"ดาวหางดวงนี้ (ฮัลเลย์) มาขึ้นชัดแจ้งอีกทีในปี พ.ศ.2453 ขึ้น เมื่อราว
ๆ กลางปี เดือนกรกฎาคม..สิงหา...กันยา....ในระหว่างนั้น แต่ขึ้นคราวนั้นผมยังไม่เกิดแต่ถึงจะยังไม่เกิดก็อยู่ในท้องแม่
(ฮา) ... เพราะฉะนั้นนี่แหละ ... ที่ว่ามันมากับฮัลเลย์ ... มันอาจจะเป็นมันนี้ก็ได้ไม่รู้ได้
(ฮา-ปรบมือ) ... ผมนั่งดูป้ายอยู่ข้างล่างก็ชักตะขิดตะขวงใจว่า ... เอ๊ะ
... ใครมา (ฮา)"
ข้อความทั้งหมดในเครื่องหมายคำพูดนั้นก็คือถ้อยคำจากฝีปากของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์
ปราโมช ในการกล่าวนำการอภิปรายเรื่อง "มันมาพร้อมกับดาวหางฮัลเลย์"
ในห้องประชุมชั้น 30 อาคารธนาคารกรุงเทพ เมื่อตอนบ่ายวันที่ 10 เมษายน 2529
ท่ามกลางผู้ฟังแน่นขนัดประมาณ 2,000 คน ไม่รวมพนักงานของธนาคารอีกหลายร้อยคน
เพราะได้มีการถ่ายทอดเสียงการอภิปรายครั้งนี้ไปยังทุกชั้นในอาคาร
"อาจารย์หม่อม" (ตามที่พิชัย วาศนาส่ง เรียก) ได้เล่าลำดับเหตุการณ์ในอดีตนับตั้งแต่พระเยซูกำเนิด
ซึ่งมีการกล่าวอ้างถึงดาวหางดวงนี้ ไล่ลำดับมาเรื่อยจนกระทั่งปี 2453 อันเป็นปีที่พระพุทธเจ้าหลวง
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต โดยรวม ๆ แล้วอาจารย์หม่อมบอกว่าดาวหางฮัลเลย์มาเยือนโลกครั้งใดมักจะมีเหตุร้ายๆ
เกิดขึ้นอยู่เสมอ
สำหรับการมาใกล้โลกของดาวหางฮัลเลย์ในปีนี้ อาจารย์หม่อมโยนลูกไปให้โหรหนุ่มปรเมศวร์
วัชรปาน เป็นผู้อภิปรายต่อ โดยอ้างว่าตนเองอยากจะเป็นผู้ฟังมากกว่า อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะจบการพูดในรอบแรกอาจารย์หม่อมก็อดไม่ได้ที่จะปล่อย
"หางเครื่อง" ใส่ปรเมศวร์
"ที่ว่ามันมากับฮัลเลย์ก็อยากจะรู้ว่าอะไรที่มันมา ... แต่ผมก็เรียนไว้แล้วว่าผมเกิดมาเกือบจะพร้อมกับการมาของฮัลเลย์ครั้งก่อน
อยู่ในท้องแม่มาตั้งฮัลเลย์มันโผล่ (ฮา) .... ผมก็ต้องถือว่าผมมา (ฮา) ....
และมาจนมันกลับมาอีกทีแล้ว .... อายุก็ 75 เข้าไปแล้ว ตอนนี้ก็นั่งดู ๆ เหมือนกันว่ามันมาคราวนี้ผมจะตายหรือไม่ตาย
(ฮา) แต่เรื่องผมจะตายหรือไม่อยากรู้ถามโหรปรเมศวร์ดูทีหลังครับ (ฮา) ....เพราะแกดูผมทีไรแกบอกว่าผมตายทุกที
(ฮา) ผมก็ไม่เคยตายตามใจหมอก็อยู่มาได้จนทุกวันนี้ (ฮา) ผมก็มีอยู่เท่านี้แหละครับคุณพิชัย"
ผู้อภิปรายคนต่อไปก็คือปรเมศวร์ วัชรปาน ที่นั่งหัวร่องอก่องอขิงกับลูกเล่นของอาจารย์หม่อม ปรเมศวร์
แม้จะพูดได้ค่อนข้างดี แต่ไม่ค่อยได้ใจความนัก ประการแรกอาจจะเป็นเพราะเป็นผู้เดียวที่ไม่ได้พูดถึงดาวฮัลเลย์ในแง่วิทยาศาสตร์จึงต้องพูดอย่างระมัดระวังเต็มที่
อย่างที่สองปรเมศวร์นั่งอยู่ระหว่างหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช กับพิชัย
วาศนาส่ง .... ที่ต่างก็เป็นนักพูดที่มีชื่อเสียงเกริกไกร หนุ่มปรเมศวร์
ก็คงเกิดความรู้สึก "เกร็ง" อย่างน่าเห็นใจ
โดยสรุปแล้วปรเมศวร์ วัชรปาน ไม่สู้เห็นด้วยว่าดาวหางมีอิทธิพลต่อวิชาโหราศาสตร์
แต่เน้นว่าปรากฏการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นพร้อมกับดาวหางนั้น มีสาเหตุมาจากอิทธิพลของดาวนพเคราะห์ที่กุมมันอยู่ในลัคน์และราศีต่างๆ
