหลังจากเป็นมิสไทยแลนด์เวิลด์
1992 และก้าวสำคัญสู่เส้นทางนางแบบมืออาชีพในที่สุด
ผู้จัดการ > คุณมีงานทั้งพิธีกร โฆษณา งานแสดง เดินแบบ และเป็นเจ้าของกิจการด้วย
อะไรคืองานที่ fulfill ชีวิตคุณมากที่สุด
เมทินี > แน่นอน...งานเดินแบบและงานแสดงมัน fulfill เกด แต่ที่ไม่ fulfill
คืองานธุรกิจ เพราะว่าเกดไม่ได้จบมาทางด้านธุรกิจ ก็เลยรู้สึกว่า แทนที่เราจะรู้มากกว่า
มันก็รู้แค่นี้ เราอยากจะบริหารอะไรที่มันดีกว่านี้ เก่งกว่านี้ ดังนั้นเกดเลยรู้สึกว่าไม่
fulfill เท่าไร เหมือนเป็นปลาตัวเล็กๆ ใน big bowl ต้องพึ่งคนอื่น อันนี้ถือว่าเป็น
fault ของเกดเอง เพราะเกดไม่ได้เรียนต่อและไม่จบคอลเลจ
ผู้จัดการ > คุณอยากเรียนต่อไหม?
เมทินี > จริงๆ เกดคิดว่ามันเป็นอะไรที่ดีมากๆ แต่ก็ต้องโทษตัวเองค่ะ
เพราะตอนนั้นเกดอยู่ในช่วงงานเต็มมือ และน้องชายสามคนก็ยังเล็กอยู่ เกดต้องช่วยคุณแม่ส่งเสียน้องเรียน
ห่วงอนาคตเขา เราไม่ได้นึกถึงอนาคตตัวเอง ถ้ามีโอกาสเรียนก็เรียน เพราะมันเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า
Knowledge is the best thing แน่นอนอยู่แล้ว
ผู้จัดการ > โดย value ของคุณแบบนี้ ธุรกิจของคุณจะดำเนินอย่างไร
เมทินี > เกดบอกได้เลยว่าธุรกิจของเกดนี่ Base on the popularity สมมติใครไม่รู้มาเปิด
juice bar จะไม่มีใครสน แต่เพราะเกดเป็นเมทินี กิ่งโพยม เขาก็สนใจว่า ลูกเกดดื่มนี่หรือถึงสวย
เอ๊ะ..ลองดีกว่า เกดก็คิดว่าโชคดีมากๆ ที่มาตรงนี้ได้ และคิดว่า Popularity
leads to other and better things.
ผู้จัดการ > คุณมองว่าโอกาสที่มานั้นเกิดจากสร้างมันขึ้นมาหรือไม่?
เมทินี > Mostly by luck คือค่อนข้างมาเอง พวกพี่ๆ อาจจะเห็นว่าเกดขยันและจริงจังกับงานก็เลยหางานให้
เกดจะรับเล่นละครปีหนึ่งประมาณ 2 เรื่องเท่านั้นเอง อย่างปีนี้ก็มีเรื่องเมืองมายาแล้ว
ต่อด้วยเรื่องของพี่ไก่อีกเรื่อง แต่ชื่อยังไม่ชัวร์ ส่วนหนังใหญ่ก็เพิ่งถ่ายไป
เรื่องจังหวัดที่ 77 ของพีท ทองเจือ สำหรับงานพิธีกรตอนนี้เหลือสองรายการคือ
ชิงฝันปั้นดาวและพากย์มวย และจะมีรายการใหม่ของไอทีวีเข้ามา แต่บางช่องเราก็ปฏิเสธเขาไป
ทำไม่ไหว เพราะงานพิธีกรเป็น long term เกดอยากมีเวลาไปหาแม่บ้าง ดังนั้นเกดไม่พยายามรับรายการมาก
ตั้งแต่เกดเข้ามาในวงการปี 1992 เกดมีรายการทีวีมาตลอด ถูกยุบบ้าง ยังอยู่บ้าง
ส่วนมากเกดจะไม่รับงานเดี่ยวๆ ตามงานต่างๆ เพราะเกดจะกังวลอ่านชื่อคนผิด
มันจะดูไม่ดีสำหรับเรา ไม่อยากทำให้ตัวเองดูไม่ดี
ผู้จัดการ > คุณอ่านเขียนภาษาไทยได้ไหม?
