Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2529








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2529
กว่าจะเป็นแชงกรี-ลาในวันนี้ เบื้องหลังคือการทำงานอย่างพิถีพิถันและกล้าทุ่ม             
 


   
search resources

โรงแรมแชงกรี-ลา, บมจ.
Hotels & Lodgings
Robert Kuok




เมื่อตึกสูง 25 ชั้นริมฝั่งเจ้าพระยาเริ่มก่อรูปขึ้นในนามของโรงแรมแชงกรี-ลานั้นใครๆ ก็คอยจับตามองดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนและทีมบริหารโรงแรมแห่งนี้กันอย่างใจจดใจจ่อ

หลายคนอยากรู้ว่าแชงกรี-ลาจะมี "ไม้เด็ด" อะไรออกมาสู้ศึกซึ่งเต็มไปด้วยคู่แข่งระดับแข็งๆ ในวงการโรงแรม โดยเฉพาะความแปลกใหม่ที่จะใช้เป็นอาวุธสำคัญ จะมีอะไรบ้าง

โรงแรมแชงกรี-ลานั้นเป็นกิจการหนึ่งของตระกูล Kuok ตระกูลนักธุรกิจใหญ่ตระกูลหนึ่งของสิงคโปร์ซึ่งถ้าจะเปรียบเทียบกันให้เห็นชัดๆ ก็อาจจะเทียบได้กับตระกูลโสภณพนิชของไทยเรา ที่เมื่อพูดถึงใครๆ ก็รู้จัก

Kuok ไม่ใช่โด่งดังเฉพาะในสิงคโปร์เท่านั้น หากยังดังข้ามน้ำทะเลไปอีกหลายประเทศ โดยบรรดานักธุรกิจทั้งหลายย่อมต้องรู้จัก Kuok กันเป็นอย่างดีในนามของผู้นำกลุ่มที่ชื่อ Robert Kuok ซึ่งเริ่มดำเนินธุรกิจโรงแรมแชงกรี-ลา โดยการทำสัญญาว่าจ้างบริษัท Westin ของชาวอเมริกันที่ชำนาญในการบริหารโรงแรมมาดำเนินการให้ และ Kuok ก็มิได้เพียงแต่ดูอยู่เฉยๆ โดยไม่ได้ทำอะไรเสียเลยหากพยายามแทรกตัวเข้ามาเรียนรู้การดำเนินงานทั้งหมด จนในวันหนึ่งเมื่อ Kuok เริ่มเรียนรู้ที่จะบริหารโรงแรมได้ด้วยตนเองแล้ว Kuok ก็ก้าวเข้ามาแทนที่ Westin อย่างเต็มตัว และตั้งเป็น chain ของตัวเองขึ้นมา ภายใต้การดำเนินการโดย Shangri-La International Hotel Company

แชงกรี-ลา เริ่มเกิดที่ฮ่องกงเป็นแห่งแรก โดยการบริหารของ Westin หลังจากนั้นจึงเปิดแชง-กรีลาที่สิงคโปร์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นโรงแรมที่เยี่ยมที่สุดโรงแรมหนึ่งในโลก เคยติดอันดับ Top-ten ของการคัดเลือกโรงแรมเยี่ยมยอดมาแล้ว (คราวเดียวกับที่โอเรียนเต็ลได้อันดับ 1) นับว่า Westin ประสบความสำเร็จในการบริหารแชงกรี-ลาที่สิงคโปร์นี้มากที่สุด แต่ในปัจจุบันนี้ได้หมดสัญญาการว่าจ้าง Westin แล้ว Kuok ภายใต้ชื่อ Shangri-La International Hotel Company ก็เข้ามาบริหารงานแทนรวมถึงแชงกรี-ลาในกรุงเทพฯ และ chain อื่นๆ ซึ่งเปิดในย่านเอเชีย มีที่จีน มาเลเซีย หมู่เกาะฟิจิ และล่าสุดหลังกรุงเทพฯ คือที่ปักกิ่ง ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างและจะเปิดในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า คงมีแต่แชงกรี-ลาที่ฮ่องกงเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่ Westin ยังบริหารอยู่ตั้งแต่เริ่มจนถึงทุกวันนี้

ครั้งที่ Robert Kuok คิดจะมาตั้งแชงกรี-ลาขึ้นที่กรุงเทพฯ นั้นเขาได้ชักชวนผู้ร่วมหุ้นหลายราย ซึ่งรายที่นับเป็นหุ้นใหญ่คนไทยก็คือกลุ่มไทยรุ่งเรืองของ สุรีย์ อัษฎาธร หรือ "เถ้าแก่หลิ่น" ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในวงการค้าน้ำตาล

ไทยรุ่งเรืองนั้นตัดสินใจตกลงที่จะร่วมทุนท่ามกลางความฉงนสนเท่ห์ใจของหลายๆ คน เพราะแต่ไหนแต่ไรมาก็เห็นกันว่าเคยทำแต่น้ำตาล ทำไมจึงหันเหฉีกแนวออกมาทำโรงแรมกับเขาบ้าง

"ไทยรุ่งเรืองมีความสัมพันธ์กับ Kuok มานานแล้วเป็นส่วนตัว เนื่องจากติดต่อซื้อขายน้ำตาลกันมา เมื่อ Robert Kuok คิดจะมาตั้งแชงกรี-ลาในกรุงเทพฯ ก็ชักชวนเถ้าแก่หลิ่นมาถือหุ้นด้วย เถ้าแก่หลิ่นเห็นว่าแต่เดิมมาไทยรุ่งเรืองก็จับแต่อุตสาหกรรมหนักมาทั้งนั้น เป็นต้นว่าโรงกลึง โรงหล่อ โรงเลื่อย ถ้าจะมาลองทำโรงแรมบ้างคงไม่เหนือบ่ากว่าแรงกระไรนัก" แหล่งข่าวในแชงกรี-ลาพูดถึงจุดเริ่มต้นของไทยรุ่งเรืองในธุรกิจโรงแรมให้ฟัง