มากกว่า ในตอนใกล้ ๆ จะจบการอภิปราย ปรเมศวร์ได้พูดถึงการมาเยือนโลกของดาวหางฮัลเลย์ไว้เป็นนัยอย่างน่าสนใจดังต่อไปนี้
"การที่จะไปหลงเชื่อว่าดาวหางฮัลเลย์ เป็นสื่อแห่งความพินาศต่าง ๆ
ก็ไม่ค่อยถูกต้องนักผมว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์เองมากกว่าที่หาเหตุอ้างเอาปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้มาใช้เพื่อเป็นผลประโยชน์แก่ตัวเอง
หรือว่าให้เกิดเหตุการณ์ซึ่งเป็นผลประโยชน์ต่อกลุ่มของพวกตน"
แต่ที่เป็นทีเด็ดของปรเมศวร์จริง ๆ ก็เห็นจะเป็นการอภิปรายในตอนท้ายสุด
ที่เรียกรอยยิ้มจากอาจารย์หม่อมได้อย่างกว้างขวาง รวมทั้งเสียงฮาของผู้ฟัง
"เกี่ยวกับดาวหางนั้น .... ที่ให้คุณก็มี .... เพราะว่าเมื่อดาวหางขึ้นไม่ใช่ว่ามีแต่ผู้ยิ่งใหญ่ตาย
ผู้ยิ่งใหญ่มาเกิดก็มีเหมือนกัน (หันไปมองหน้า ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ที่นั่งอยู่ข้าง
ๆ คนดู-ฮา) จากการศึกษาของผม ผู้ที่เกิดในปีที่ดาวหางขึ้นก็มีอเล็กซานเดอร์
เดอะ เกรท นโปเลียน โปนาปาร์ด ควีนอลิซาเบธที่ 1 ฯลฯ แต่ผมยังหวังว่าผู้ที่เกิดในปีที่ดาวหางขึ้นนั้นคงไม่ใช่ว่าดาวหางไปแล้วไปด้วย
(ฮา) เพราะว่าอย่างอาจารย์หม่อมท่านก็ยังแข็งแรงอยู่ (ฮา)"
ผู้อภิปรายอีก 2 คนต่างก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ด้วยกันทั้งคู่ คนแรกคือ "ดาว
จรัสแสง" คอลัมนิสต์ข่าววิทยาศาสตร์ของหนังสือพิมพ์มติชน ซึ่งก็ว่าไปในเรื่องดาวหางฮัลเลย์ในแง่มุมวิทยาศาสตร์
และคนที่สองคือนิพนธ์ ทรายเพชร ผู้อำนวยการท้องฟ้าจำลองและเลขานุการสมาคมดาราศาสตร์ไทยและเทศที่ดำเนินการเกี่ยวกับดาวหางดวงนี้
"ผู้จัดการ" คงไม่เขียนถึงรายละเอียดของผู้อภิปราย 2 คนหลัง
เพราะส่วนใหญ่ก็เหมือนข้อมูลที่ตีพิมพ์อยู่ตามหนังสือต่าง ๆ ร่วม 10 ฉบับในขณะนี้....ใช่ครับ.....ซื้ออ่านกันเอง
ทางด้านผู้ฟังนั้นระดับเจ้าหน้าที่บริหารชั้นสูงของธนาคารกรุงเทพดูเหมือนจะมาแทบทุกคน
ดร. อำนวย วีรวรรณ นั่งฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ดร. ชาตรี โสภณพนิช เข้ามาตอนบ่าย
3 โมงและออกไปตอนบ่าย 4 โมงเศษ ๆ นอกจากนั้นก็มี วิระ รมยะรูป ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย
ที่เกี่ยวก้อยมากับพีรพงษ์ ถนอมพงศ์พันธ์ ดร.นิมิต นนทพันธาวาทย์ ดร. สาธิต
นนทพันธาวาทย์ ดร. สาธิต อุทัยศรี ดร. สุรศักดิ์ นานานุกูล และประจวบ อินอ๊อด
รายการอภิปรายครั้งนี้เสร็จสิ้นลงเมื่อเวลา 16.30 น. ตามหมายกำหนดการเป๊ะ
ตอนยืนรอลิฟต์ที่มีคนออกันแน่น ช่างภาพของ "ผู้จัดการ" บ่นเป็นเชิงเสียดายว่า
ไหน ๆ ก็จัดอภิปรายกันที่แบงก์แล้ว น่าจะให้พวกนายแบงก์มีโอกาสพูดบ้างว่า
ในแง่เศรษฐกิจหรือการเงิน...มีอะไรบ้างที่สงสัยว่ามาพร้อมดาวหางฮัลเลย์
บ่นเรียบร้อยพี่แกก็รำพึงออกมาว่า "ฮัลเลย์ วากา คีมา ลองเทเล"
ถามไปว่าแปลว่าอะไร คำตอบก็คือ สภาพเศรษฐกิจและการเงินของเมืองไทยแบบนี้
นายแบงก์ทั้งหลายคงพูดเสียงเดียวกันว่า "ฮัลเลย์ วังกา ขี่หมา ลงทะเล
(ดีกว่า)"