เมทินี > เกดเขียนไม่ได้แต่อ่านได้ เมื่อก่อนเกดเล่นละครจะพูดช้าๆ เหมือนฝรั่งพูดไทยเลยค่ะ
อ่านสคริปต์เหมือนอ่านคาราโอเกะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องเพราะเกดใช้วิธีฝึกอ่านป้าย
ซึ่งเป็นวิธีที่เกดชอบมาก มันช่วยด้านภาษาไทยเกดเยอะมาก พี่ๆ เพื่อนๆ ก็ช่วยแก้และแปลให้ฟัง
ผู้จัดการ > แล้วงานพากย์มวยล่ะ?
เมทินี > มาจากพิม (ซอนย่า คูลลิ่ง) เขารู้จักนายสนามมวย และกำลังหาพิธีกรสองคนที่พูดภาษาอังกฤษได้
เกดกับพิมไปเรียนกันกับครูมวย และเกดก็หาหนังสือมวยอ่านและดูวิดีโอด้วย เพราะถ้าไม่เรียนจะไม่รู้ว่าทางมวยมีเตะกี่ท่า
หมัดกี่ท่าอย่างไร และศัพท์ฝรั่งก็ไม่เหมือนไทย ท่าเตะสูงเรียก High kick
หรือจระเข้ฟาดหางเรียก reverse kick และในเมืองนอกเขาชกมวยไทย กรรมการห้ามมวยจะไม่ใช้คำว่า
Stop แต่จะใช้คำว่า "หยุด" หรือ "ชก" เป็นศัพท์ไทยๆ เลย
ผู้จัดการ > ร้าน juice bar ของคุณขายดีมากที่แคลิฟอร์เนียฟิตเนส คุณมองกระแสตอบรับเรื่องสุขภาพนี้อย่างไร
เมทินี > เกดว่า Look ที่เรียกว่าต้องผอมมากๆ ยุคนั้นมันหมดแล้ว ตอนนี้จะเป็น
Look ของ Healthy ซึ่งคนเริ่มหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ไม่ว่าที่อเมริกาและแพร่มาที่เอเชีย
ถ้าดูที่แคลิฟอร์เนียฟิตเนส ตอนนี้มีสมาชิกกว่า 2 หมื่นคน มีทั้งวัยรุ่น
แม่บ้าน เด็กๆ
เกดเชื่อว่าเกดเป็นคนกลุ่มแรกๆ ที่ออกมาพูดและออกกำลังกายจริงจัง อย่าง
body combat เมื่อก่อนแทบไม่มีคนเต้นเลย แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีที่จะเต้นหรือเตะเลย
นอกจากนี้เกดเดินทางไปเห็นที่เมืองนอก อเมริกา ออสเตรเลียมา เห็นเขาดื่มน้ำผลไม้
smoothy กันทุกคน ก็เลยเห็นว่านี่เป็นเทรนด์ที่น่าสนใจและน่าเปิดร้านกัน
มันเกิดจากไอเดียของเกด เกดก็ไปหาที่เช่า ก็คุยกับเจ้าของที่แคลิฟอร์เนียฟิตเนส
และปรึกษาพี่ปู (อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์) ซึ่งมีเพื่อนเยอะ ก็เลยได้หุ้นส่วนซึ่งมีฝีมือทำเบเกอรี่
เปิดร้านที่ใต้ถุนตึกแกรมมี่ และสยามสแควร์ซอย 1 และ 2 แต่ตอนนี้ก็เลิกไปหมดเพราะไม่คุ้มทุน
จึงเหลือแต่ที่แคลิฟอร์เนียฟิตเนสแห่งเดียว ซึ่งเกดจะใช้ชื่อใหม่ว่า Metinee's
juice bar พอดีเมเจอร์เขา merge กับที่นี่ ก็เลยคิดว่าจะไปเปิดกับเขาด้วย
ระหว่างนี้เกดก็เก็บตังค์ แต่ที่แน่ๆ เกดจะไปที่สยามพารากอน เพราะแคลิฟอร์เนียฟิตเนสจะไปเปิดที่นั่น
คราวนี้เราจะทำแบรนด์ให้ชัดเลย
ผู้จัดการ > ในช่วงสิบปี ไฟในการทำงานของคุณยังแรงได้อยู่ อย่างไร?