หรือพูดอีกอย่างก็น่าจะช่วยสะท้อนได้ว่า กลุ่มไทยรุ่งเรืองมีความมั่นใจในฝีมือของกลุ่ม Kuok อย่างมากๆ จึงได้ตัดสินใจก้าวเข้ามาร่วมทุนในธุรกิจที่กลุ่มไทยรุ่งเรืองไม่เคยจับมาก่อนเช่นนี้

แชงกรี-ลาเป็นโรงแรมระดับ deluxe โรงแรมหนึ่งในจำนวนไม่กี่โรงของกรุงเทพฯ ดังนั้นจึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่แชงกรี-ลาซึ่งเป็นโรงแรมใหม่ล่าสุดในขณะนี้จะต้องมีในสิ่งที่ทัดเทียมหรือพิเศษยิ่งกว่าโรงแรมระดับ deluxe ด้วยกันเอง เพราะตราบใดที่คิดว่าจะต้องยืนก็ต้องยืนอยู่ให้ได้และให้ดีกว่าเขาอื่นด้วย การตระเตรียม project เด็ดๆ ของแชงกรี-ลา ก็เลยอาจเรียกได้ว่าเป็น "หนึ่งเดียวโรงแรมนี้" ได้อย่างเต็มปาก

แชงกรี-ลาใช้ระบบ Building Automation System ซึ่งเป็นระบบควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ภายในอาคารด้วยคอมพิวเตอร์ นับเป็นระบบที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งแรกในเมืองไทย สามารถช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้มาก และช่วยอำนวยความสะดวกในหลายๆ เรื่อง เช่น การเปิด-ปิดไฟได้เองโดยอัตโนมัติ การควบคุมการทำงานของลิฟต์ ฯลฯ อันดับต่อมาก็เป็นระบบ Stair pressurize เป็นระบบอัดอากาศเข้าไปในห้องโดยอัตโนมัติยามเกิดไฟไหม้เพื่อป้องกันการสำลักควัน นอกจากนี้ยังนำเอา Pneumatic tube คือท่อส่งระบบสุญญากาศไว้ใช้ส่งของจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง (เช่นส่งบิล) เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและแรงงาน และมีการใช้ Ultraviolet light ฆ่าเชื้อโรคในน้ำ ในห้องพักทุกห้องจะมีเครื่องกรองน้ำจากก๊อกเพื่อทำน้ำประปาให้บริสุทธิ์ รวมทั้งมีเครื่องต้มน้ำร้อนพร้อมชุดกาแฟดื่มเองได้ทุกเวลานับเป็นสิ่งพิเศษที่แชงกรี-ลาเตรียมการไว้อย่างพรักพร้อมเพื่อสร้างความต่างให้เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร เพื่อสร้าง image ที่ดีให้กับโรงแรมโดยเฉพาะ

โครงการที่ต้องลงทุนสูงถึง 2,000 ล้านบาทของแชงกรี-ลาที่กรุงเทพฯ นี้เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งผู้บริหารคาดการณ์เอาไว้ว่าเมื่อเสร็จสิ้นการก่อสร้าง ในเวลานั้นจะเกิดสถานการณ์ขาดแคลนจำนวนห้องพักของโรงแรม เนื่องจากจะเป็นช่วง boom ของการท่องเที่ยว แชงกรี-ลาก็จะเปิดตัวรองรับสภาพขาดแคลนได้ทันท่วงที แต่เหตุการณ์จริงๆ กลับไม่เป็นดังหวัง เนื่องจากสภาพการณ์ในปัจจุบันดูเหมือนจะขาดแคลนแขกที่มาพักมากกว่า ดังจะเห็นได้ว่าทุกโรงแรมพยายามดึงแขกด้านการจัดเลี้ยงซึ่งในลักษณะนี้ถือว่าแทบจะเป็นหัวใจของโรงแรมไปแล้วเพราะทำรายได้สูงถึง 70% นอกจากรายรับจะได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้วยังเป็นการ promote โรงแรมในตัวอีกด้วยนับเป็นผลพลอยได้ที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง

กว่าจะเสร็จสมบูรณ์แชงกรี-ลา เปิดตัวเองมาถึง 3 ครั้ง 3 ครา ครั้งแรกเป็น Top-ping-off เมื่อสร้างตัวตึกภายนอกเสร็จประมาณเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เป็นการเปิดตัวภายในเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงาน หลังจากนั้นเมื่อสร้างเสร็จตกแต่งเรียบร้อยเพียง 3 ชั้นก็เป็นการเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการให้แขกเข้าพักได้เมื่อ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ถัดมาอีกประมาณครึ่งเดือน ในวันที่ 18 มี.ค. จึงทำการเปิดตัวต่อสื่อมวลชนและบุคคลภายนอก แต่ก็ยังไม่นับเป็นการเปิดอย่างเต็มตัว การเปิดเป็น Grand Openning จะทำกันในช่วงปลายเดือนสิงหาคมเรียกว่ากว่าจะเป็นแชงกรี-ลาได้ในวันนี้ก็ต้องผ่านกรองการดำเนินงานมาหลายขั้นตอนเต็มทีซึ่งกาลข้างหน้าคงพิสูจน์ได้ว่าแชงกรี-ลาจะผงาดขึ้นริมฝั่งเจ้าพระยาอย่างที่เรียกว่า สู้เขาได้...สบายมาก...หรือมิใช่...

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us