Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2533








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2533
"ทำความรู้จักโจทก์แสนล้าน!"             
โดย ภัชราพร ช้างแก้ว
 


   
search resources

เอื้อวิทยา, บมจ.
Metal and Steel




ผู้ก่อตั้งกลุ่มเอื้อวิทยาฯ คือประมุขของตระกูลชื่อนายใช้ เอื้อวิทยา เสียชีวิตเมื่ออายุ 52 ปี ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสงครามฯ สงบบรรดาลูก ๆ ก็ ดำเนินกิจการต่อ โดยทำด้านการสั่งสินค้าอุตสาหกรรมเข้ามาขาย มีสัมปทานป่าไม้ แต่พิจิตร เอื้อวิทยากล่าวว่าได้เลิกทำไปก่อนที่จะมีการสั่งยกเลิกจากทางราชการ เพราะมันไม่ได้ทำกำไรสักเท่าไหร่ เน้นการซื้อของจากต่างประเทศเข้ามาขายมากกว่า

การขยายจากเทรดดิ้ง คัมปะนีเริ่มด้วยการขยายพื้นที่ด้านหลังสำนักงานที่เอกมัย เป็น WORK SHOP เพื่อซ่อมเครื่องจักรทั้งหลายที่นำเข้ามาขาย เป็นส่วนงานบริการซึ่งพิจิตรอ้างว่าปัจจุบันก็ยังให้บริการซ่อมอยู่

ในส่วนของโรงงานที่ลาดกระบังนั้นเริ่มงานมาได้ 8 ปีแล้ว มูลเหตุมาจากการที่เอื้อวิทยาฯ ก่อนที่จะแยกเป็นบริษัทหลาย ๆ บริษัทดังในปัจจุบันได้ถูกบริษัทชลประทานซีเมนต์ขอชื่อไปใช้ในงานโยธา บังเอิญพิจิตรได้เข้าไปเป็นกรรมการร่วมอยู่ด้วยในครั้งนั้น ทำให้เอื้อวิทยาฯ เข้าไปเกี่ยวข้อง กับงานของบริษัทชลประทานซีเมนต์และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ด้วย จนพิจิตรกล่าวว่า "ผมวิ่งเข้าออกจนทาง EGAT หรือ กฟผ. นี่รู้จักผมดี"

พิจิตรได้รับคำแนะนำว่าเอื้อวิทยาฯ อาจจะทำเรื่องสถานีย่อยไฟฟ้าได้ เราจึงริเริ่มทำขึ้นแต่น้อยก่อน เมื่อ EGAT เห็นว่าเอื้อวิทยาฯ สามารถทำได้ก็ให้ลองทำดู โดยเริ่มจากเสาไฟฟ้าขนาดเล็กประมาณ 96 เควีก่อน แล้วก็ขยายมาเรื่อย ๆ เป็นขนา ด 115, 220, 280 เควี จนปัจจุบัน ทำ 500 เควี

การลงทุนทำโรงงานทำให้ต้องใช้เงินมาก ทั้งซื้อเครื่องจักร วัตถุดิบ จึงต้องมีการกู้เอาจากธนาคารฯ ซึ่งเอื้อวิทยาฯ เป็นลูกค้าเก่าแก่มานาน พิจิตรเปิดเผยว่า "ตลอดเวลาที่ติดต่อกับธนาคารฯ มาเราไม่เคยมีปัญหาเลย จนกระทั่งธนิต พิศาลบุตรอดีตกรรมการผู้จัดการคนเก่าออกไป มีกรรมการผู้จัดการใหม่เข้ามา มันเป็นจังหวะที่เรากำลังบูมอยู่ก็ต้องมาสะดุด อย่างเรื่องแพ็คกิ้ง เครดิต ก็ไม่มีใครรู้เรื่องเลย ตอนนั้นเราก็เลยไม่ได้รับสิทธิที่แบงก์ชาติให้อันนี้"

บรรดารุ่นลูกของใช้มีรวมทั้งสิ้น 18 คน อย่างพิจิตรซึ่งเป็นคนท้าย ๆ แล้วนั้นเล่าว่าเขาจบเพียงมัธยม 3 ในประเทศไทยเท่านั้น แล้วถูกส่งตัวไปทำงานที่เมืองนอก เพื่อเป็นการฝึกงานไปในตัว ส่วนมารุธนั้นเป็นชั้นหลานแล้ว