เมทินี > ไฟของเกดยังไม่หมด แต่ว่าความคิดเปลี่ยนและเดี๋ยวนี้เกดเริ่มปฏิเสธงานบ้าง
ก่อนนี้ถ้าชอบทำอะไรก็รับหมด แต่ตอนนี้เริ่มหาเวลาให้ตัวเองมากขึ้น
ผู้จัดการ > เป็นเพราะว่าน้องๆ เริ่มเรียนจบหางานทำบ้างแล้ว?
เมทินี > ใช่ค่ะ อย่างตอนนี้น้องไมค์ปีนี้ก็จบแล้ว ก็เลยคิดว่าเขาโตแล้ว
เกดก็เลยมีเวลาพอจะมาโฟกัสที่จะทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง แต่คิดว่าจะ settle
and complete เมื่อเกดสร้างบ้านเสร็จ เมื่อก่อนนี้จะปวดหัวเรื่องน้องชาย
แต่ตอนนี้ฟังจากเพื่อนๆ ท่าทางสร้างบ้านจะปวดหัวมากกว่า
ผู้จัดการ > ตอนนี้อายุ 31 แล้วคิดวางแผนชีวิตอย่างไร
เมทินี > เกดเคยคิดว่า ชีวิตนี้เราอาจจะไม่เกิดมาเพื่อแต่งงานก็ได้ Born
to be married แต่ถามว่าถ้าได้แต่งงานแล้วอยากมีลูกไหม? ก็อยากแน่นอนอยู่แล้ว
แต่ในเวลาเดียวกัน เราถามตัวเองว่า จะต้อง the same things ผ่านทุกอย่างเหมือนที่เคยทำให้กับน้องอีกเหรอ?
ถึงแม้น้องชายเกดไม่ใช่ลูกเกด แต่เกดก็เลี้ยงเขาเหมือนลูกเกดมีวิธีการพูดกับน้องสไตล์แบบแม่ไม่ใช้จิตวิทยา
บางทีเกดหนักและเหนื่อยจากงาน ก็หงุดหงิดไปลงที่น้องไมค์หมด แต่เวลาเกดดุ
เกดก็สปอยล์เขาเหมือนกัน เดี๋ยวดุเดี๋ยวสปอยล์ ถ้าถามน้องๆ จะบอกว่าเขากลัวเกดมากกว่ากลัวแม่อีก
ผู้จัดการ > คุณแม่คุณมีส่วนอย่างไรที่ทำให้คุณเป็นคนแบบนี้?
เมทินี > เกดคิดว่าความแข็งแรง และความไม่ยอมแพ้หรือยอมง่ายๆ นี่มาจากคุณแม่
แต่ความขยันตั้งใจและอยู่นิ่งๆ ไม่เป็น เกดไม่อยากบอกว่ามาจากคุณพ่อ แต่มาจากเหตุการณ์ที่คุณพ่อทำไว้
หลังจากเลิกกับคุณแม่แล้ว เราเห็นว่าคุณแม่เลี้ยงลูกมาคนเดียว ภาษาก็ไม่เก่ง
แล้วยังต้องทำงานเลี้ยงลูก ซื้อข้าวของมันก็มีบางวันที่เงินไม่พอจะจ่ายค่าเช่าบ้าน
ค่าไฟ ค่าน้ำ มันก็เป็นอย่างนั้นอยู่พักหนึ่ง
แม่เกดเคยสอนไว้ว่า เราไม่ต้องพึ่งผู้ชาย ถ้าอยากได้อะไรต้องทำเอง เกดก็เลย
grow up กับอันนี้อยู่ตลอดเวลา เกดคิดว่าจะสร้างบ้านของเกดเองและเอาแม่มาอยู่ด้วย
คนที่เกดจะแต่งงานด้วยก็ต้องมาอยู่กับเกด ตอนนี้เกดอยากจะมีบ้านที่มีพื้นที่ของตัวเอง
เปิดประตูออกมาเห็นต้นไม้ที่เกดปลูก บ้านของเกดจะมีลูกและหลานของเกดอยู่ด้วย
เกดรักครอบครัวมากๆ ค่ะ