ผู้ถือหุ้นอยู่ในเอื้อวิทยาเครื่องอุปกรณ์ปัจจุบันแยกออกมาเป็น 5 ตระกูล ซึ่งก็เกี่ยวดองเป็นเครือญาติในเอื้อวิทยาทั้งสิ้นคือไวคกุล, เอื้อวิทยา, กัลยาณะวงศ์, อุไรรัตน์ และเมืองแก้ว

แนวทางการขยายทำโรงงานที่เอื้อวิทยาฯ ดำเนินมานั้นนับเป็นยุทธศาสตร์ที่ถูกต้อง ว่าไปแล้วเส้นทางธุรกิจของเอื้อวิทยาฯ ดูไปได้ดีอย่างมาก ๆ กล่าวคือบริษัทฯมีความสัมพันธ์เป็นอันดีกับหน่วยราชการที่เป็นลูกค้าโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการไฟฟ้าฯ องค์การโทรศัพท์ฯ กรมชลประทานฯ บริษัทฯ มีธนาคารฯ หนุนหลังอุ้มชู บริษัทฯ มีความชำนาญงานในตลาดที่ทำอยู่ มีเครดิตชื่อเสียงในฐานะผู้บุกเบิกตลาดรายแรก ๆ ในไทย และยังมีความสัมพันธ์กับผู้ค้าต่างประเทศโดยเฉพาะเรื่องการติดต่อซื้อวัตถุดิบ

ปัจจุบันโรงงานเอื้อวิทยาฯ ที่ลาดกระบัง ถนนร่มเกล้ามีพื้นที่ประมาณ 30 กว่าไร่ พนักงานโรงงานฯ มีทั้งสิ้น 756 คน มีงานที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ 50 โครงการ งานโครงการใหญ่สุดในเวลานี้คือรับจ้างบริษัท สุมิโตโมทำเสาไฟฟ้า TOWER ขนาด 500 เควี ประมาณ 540 ตัน ถัดมาเป็นโครงการผลิตเสาโทรคมนาคมขององค์การโทรศัพท์

บริเวณโรงงานแบ่งเป็นโรงย่อยหลายหน่วย โรงหน้าทำงานเล็กๆคล้ายโรงกลึง ต่อด้วยบริเวณ PACKING สินค้าเพื่อส่งของให้ลูกค้า ถัดมาเป็นโรง BOLT&NUT ผลิตน็อตและแหวนต่างๆมีโรงชุบสังกะสี (GALVANIZING) ซึ่งเป็นตัวทำรายได้สำคัญอันหนึ่งให้บริษัทฯ

หน่วยที่ใหญ่ที่สุดดูเหมือนจะเป็นโรงผลิต TOWER และ SUBSTATION ซึ่งมีคนงานประมาณ 180 คนในโรงนี้มีทั้งส่วนที่ใช้แรงคน (MANUAL) และส่วนที่ดำเนินงานด้วยคอมพิวเตอร์ โดยมีเครื่องตัดเจาะเหล็กด้วยคอมพิวเตอร์ชื่อ L-COM มี 2 ตัวและเครื่อง H-COM 1 ตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมหน่วยกล่าวว่าเป็นเครื่องตัดเจาะเหล็กเครื่องแรกๆที่มีการสั่งเข้ามาในเมืองไทย

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่โรงงานว่างสำหรับให้เช่า ซึ่งปัจจุบันบริษัทโตโมเอะ ผู้รับเหมาทำโรงไฟฟ้าที่ระยองได้มาเช่าพื้นที่ทำอุปกรณ์อยู่ด้วย

เอื้อวิทยาฯมีการนำเครื่องคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในงานออกแบบ TOWER & SUBSTATION โดยมีเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ 1 ตัวและมีจอเทอร์มินัลอีกมาก เจ้าหน้าที่วิศวกรในหน่วยนี้มีประมาณ 30 คน

สินทรัพย์ที่มีประมาณ 343 ล้านบาท (ปี 2532) ของเอื้อวิทยาเครื่องอุปกรณ์ทำให้อนาคตของบริษัทฯดูจะไปได้ดี แต่เมื่อเกิดเรื่องขัดแย้งในหมู่ผู้บริหารขึ้น ถึงแม้โรงงานฯจะเดินต่อไปได้เรื่อยๆ แต่ธุรกิจก็ต้องชะลอตัวลง ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและผลงานที่สั่งสมมาหลายสิบปีอย่างน่าเสียดาย !!

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us